บางใบไม้.. “จากกองทุนฌาปนกิจสู่สวัสดิการเกิด แก่ เจ็บ ตาย” *
ตำบลบางใบไม้ ห่างจากอำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 2 กิโลเมตร สถานที่ตั้งตำบลมีคลองจำนวนมาก สองข้างคลองมีป่าไม้เบญจพรรณ จึงมีใบไม้ลอยทับถมกันในคลองมาก ทำให้น้ำขึ้นลงไม่สะดวก จึงตั้งชื่อตำบลว่า “บางใบไม้” เนื่องจากมีใบไม้ลอยทับถมอยู่ในลำคลองเป็นจำนวนมากนั้นเอง ตำบลบางใบไม้ประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้าน 526 ครัวเรือน มีประชากรทั้งสิ้น 2,397 คน
แนวคิดเรื่องสวัสดิการชุมชนเกิดจากกองทุนฌาปนกิจ ซึ่งภาคชาวบ้านมีการช่วยเหลือกันในยามที่คนใดคนหนึ่งเสียชีวิตลง ซึ่งพบว่า บางคนมีฐานะยากจน อีกทั้งไม่ได้เตรียมการเรื่องการตายไว้ล่วงหน้า จึงทำให้ญาติพี่น้อง ลูกหลาน มีความเดือดร้อน ต้องกู้เงินมาเพื่อจัดงานศพ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการจัดงานศพ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินตามมา เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระดังกล่าวชาวบ้านจึงได้จัดตั้งกองทุนฌาปนกิจขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือกันในด้านการเงินแล้ว ยังสามารถช่วยในด้านแรงงานด้วย ในภาคใต้โดยส่วนใหญ่การช่วยเหลือกันอย่างนี้ว่า “การช่วยงาน”
นายปกรณ์ โปนุ้ย ผู้ประสานงานกองทุนสวัสดิการชุมชนบางใบไม้ กล่าวว่า ตำบลบางใบไม้มีกองทุนในลักษณะต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเกิดจากการออมของชาวบ้าน แต่คนส่วนใหญ่ยังขาดระบบคิด คือ ออมก็รู้จักแต่การออมเท่านั้น ขาดระบบคิดในเรื่องของการบริหารจัดการ จึงทำให้ไม่สามารถขยายทุนต่างๆที่ชุมชนมีอยู่ เชื่อมโยงไปสู่กิจกรรมเรื่องอื่น ๆ ได้ ภายหลังจึงเกิดการชักชวนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตำบลให้คิดถึงหลักประกันของตัวเอง จึงนำมาสู่แนวคิดเรื่องการจัดสวัสดิการชุมชน เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยใช้กองทุนฌาปนกิจเดิมที่มีอยู่เป็นบานสำคัญ เพื่อขยับขยายไปสู่การจัดสวัสดิการด้านอื่น ๆ ให้กับชุมชน
นายปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า แม้สวัสดิการชุมชนตำบลบางใบไม้จะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 20 กันยายน 2549 แต่ปัจจุบันสามารถขยายฐานสมาชิกได้ถึง 369 คน มีเงินกองทุน 81,043 บาท ซึ่งในอนาคตจะขยายให้ครอบคลุมสมาชิกทั้ง 100 % รูปธรรมของการจัดสวัสดิการสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า ในปี 2549 สามารถให้การช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตจำนวน 5 ราย เป็นเงิน 8,500 บาท นอกจากนั้น ยังจัด สวัสดิการให้เด็กแรกเกิดอีก 3 ราย เป็นเงินจำนวน 3,000 บาท อีกด้วย
อย่างไรก็ตามรายละเอียดของกระบวนการกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบางใบไม้ สามารถอธิบายโดยแสดงเป็นแผนภูมิได้ดังนี้
หากพิจารณารูปธรรมของกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบางใบไม้ พบว่า จุดเด่นของกองทุน คือ การประสานองค์กรต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในขบวนการขับเคลื่อนงานสวัสดิการชุมชนซึ่งทำให้สมาชิกผู้ร่วมรับผลประโยชน์คลอบคลุมกว้างขวางเต็มพื้นที่มากขึ้น นอกจากนั้นชุมชนบางใบไม้ยังสามารถสร้างความร่วมมือกับแหล่งทุนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้จากที่มาของแหล่งทุน ซึ่งนอกจากสมาชิกและองค์กรในชุมชนสมทบแล้ว ยังสามารถประสานเครือข่าย ภาคีระดับจังหวัด องค์กรท้องถิ่นอย่างเช่น องค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีแนวทางในการสนับสนุนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลบางใบไม้ซึ่งเกิดจากหลักคิดและแนวทางการขับเคลื่อนโดยภาคประชาชนเป็นหลัก อาศัยชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยังสามารถดำเนินกิจกรรมให้ก้าวหน้าต่อไปได้ ภายใต้ความร่วมมือกับภาคีพัฒนาจากส่วนต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการยกระดับวิธีคิดให้รู้เท่าทันกับกระบวนการเปลี่ยแปลงทางสังคม และการจัดสรรงบประมาณในสัดส่วนที่ชุมชนสามารถขับเคลื่อนกองทุนไปสู่แนวทางของการพึ่งตนเอง โดยไม่ยึดเอาเงินเป็นตัวนำในการพัฒนา ซึ่งหากกองทุนเติบโตขึ้นภายใต้เงื่อนไขของการดูแลช่วยเหลือกันเองของภาคชุมชน เป็นส่วนสำคัญยิ่งของความภาคภูมิใจ ความรู้สึกเป็นเจ้าของ และทำให้เกิดโครงข่ายสำคัญที่จะช่วยปกป้องกองทุนสวัสดิการภาคประชาชนให้เกิดความเติบโตและยั่งยืน
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลบางใบไม้จะเป็นต้นแบบสำคัญให้กับชุมชนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความร่วมมือกับพหุภาคี และจะเป็นกองทุนที่ประสบความสำเร็จในการจัดสวัสดิการชุมชนให้กับภาคชุมชน ที่มีรูปแบบสวัสดิการหลากหลาย ขยายได้จนครอบคลุมวงจรชีวิต ของชุมชนตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ตามกรอบแนวคิดที่ว่า “ชุมชนต้องมีหลักประกัน อันเป็นหลักการสำคัญของกองทุนสวัสดิการชุมชน ตำบลบางใบไม้ ” นั้นเอง
* อุดมศักดิ์ เดโชชัย อาจารย์หลักสูตรการพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
ไม่มีความเห็น