วีรบุรุษหัวใจไม่ยอมตาย


ชนะอื่นหมื่นแสนหน บ้างกลับตนเป็นแพ้ไม่แน่นอน

ผมอดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้ยินข่าวว่าท่านพระอาจารย์ชิงชัยซึ่งเป็นเพื่อนสหธรรมิกกันได้ไปเรียนต่อที่มหาลัยราชภัฏฯ เพราะอะไรหรือถึงทำให้แปลกด้วยประการทั้งปวง แปลกเพราะว่าคิดไม่ถึงหรือไม่เคยคิดนั่นเอง ท่านเคยพูดให้ผมฟังหลายครั้งแล้วก็นึกว่าท่านพูดเล่น แต่ไปๆมาๆท่านก็เอาจริง มาถึงตรงนี้ก็ให้นึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าข้อหนึ่งในหลายๆข้อว่า “สัจจะ คือความจริงใจทำสิ่งใดก็ให้ได้จริง ทำจริงๆ” ซึ่ง ธรรมะข้อนี้มีในหลายๆหมวดเมื่อจัดเป็นหมวดหมู่ อย่างเช่นในหมวดข้อธรรมของคฤหัสถ์ ๔ ข้อคือ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ สี่ข้อนี้เป็นธรรมที่คฤหัสถ์เราชาวพุทธควรที่มีไว้ในในเสมอเลยทีเดียว

 

รูปท่านชิงครับน่ารักมะ

การศึกษาไม่มีคำว่าแก่จริงๆตอนแรกก็คิดว่าท่านจะไหวรึ แต่พอเห็นท่านเข้าไปเรียนจริงๆถึงกับอึ้งเลยพี่น้อง ที่อึ้งนะไม่ใช่เพราะว่าดูหมิ่นอะไรหรอก อึ้งเพราะว่านิติศาสตร์เป็นวิชาที่ท่านเลือกลงนะชิ ผมก็ไม่ทราบชะด้วยสิว่าเอกนิติฯนี่เมื่อจบแล้วไปสายไหนเพราะว่าผมไม่ใช่เด็กเรียน(ด้อยโอกาสมากกว่า)  บุคลิกของท่านชิงชัยนะหรือเป็นอะไรที่ทำให้ผมอึ้งละครับถ้าไม่เห็นตัวจริงเราอาจจะคิดว่าก็ไม่เห็นเป็นไรถ้าท่านจะเรียนนิติฯ แต่ถ้าเห็นหน้าค่าตาแล้วท่านจะอึ้งหรือยิ่งกว่าคือ อึ้งไม่ออกเลยเชียว ท่านชิงชัย เพื่อนๆพระด้วยกันเรียกว่าท่านชิงบ้าง หลวงพ่อชิงบ้างเพราะเป็นที่รักของเด็กเวลาท่านสอน พระอาจารย์ชิงชัยของญาติโยมบ้างเป็นพระที่ซื่อๆแต่จริงใจคิดออกนะครับ ส่วนมากทุกคนเมื่อได้อยู่ใกล้ท่านแล้วอารมณ์ดี อยู่ใกล้แล้วทำให้ยิ้มได้ตลอดเวลาขำๆ ซื่อๆ ไม่ค่อยตลกแต่ทำให้คนอื่นตลกโปกฮาได้ตลอดฯ ตามที่ดูตอนไปเรียนธรรมะด้วยกันที่จันท์บุรีตลอดเวลาประมาณ ๒ ปี บอกตรงๆว่าหัวระดับท่านผมไม่คิดว่าจะมาเรียนนิติศาสตร์ โอ้ อมิตตพุทธ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมากมันกลับตาลปัตรจนทำให้อัศจรรย์ใจได้ 

 อัศจรรย์ที่ไม่เคยนึกมาก่อนอย่างหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือดีใจชื่นชมที่คนอย่างท่านสู้ไม่ถอยกับอุดมการณ์ของชีวิต คิดไปคิดมาเหมือนจ่าเพียร สารวัตรเพียรเลยให้ตายสิ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ. บันนังสตา เหมือนขงเบ้งตอนรบกับเบ้งเฮกเพื่อเอาชนะใจกัน เหมือนดร.เอ็มเบ็ดก้า ผู้ได้สมัญญานามว่า มนุษย์กระดูกเหล็ก ฝีปากกล้า และอภิชาตบุตรของชาวหริจันทร์หรือชาวศูทร ที่ประกาศชัยชนะต่อความอยุติธรรมของการกดขี่ในระบบชั้นวรรณะ ด้วยการนำชาวศูทรจากทิศานุทิศกว่าครึ่งแสนเคลื่อนพลสู่เมืองนาคปูร์ แคว้นบอมเบย์ ประกาศเปลี่ยนศาสนามาเป็นพุทธนับถือพระรัตนตรัย ท่ามกลางคนศาสนาอื่นอย่างฉงนสนเท่ห์ต่อคนทั้งปวง ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๙๙ ท่านดร.เอ็มเบ็ดก้านั้นประวัติการต่อสู้ของท่านเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าหรือคล้ายกับนางอองชานชูจี ที่ต่อสู้กับรัฐบาลทหารของพม่าบุคคลเหล่านี้ชีวประวัติของเขาน่าค้นคว้ามาเป็นข้อคิดได้อย่างดีเหมือนยาขนานเอกที่สามารถรักษาโรคของคนจนได้ชะงัดนักแล

