ในชีวิตของคนเรานั้นประจักษ์กันดีว่าไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่ลำบากแล้วจะได้ดีหรือรู้จักความสบายได้อย่างไร ไม่ทุกข์แล้วจะรู้จักสุขได้อย่างไร การเปรียบเทียบก่อเกิดความรู้อย่างประจักษ์แจ้งประการหนึ่ง
พระองค์เสด็จออกจากสำนักอาจารย์ทั้งสองไปถึงอุรุเวลาเสนานิคมเห็นเป็นสถานที่มีความเหมาะสมจึงพำนัก ณ ที่นั้นประมวลความรู้ต่างๆรวมถึงความเชื่อต่างๆ แล้วพระองค์ก็ตัดสินพระหฤทัยทำตามความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น คือการทรมานร่างกายตนเองถึงที่สุดแล้วจะบรรลุหลุดพ้นได้ พระองค์ทดลองด้วยกรรมวิธีนานาประการตลอดระยะเวลาหลายเดือนจนเหลือเพียงหนังหุ้มห่อโครงกระดูกไว้สลบแล้วฟื้น ชีวิตจะดับสิ้นไปหลายรอบ ก็มิมีแววว่าจะบรรลุจุดหมายที่ปรารถนา
อุปมาหนึ่งเกิดขึ้นกับพระองค์ว่า ไม้สดชุ่มด้วยยาง และไม้แช่อยู่ในน้ำ ไม่สามารถนำมาสีให้เกิดไฟได้ ประดุจเดียวกับบุคคลที่จิตยังชุ่มด้วยยางแห่งกามมีอุปาทานอยู่ แม้จะบำเพ็ญเพียรแรงกล้าสักปานใด ย่อมไม่ข้ามพ้นไปถึงเป้าหมายแห่งการตรัสรู้ได้ ประจวบเหมาะกับเสียงพิณที่พระองค์ได้ยินแว่วมาแต่ไกลกับสายลมทำให้พระองค์ได้สติว่า การดำเนินชีวิตนี้ก็เหมือนกับพิณ ๓ สาย สายที่ขึงตึงเกินไปนัก เวลาดีดไม่นานสายขาด สายที่ขึงหย่อนไปก็ไม่สามารถดีดให้เกิดเสียงอันไพเราะตามที่ต้องการได้อีกเช่นกัน แต่สายที่ขึงพอเหมาะพอดี สามารถที่จะดีดให้เกิดเสียงไพเราะ น่าฟัง
หลังจากได้สติเช่นนี้พระองค์กลับมาเสวยอาหารฟื้นฟูสุขภาพของพระองค์เป็นเหตุให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ซึ่งคอยดูแลพระองค์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คลายความเชื่อความมั่นใจในพระองค์ที่จะบรรลุหลุดพ้น จึงปลีกตนไปจากพระองค์ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นผลดีกับพระองค์เมื่อเปลี่ยนจากการทรมานร่างกายพลิกมาเป็นการฝึกฝนจิต ด้วยการกำหนดรู้ตามดูจิตเจริญสมาธิภาวนา ส่งผลให้จิตของพระองค์สงบลงตามลำดับ ก่อเกิดความอัศจรรย์ทางจิตที่เรียกว่าตรัสรู้
การทรมานกับการฝึกฝนมีวิธีการที่เหมือนกันได้ แต่เป้าหมายนั้นต่างกัน การทรมานเป็นการทำให้ได้รับความเจ็บปวดถึงที่สุดคือตาย แต่การฝึกฝนเป็นการขัดเกลาหล่อหลอมเพื่อให้เกิดผลที่พึงประสงค์
ไม่มีความเห็น