ชาดก
ทีฆีติโกสลชาดก ทีฆาวุกุมารผู้เชื่อบิดา
ในอดีตกาล พระเจ้าพรหมทัตไปชิงเอาราชสมบัติของพระเจ้าทีฆีติโกสลในกรุงสาวัตถีได้ พระเจ้าทีฆีติโกสลได้พาพระอัครมเหสีผู้กำลังมีครรภ์หลบหนีไปซ่อนอยู่ในที่อื่นเสียจนพระมเหสีประสูติพระโอรสออกมามีพระนามว่าทีฆาวุกุมาร แล้วทรงสั่งสอนพระโอรสอยู่กระทั่งทรงพระเจริญวัย จึงให้ไปศึกษาศิลปะวิชาต่าง ๆ อยู่ในสำนักอาจารย์แห่งหนึ่ง
แต่เมื่อพระโอรสทรงพระเจริญวัยเป็นหนุ่มขึ้น พระบิดาจึงถูกพระเจ้าพรหมทัตตามจับมาได้ แล้วพระเจ้าพรหมทัตตรัสสั่งให้พวกเพชฌฆาตคุมไปสู่ตะแลงแกงตามถนนหลวง ในเวลานั้นทีฆาวุกุมารได้ปะปนผู้คนไปดูพอพระเจ้าทีติได้ทอดพระเนตรเห็นก็ตรัสขึ้นว่าลูกเอ๋ยเจ้าอย่าเห็นแก่สั้นอย่าเห็นแก่ยาว อย่าผูกเวร เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ตรัสเท่านี้แล้วก็เลยไป พวกเพชฌฆาตก็นำไปสำเร็จโทษเสีย
ต่อมาภายหลังทีฆาวุกุมาร จึงได้หาพระอุบายไปอยู่กับนายควาญช้างของพระเจ้าพรหมทัตจวนสว่างก็ได้ดีดพิณทุกคืน คืนวันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตได้ทรงสดับเสียงพิณก็ชอบพระทัย เช้าขึ้นได้โปรดให้หานายควาญช้างเข้าเฝ้า ตรัสถามว่าใครดีดพิณ นายควาญช้างกราบทูลว่าบุตรของข้าพระองค์ จึงโปรดให้พาตัวเข้าเฝ้า เมื่อทอดพระเนตรเห็นก็ตรัสถามว่า กุมารนี้รูปร่างผิวพรรณแปลกจากตัวเจ้านัก จะว่าเป็นลูกเจ้าอย่างไร
นายควาญช้างกราบทูลว่า เขาเหมือนข้างแม่ของเขาซึ่งตายไปนานแล้ว จึงตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นจงให้อยู่กับเรา นายควาญช้างก็ทูลถวาย เมื่อทีฆาวุกุมารได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กก็ตั้งใจถวายการรับใช้จนเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าพรหมทัตอย่างยิ่ง
อยู่มาวันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตให้ทีฆาวุกุมารเป็นนายสารถีขับรถพระที่นั่งออกไปล่าเนื้อในป่า ทีฆาวุกุมารได้โอกาสก็รีบขับรถพระที่นั่งหนีจากพวกโยธาอย่างรวดเร็ว จนไปถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่งจึงหยุดพัก พระเจ้าพรหมทัตตรัสว่าเราเหนื่อยนัก จึงเสด็จลงจากรถให้ทีฆาวุกุมารนั่งขัดสมาธิลง แล้วทรงพาดพระเศียรบรรทมหลับไป