เขียนแต้มภาพระบายสีจนเหมือนวีระบุรุษชะงั้นเลย แต่ว่าตามความคิดแล้วอดไม่ได้เมื่อเห็นบุคคลคนใดหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้กับความมืดดำอันสิงสถิตอยู่ในสังคมทุกเส้นตารางนิ้ว ความสกปรกโสมมของนักบุญในคราบของนักต้มตุ๋นมีอยู่ทุกทั่วหัวระแหง พวกนี้หรือจะมีดีอยู่บ้างก็เพียงแต่แสดงมายากลเท่านั้น ชาวบ้านนอกคอกนา ชาวไร่ชาวสวนส่วนมากซึ่งเป็นคนจนถึงระดับพอมีกินอยู่บ้างนั้นตกเป็นเหยื่ออันหอมหวานมาชั่วหลายอายุคน ชาวนาที่ถูกกล่าวว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติจะไม่มีวันเชียวละหรือที่จะลืมตาอ้าปากได้ หรือจะถูกเหล่าพ่อค้าหัวใสเอาเปรียบอยู่ร่ำไป จะมีใครกันสักกี่คนที่จะเข้าใจหัวอกอันขมขื่นของพวกเขาอย่างแท้จริง เมื่อใดก็ตามเกิดมีบุคคลหนึ่งใดกล้าหาญท้าทายต่อสู้กับความไม่พอดี อำนาจ อิทธิพลมืดใดใดอย่างไม่หวาดหวั่น มันทำให้หัวใจอันห่อเหี่ยวพลันสดชื่นขึ้นมาเหมือนปลาได้น้ำกระนั้น แม้จะไม่รู้ปลายทางอย่างแน่นอนของตอนจบแต่ก็ทำให้อุ่นใจมิรู้ลืมเมื่อยังมองเห็นแสงอันริบหรี่ของพระอาทิตย์สาดส่องตรงปลายทาง ความหวังที่จะเห็นธรรมะชนะอธรรมยังพอมีอยู่บ้างตลอดเวลาที่เหล่าผู้กล้ายังอาจหาญไม่ยอมตาย

เหมือนความหวังของชาวหริจันทร์หรือศูทรในเมืองพ่ออินตระเดียเพียงครึ่งล้านหาญกล้าต่อการกับวรรณะอื่นที่มากมายหลายเท่าตัวอย่างไม่ยี่ระเพราะได้นายพลที่เข้มแข็งเป็นผู้นำ เหมือนนางอองชานชูจีต่อสู้กับนักการทหาร และก็เหมือนจ่าเพียร สารวัตรสมเพียร ต่อสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องไว้ซึ่งความชอบธรรม การต่อสู้ที่มีเครื่องมือพวกพ้องอยู่บ้างไม่สู้น่าอัศจรรย์เท่าใดนัก แต่คนเดียวเดียวที่ต่อสู้กับหัวใจของตัวเองนี้นับว่ายากอย่างยิ่ง

ชนะอื่นหมื่นแสนหน บ้างกลับตนเป็นแพ้ไม่แน่นอน

ชนะใจของตนในตนก่อน ดีกว่าย้อนกลับแพ้แค่ลวงลวงฯ “อัตตา หเว ชิตัง เสยโย”

ชนะตนนั่นแหละดี หลวงพ่อชิงของเด็กๆเป็นวีรบุรุษในสายตาของใครบางคนด้วยเหตุชนะใจตนเอง อดทน ต่อสู้ พากเพียร ใฝ่ในการศึกษาแม้จะอายุปาเข้าใกล้เลขสาม อาจจะถือว่าไม่แก่จนเกินแกง แต่ก็ใกล้ได้แกงเหมือนกัน เป็นอุทาหรณ์อย่างดีสำหรับเยาวชนนักเรียนนักศึกษาร่วมสมัย เรียนยังไม่เท่าไรก็ไม่ไหว ทนต่อปัจจัยรอบข้างไม่ได้เรียนไม่จบเป็นปัญหาของสังคม บางคนก็มีปมด้อยปัญหาในครอบครัว ยากจนบ้างหลายประการอันเป็นอุปสัคขัดขวาง  แต่จะมีสักกี่คนที่ได้คิดลุกขึ้นสู้ยืนหยัดด้วยขาสองข้างของตนอย่างภาคภูมิ ไม่ยอมแพ้แก่อุปสัคเหล่านั้นแม้ลมหายใจเหือกสุดท้าย บุคคลดังว่ามาย่อมนับได้ว่า “วีรบุรุษไม่ยอมตาย”

อุตส่าห์มีภาพว่าจะเอาลงประกอบแต่ว่าลงไม่ได้ต้องขออภัย

 ลืมไปวันนี้วันพระอย่าลืมสวดมนต์ไหว้พระบ้างนะท่านที่รัก

หมายเลขบันทึก: 381140เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2010 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ลืมตาดูโลกเพราะสิ่งนี้เอง "คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า" เพราะปู่ของข้าพเจ้าคือเจ้าอาวาส

จริงนะอาตมาลืมคิดไปบางทีคนในวัดที่ออกไปก็มีคุณค่าให้อีกคนหนึ่งได้ ชีวิตที่มีคนๆหนึ่งมอบให้นั้นมีความหมายหาประมาณมิได้ คนที่ไม่ลืมคุณที่ท่านทำให้แล้วตอบแทนย่อมนับได้ว่าเป็นบัณฑิตคนหนึ่งในบรรดาผู้รู้ทั้งหลาย ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท