เรามักจะได้ยินคำสอนทางพระพุทธศาสนาที่กล่าวว่าการให้อภัยเป็นหนึ่งในบุญที่ทำยากเพราะถ้าเราไม่ลดทิฐิ มานะ อัตตาตัวตนของเรา ความอาฆาต พยาบาท ก็คงยากที่จะสามารถให้อภัยใครก็ตามที่ทำร้ายเราไม่ว่าทางกายหรือใจได้ ทั้งๆที่การให้อภัยเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนเลย ทำได้ทั้งคนยากคนจน หรือแม้กระทั่งคนร่ำรวยล้นฟ้า แต่กลับเป็นการทำบุญที่น้อยคนนักจะทำได้ เพราะความเจริญทางวัตถุที่เข้ามาทำให้เราคิดว่าการใช้เงินทำทุกอย่างแทนเรามันแสนจะสะดวกสบาย และเราก็ได้บุญด้วย ไม่ว่าที่จริงแล้วบุญที่เกิดจากการทำอย่างนั้นจะได้มากหรือน้อย เราก็ไม่เคยที่จะไปใส่ใจ
การให้อภัยแม้ว่าเริ่มต้นจะทำได้ยาก แต่เมื่อเราฝืนทำไปสักระยะ เราจะสามารถปล่อยวางความโกรธได้มากขึ้น บางคนเมื่อเริ่มหัดให้อภัยอาจจะทำได้เพียงคำพูดว่า “ฉันให้อภัยเธอนะ” แต่ในใจอาจจะยังมีความเจ็บแค้นอยู่ แต่เพียงแค่ได้เริ่มต้น นั่นก็เป็นนิมิตหมายที่ดีแล้วว่าในวันหนึ่ง คุณจะสามารถให้อภัยคนๆนั้นได้ทั้งกาย วาจา และใจ
ทุกอย่างต้องการเพียงการเริ่มต้น วันนี้คุณเริ่มแล้วหรือยังที่จะให้อภัยใครสักคนที่ทำให้คุณเจ็บ ผิดหวัง อาฆาตแค้น ไม่ว่าเขาคนนั้นจะยังอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ไม่ว่าเขาจะรับรู้หรือเปล่า แต่เมื่อคุณให้อภัยใครสักคน ใจของคุณเองจะได้รับการปลดปล่อย มันจะเบาสบายขึ้น มีความทุกข์ลดน้อยลง ใครที่ไหนก็ไม่สามารถช่วยทำเรื่องนี้แทนคุณได้ นอกจากตัวของคุณเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก:http://www.dharmamag.com/index.php?option=com_content&view=article&id=269&Itemid=74
ใช่ค่ะ พูดง่ายแต่ทำยากจริงๆ พอโกรธใครแล้ว ตัวเองนี่แหละที่ร้อนรุ่ม
ตอนนี้ก็พยายามลดความโกรธและให้อภัยอยู่ค่ะ ขอบคุณข้อคิดดีๆ นะจ๊ะ
ขอบคุณ คุณครู สุภาพร มากนะค่ะที่มาแสดงความคิดเห็นกัน
ยากนะค่ะที่จะพูดคำว่าให้อภัย
ทั้งที่บางทีใจเรายังโกรธ
แต่เมื่อพูดมันออกไปแล้วนั้น
ทั้งเราและเขาก็ต่างรู้สึกดีขึ้น
ดีมากเลยครับเรื่องนี้ การให้อภัยกันในสังคมไทยเรา ปัจจุบันนี้กำลังต้องการมากๆ
อยากให้ทุกคนมีความคิดแบบนี้จัง ขอบคุณน้องรัมมากที่จุดประกายความคิดดีๆให้