พอพระเจ้าพรหมทัตหลับไป ทีฆาวุกุมารก็นึกว่า คราวนี้เราได้แก้แค้นแทนพระชนกชนนีแล้ว จึงชักพระขรรค์ออกมาเพื่อจะตัดพระศอพระเจ้าพรหมทัต แต่นึกถึงคำสอนพระบิดาได้ จึงสวมพระขรรค์เข้าฝัก แล้วทรงนึกขึ้นมาอีกเป็นครั้งสองที่สาม ได้ชักพระขรรค์ออกมาอีก แต่นึกถึงพระโอวาทของพระบิดา จึงสวมพระขรรค์เข้าไว้ ขณะนั้นพระเจ้าพรหมทัตตกพระทัยกลัวได้ตรัสขอชีวิตไว้ ขอทำสัตย์สาบานว่าจะยกราชสมบัติกับพระราชธิดาให้ทีฆาวุกุมารก็ยอมแล้วก็กลับเมือง ได้อภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของพระเจ้าพรหมทัต ต่อมาได้เป็นพระมหากษัตริย์แทนพระเจ้าพรหมทัต ครองสมบัติทั้งสองประเทศ
คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้คือ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
สัพพทาฐิชาดก สุนัขจิ้งจอกผู้ใฝ่สูงเกินตัว
ในอดีตกาล มีปุโรหิตคนหนึ่งไปร่ายมนต์ปฐมวิชัยอยู่บนแผ่นดินกลางป่าแห่งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งนอนอยู่ในโพรงไม้ใกล้แผ่นหินนั้นได้จดจำมนต์ไว้ และได้หนีเข้าป่าไป แล้วไปพบนางสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งจึงถามว่า รู้จักเราหรือไม่ นางสุนัขจิ้งจอกตอบว่ารู้จัก
สุนัขจิ้งจอกนั้นร่ายมนต์ขึ้นทำให้สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายตลอดถึงช้าง เสือและราชสีห์ให้อยู่ในอำนาจตนแล้ว ก็ตั้งตัวเป็นพญามีนามว่า สัพพทาฐิ ตั้งนางสุนัขจิ้งจอกให้เป็นพระมเหสี ครั้นต่อมาพญาสุนัขจิ้งจอกให้ราชสีห์ขึ้นเหยียบบนหลังช้าง 2 ตัว ส่วนตัวขึ้นยืนบนหลังราชสีห์กับนางสุนัขจิ้งจอก คุมฝูงสัตว์อื่นมีประมาณ 12 โกฏิ ยกไปล้อมกรุงพาราณสีเพื่อจะตีเอาราชสมบัติ
คนทั้งหลายในพระนครพาราณสีพากันตกใจกลัวรีบช่วยกันปิดประตูพระนคร ปุโรหิตเจ้าของมนต์ได้ไปเฝ้าพระเจ้ากรุงพาราณสีขอรับอาสาปราบสุนัขจิ้งจอก เมื่อได้รับอนุญาตแล้วได้ขึ้นเชิงเทินถามสุนัขจิ้งจอกว่า ท่านจะชิงราชสมบัติด้วยวิธีใด พญาสุนัขจึงบอกไปว่า เราจะใช้ราชสีห์แผดเสียงให้แก้วหูคนแตกและตายหมด
เมื่ออำมาตย์ได้ทราบดังนั้นก็ลงมาให้ชาวพระนครปิดหูด้วยแป้งถั่วทั่วทุกคนจนถึงสัตว์เดรัจฉาน แล้ววันรุ่งขึ้นไปบนเชิงเทินบอกให้สุนัขจิ้งจอกบังคับให้ราชสีย์แผดเสียงขึ้น 3 หนช้างที่ราชสีย์เหยียบก็ตกใจ สลัดพญาสุนัขจิ้งจอกตกลงใกล้ขาแล้วเหยียบศีรษะให้แหลกเป็นผงได้วิ่งหนีโดยเร็ว บรรดาสัตว์อื่น ๆ แก้วหูแตกตายตามกันหมด
ส่วนราชสีย์ก็เผ่นโผนโจนเข้าป่าไป แล้วปุโรหิตผู้นั้นก็ลงจากเชิงเทินป่าวร้องให้คนทั้งหลายไปขนเอาเนื้อสัตว์มากินเป็นอาหาร
คติธรรมที่ได้จากเรื่องนี้ คือ ผู้มักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว ย่อมเกิดความพินาศ
ไม่มีความเห็น