ขอบคุณมากที่ทุกท่านให้กำลังใจ และให้ข้อคิดเห็น โดยเฉพาะข้อคิดเห็นของคุณชายขอบมีประโยชน์ต่อผู้วิจัยมากค่ะ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาเก็บข้อมูลใน จ.กำแพงเพชร และวันนี้นั่งอ่านสรุปข้อมูล
พบว่า ความเชื่อในการทำความดี เกิดจากการอบรม ปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก และพ่อ แม่พาไปวัดเป็นประจำ พอเป็นผู้ใหญ่ก็ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม บางครั้งทำสิ่งที่ไม่ดีไปก็รู้สึกไม่สบายใจและไม่ทำอีก
ส่วนผลที่ได้จากการทำดีนั้น ผู้วิจัยได้สรุปไว้ดังนี้ค่ะ ; มีความสุขสบายใจ ถึงคราวทุกข์ก็มีคนช่วยเหลือ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความยับยั้งชั่งใจไม่โกรธ ไม่เครียด บาปกรรมมีจริงเห็นได้ทันตา
เป็นเพียงตัวอย่างนะคะ ที่สรุปไว้ยังมีอีกมาก กลุ่มผู้ให้ข้อมูลมีหลากหลาย อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ ที่สัมภาษณ์มามีการศึกษาตั้งแต่ ไม่จบป.4 ไปจนจบปริญญาเอก อาชีพ เก็บของเก่าขาย ทำไร่ทำนา และบางคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่จากการสัมภาษณ์ ทุกคนมีสิ่งคิดเหมือนกัน คือ เชื่อในการทำความดี และผลของความดีที่ได้รับ ทำความดีแล้วมีความสุขสบายใจ ไม่มีใครพูดถึงวัตถุนิยม มีแต่พูดว่า ไม่ร่ำไม่รวยแต่มีความสุข
ผู้วิจัย เก็บข้อมูลที่ อ.บ้านผือ ซึ่งที่พื้นที่นั้นได้เห็นปรัชญาชีวิตที่น่ารักมากจากประชาชนที่มีอาชีพทำไร่ทำนา ซึ่งฐานะยากจนแต่มีคุณธรรมมากเพราะใกล้วัดดี ใกล้พระดี ส่วนข้อมูลที่กทม.ต้องเก็บเพิ่มเติมอีก
วัตถุประสงค์ของงานวิจัย คือ เพื่อศึกษาสาเหตุที่ทำให้บุคคลเกิดความเชื่อในผลของความดี และ เพื่อศึกษาพฤติกรรมบุคคลที่มีความเชื่อผลของความดี
แต่ผู้วิจัยคงมีรายละเอียดเพิ่มเติมที่ได้จากการสัมภาษณ์ ตั้งใจว่าจะทำให้เสร็จต้นสิงหาคม ถ้างานวิจัยเล่มนี้เสร็จแล้ว คาดว่าตอบคำถามคุณชายขอบได้นะคะ และรับรองว่าท่านที่สนใจได้อ่านแน่ค่ะ ผู้วิจัยมีความตั้งใจว่าจะให้งานชิ้นนี้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ให้คนเห็นความสำคัญกับการทำความดีว่าอย่างน้อยทำความดีแล้วใจสบายก็พอแล้ว
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่ให้กำลังใจและข้อคิดเห็น ขอบคุณค่ะ