บทเรียนราคาแพง ตอน ซื้อ Accessories แล้วเคลมไม่ได้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อยู่ดี ๆ เจ้าอะแด๊ปเตอร์เครื่องโน๊ตบุ๊ค เกิดเสีย ขึ้นมากระทันหัน คิดว่าต้องเปลี่ยนอะแด๊ปเตอร์ใหม่ เลยต้องไปซื้ออะแด๊ปเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ร้านขายพวก Accessorry คอมพิวเตอร์

 

 

ผมเองก็ชอบไปซื้อ เช่น พัดลมระบายอากาศ แฟลชไดรฟ์ ที่วางเมาส์ ฯลฯ เพราะร้านอย่างนี้มีของอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมน่าซื้อมากมาย  ผมก็ไปร้านที่เคยซื้อประจำไปถอยอะแด๊ปเตอร์มาในราคา 399 บาท ก็คิดว่าไม่แพงนะครับ ร้านเขาบอกว่าถ้ามีปัญหาสามารถเอามาเคลมได้ภายใน 7 วัน  ทีนี้พอเอาเสียบกับเครื่องจริงปรากฎว่าไฟมันไม่เข้า เอาล่ะสิ คิดว่าเอาไปเปลี่ยนคงไม่มีปัญหา

 

 

พอถึงเช้าวันเสาร์ก็เลยเอาอะแด๊ปเตอร์ไปคืนให้ที่ร้าน ทางร้านเขาลองแล้วพบว่าบอกว่าไม่ได้ครับ ผมนี่งงเลย ก็เลยเถียงเขาว่า อ้าวทำไมเคลมไม่ได้ล่ะ เขาบอกว่าที่เสียคือสายไฟ หรือไม่ใช่อะแด๊ปเตอร์ ถ้าจะเปลี่ยนก็คือสายไฟ ต้องจ่ายเพิ่มอีก 50 บาท ผมก็เถียงต่อว่าไหนเคลมได้ คนที่ซื้อไปก็ต้องเข้าใจว่าเคลมทั้งสายไฟและอะแด๊ปเตอร์ใช่ไหมครับ เขาว่าเคลมได้เฉพาะตัวอะแด๊ปเตอร์เท่านั้น ผมก็เลยพูดไม่ออก เจ็บใจและโกรธทางร้าน และจะบอกกับตัวเองว่าจะไม่ไปซื้อร้านนั้นอีกแล้ว เลยเดินออกจากร้านไปเลย ด้วยอารมณ์หงุดหงิดมาก ๆ

 

 

 สุดท้ายจึงตัดสินไปหาซื้อสายไฟที่ร้านรับซ่อมคอมพิวเตอร์แทน ในราคาเท่ากัน แต่เขารับประกันสายไฟให้ 3 เดือน ซึ่งก็ผมโอเคนะครับ แล้วเอามาใช้ก็ใช้ได้ดีตามปกติ สรุปว่า บทเรียนราคาแพงครั้งนี้ก็คือ การจะซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงอะไรก็ตาม เราต้องศึกษาให้เข้าใจเงื่อนไขของการรับประกันสินค้า โดยเฉพาะการการเคลมครับ บางอย่างเขาบอกเราว่าเคลมได้ เราต้องถามคนขายให้ชัดเจนเลยครับว่า เคลมทุกชิ้นหรือเปล่า จะได้ไม่เหมือนในกรณีของผมคือซื้ออะแด๊ปเตอร์ เคลมได้เฉพาะตัวอะแด๊ปเตอร์แต่ไม่รับผิดชอบสายไฟที่พ่วงอะแด๊ปเตอร์ครับ

 

[มนัสนันท์]

• ขอบคุณสำหรับแง่คิดที่ดีค่ะ
• เมื่อเรารู้ทัน จะได้ไม่เสียเปรียบคน