1. ใครเป็นคนทราบล่วงหน้าว่าเขาจะลาออกในวันที่ 1 พ.ค. 49 ครับ
2. ทำเรื่องเสนอตามขั้นตอนไปแล้วเรื่องไปติดค้างอยู่ตรงไหนครับ
3. การเงินเสนอความเห็นได้แต่ผู้ที่จะตัดสินใจคือผู้บริหารสูงสุดครับ
4. ตามระเบียบของกระทรวงการคลังจะต้องมีการสืบสวน สอบสวน เพื่อหาตัวผู้รับผิดทางแพ่ง(ผู้ที่ต้องชดใช้เงินจำนวนที่จ่ายไป)ก่อนครับ
อ้อมเสนอทางแก้มาให้ด้วยค่ะ
ทางแก้ที่1 คือ แจ้งความให้ทางตำรวจช่วยติดตามเจ้าหน้าที่รายนี้ให้ เพราะทางอ้อมก็พยายามตามแล้วแต่ เขาคงมีเจตนาหลบเลี่ยง จึงไม่สามารถติดต่อได้ น่าจะดำเนินคดี ข้อหาฉ่อโกงทรัพย์ เพราะทั้งๆ ที่รู้ว่าเงินที่เข้าบัญชีไม่ใช่ของตน ยังนำเอาไปใช้โดยไม่ตรวจสอบก่อน แทบยังพยายามหลบเลี่ยงเพื่อไม่ต้องนำเงินมาคืนสถาบัน
ทางแก้ที่ 2 คือ ทางสถาบันไม่ต้องให้ทางหน่วยงานชดใช้เงินคืน
1. หัวหน้าที่ควบคุมลูกน้องจะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับเมื่อลูกน้องไม่มาปฏิบัติงานเกินอำนาจตัวเอง
2.ควรมีการติดตามเรื่องที่เสนออยู่ตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยให้นานเป็นเดือน ๆ
3.หากโทรติดต่อไม่ได้ให้ไปเอาที่อยู่ในใบสมัครเข้ารับราชการจากงานการเจ้าหน้าที่
4.ทำหนังสือราชการส่งลงทะเบียนแจ้งเจ้าตัวให้ทราบเพื่อมาติดต่อราชการ
5.เข้าทำงานมีคนค้ำประกันหรือไม่
6.ทำรายงานเสนอผอ.เพื่อพิจารณาสั่งการ
อยากให้คนส่วนใหญ่เข้าใจหลักธรรมแบบปิ่งจังเลย ชีวิตคงมีความสุข สังคมไม่วุ่นวาย การทำงานก็มีความสุข ถ้าเรายึดหลักและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนา จะไม่มีไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น การกระทำใดๆ ก็ตามต้องมีสติเป็นตัวควบคุมจะเกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด จากประสบการณ์ของตนเอง เรื่อง การทำงานต้องประสานกับหลายหน่วยงาน บางครั้งก็ถูกว่า ถูกคนแสดงอารมณ์โกรธใส่ แต่พอเรามีสติตั้งรับ คำพูดของคนอื่นที่พูดว่าต่างๆ นาๆ ก็ไม่มีผลสำหรับตัวเราเลย ใจเราจะสงบเย็น สามารถฟังคนอื่นว่าได้อย่างสบาย โดยที่ใจเราเป็นปกติ ไม่โกรธตอบ ปกติตัวเองจะเป็นคนอารมณ์ร้อน โกรธง่าย ใครพูดผิดหู ก็จะโดนสวนกลับ หลังจากที่ปฏิบัติธรรมมาหลายปี การฝึกฝนตนเองให้มีสติระลึกรู้ได้ผลจริง เราสามารถดูแลรักษาใจเราไม่ให้เป็นทุกข์ ไปกลับโลกธรรม 8 สติเป็นเหมือนเกราะคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้ทุกเรื่อง อยากให้ทุกคนมีสติและมีความเมตตาซึ่งกันและกัน ชีวิตนี้แสนสั้นนักเราควรจะทำแต่สิ่งดีๆ ให้กัน