บัญชีกลางร่วมมือ 3 กองทุนใหญ่ ทำ MOU แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อพัฒนาระบบสุขภาพประเทศไทย

กรมบัญชีกลางลงนามบันทึกความร่วมมือ 3 กองทุนใหญ่ เพื่อดำเนินการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ สนับสนุนการวิเคราะห์ติดตามกำกับประเมินผล และการวิจัยพัฒนาการเงินการคลังระบบสุขภาพประเทศไทย วันที่
3 สิงหาคม 2553  ณ โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี

           นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ได้เข้าร่วมบันทึกข้อตกลงเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศในการสนับสนุนการวิเคราะห์ติดตาม  กำกับ  ประเมินผล และการวิจัยพัฒนาการเงินการคลังระบบสุขภาพประเทศไทย   โดยร่วมมือกันระหว่าง 3 กองทุนใหญ่ ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง  ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน    ในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งเป็นข้อมูลต่าง ๆ ที่ 4 หน่วยงานรับผิดชอบกำกับดูแล  โดยจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างหน่วยงานเอง และส่งให้สถาบันวิจัยฯ  นำไปวิเคราะห์ต่อ  โดยประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำข้อตกลงร่วม (MOU) ในครั้งนี้  คือ  ข้อมูลด้านสาธารณสุขของคนไทย ที่เป็นมาตรฐาน  และสามารถใช้ในการเปรียบเทียบอ้างอิง  เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของประเทศที่มีประสิทธิภาพ

             ในส่วนของกระทรวงการคลัง และกรมบัญชีกลางจะได้รับประโยชน์ก็คือ  การได้รับข้อมูลที่สามารถนำไปวิเคราะห์  และวางแผนเชิงนโยบายตามประเด็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลังในด้าน “การบริหารและรักษาความยั่งยืนทางการคลัง (Manage and Maintain Fiscal Sustainability)” ได้ กล่าวคือ สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคตของประเทศจากทุกกองทุน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านงบประมาณที่จะต้องสนับสนุน        รัฐจะต้องเพิ่มการจัดเก็บรายได้เท่าไรเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายด้านการรักษาของประเทศที่เพิ่มขึ้น  เนื่องจากประชากรของประเทศมีอายุยืนขึ้น เป็นต้น

             โดยในระยะเริ่มต้น สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จะเป็นหน่วยงานกลางรวบรวม และดูแลข้อมูล รวมทั้งเสนอแนะทางวิชาการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับประเด็นเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบางส่วนที่เป็นข้อมูลที่ต้องสงวนไว้ เป็นความลับ เช่น  ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาของผู้ป่วยนั้น ได้มีการวางระบบป้องกันไว้แล้ว  โดยจะมีการแปลงข้อมูลที่จะสามารถระบุตัวบุคคลให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นข้อมูลของบุคคลใด ซึ่งเป็นสิ่งที่ 3 กองทุนใหญ่ให้ความสำคัญ เป็นอันดับแรก นายพงษ์ภาณุ กล่าว