ตัวแปร & ความจริงที่การวิจัยค้นหา
การเรียนในเนื้อหาที่ผ่านมาของการวิจัยในวิชา Advance Research ได้ศึกษาเกี่ยวกับตัวแปร (Variable) ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยและตัวแปร ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า การวิจัย คือ การค้นหาความจริงเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ โดยความจริงเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องการศึกษานั้นมีปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
ตัวแปร คือ ปรากฏการณ์ หรือสรรพสิ่งต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างและสามารถแปรเปลี่ยนหรือมีการเปลี่ยนแปลงได้ ลักษณะของตัวแปรที่นักวิจัยพึงตระหนักถึง
ประการแรก คือ ความสงสัยว่าตัวแปรสามารถแปรเปลี่ยนได้อย่างไร หรือความ
จริงเกี่ยวกับตัวแปรนั้นมีลักษณะอย่างไร ความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับลักษณะของตัวแปร และความสงสัยเกี่ยวกับการแปรค่าของตัวแปร ลักษณะความสงสัยของนักวิจัยเกี่ยวกับตัวแปรลักษณะนี้การศึกษาตัวแปรมักจะถูกพิสูจน์และนำเสนอในรูปแบบของการวิจัยเชิงพรรณา (Descriptive research) หรือ งานวิจัยเชิงสำรวจชุมชน (Community survey research)
ประการที่สอง คือ ความสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวแปร โดยความสงสัย
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวแปรนั้นมุ่งพิจารณาว่าถ้าตัวแปรหนึ่งแปรเปลี่ยนจะมีผลต่ออีกตัวแปรหนึ่งอย่างไร ความสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวแปรนี้แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
1) ความสัมพันธ์เชิงสหสัมพันธ์ (Correlation relationship) คือ ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งด้านบวกและด้านลบ โดยไม่สามารถระบุได้ว่าตัวใดเป็นสาเหตุ (Cause) ที่ทำให้เกิดผล (Effect) แต่ระบุไม่ได้ว่าตัวใดเป็นสามารถของตัวใด เช่น ความสัมพันธ์ระหว่าง เพศ วัย อายุ เป็นต้น
2) ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (Causal relationship) คือ ตัวแปรที่มาเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่ตัวแปรตัวหนึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดขึ้นของตัวแปรหนึ่ง โดยมีหลักการพิจารณา คือ (1) ตัวแปรที่เป็นสาเหตุนั้นจะต้องเกิดขึ้นก่อนตัวแปรที่เป็นผล (2) มีความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ ต้องมีความสัมพันธ์สูงพอสมควรซึ่งอาจพิจารณาได้จากค่าสถิติ หรือดัชนีที่บ่งบอกความสัมพันธ์นั้น (3) ตัวแปรที่หนึ่งและตัวแปรที่สองที่มีความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ต้องมีความสัมพันธ์กันสูงกว่าตัวแปรที่สาม(ซึ่งอาจค้นพบหลังจากการดำเนินการวิจัย)หมายความว่าตัวแปรที่สามต้องไม่ใช่สาเหตุของตัวแปรตัวที่สอง
จากข้อมูลข้างต้นทำให้ตระหนักว่าการหาความจริงเกี่ยวกับตัวแปรต่าง ๆ นั้น ไม่ว่าจะหาการแปรค่าของความสัมพันธ์เชิงสหสัมพันธ์ หรือ ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ การวิจัยนั้น ๆ จะซับซ้อน เพียงใดขึ้นอยู่กับลักษณะการหาความจริงเกี่ยวกับตัวแปรนั้น ยิ่งหาความจริงเกี่ยวกับตัวแปรจำนวนมากเพียงใดงานวิจัยก็จะมีความซับซ้อนตาม
ประเภทของตัวแปร
เนื่องจากในการวิจัยนั้นมีตัวแปรที่หลากหลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของการวิจัย ซึ่งพอจะจำแนกตัวแปรในการวิจัยออกเป็นประเภท ได้ 4 ประเภท ใหญ่ ๆ ดังภาพที่ 1 http://gotoknow.org/file/sairung_thita/001.jpg
คำอธิบายเกี่ยวกับตัวแปรแต่ละประเภทโดยสังเขป
1. แบ่งตามสาเหตุและผลของตัวแปร
1.1 ตัวแปรต้น/ตัวแปรอิสระ (Independent variable)
ตัวแปรต้น เป็นตัวแปรที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ตัวแปรต้น หมายถึง ตัวแปรที่ทำให้ตัวแปรอื่น มีค่าเปลี่ยนแปลงไป
1.2 ตัวแปรกระทำ (Active variable)
ตัวแปรกระทำ เป็นตัวแปรที่มักใช้ในการวิจัยเชิงทดลอง หมายถึง ตัวแปรใด ๆ ที่นักวิจัยสามารถจะทำการดัดแปลงจัดกระทำได้ เพื่อสร้างเงื่อนไขการทดลอง
1.3 ตัวแปรสาเหตุ (Cause variable)
ตัวแปรสาเหตุ หมายถึง ตัวแปรที่ผู้วิจัยคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอีกตัวแปรหนึ่ง
1.4 ตัวแปรทดลอง (Experimental variable)
ตัวแปรทดลอง หมายถึง สิ่งที่ผู้วิจัยจงใจสร้างเป็นเงื่อนไขการทดลองให้กับสิ่งที่จะได้รับการทดลอง เพื่อทดสอบสมมติฐานว่าการให้เงื่อนไขดังกล่าวนี้จะก่อให้เกิดผลอะไร
1.5 ตัวแปรจัดกระทำ (Manipulate variable)
ตัวแปรจัดกระทำ หมายถึง ตัวแปรที่เป็นเงื่อนไขซึ่งผู้วิจัยจงใจสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทดลอง และเพื่อสังเกตผลการใช้เงื่อนไข
1.6 ตัวแปรทำนาย (Predictor variable)
ตัวแปรทำนาย หมายถึง ตัวแปรต้นในงานวิจัยที่ใช้เทคนิควิธีการทางสถิติวิเคราะห์ข้อมูลแบบการวิเคราะห์การถดถอย ซึ่งการวิจัยประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอำนาจการทำนาย และสร้างสมการการทำนายของตัวแปรทำนายที่มีต่อตัวแปรถูกทำนาย
1.7 ตัวแปรตอบสนอง (Response variable)
ตัวแปรตอบสนอง หมายถึง การแสดงออกทางพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ของมนุษย์หรือสัตว์อันเนื่องมาจากได้รับการกระตุ้นโดยสิ่งเร้า โดยมากนิยมใช้ในการวิจัยทางจิตวิทยา
1.8 ตัวแปรสิ่งเร้า (Stimulus variable)
ตัวแปรสิ่งเร้า หมายถึง สิ่งที่เป็นเงื่อนไขใช้เร้าหรือกระตุ้นให้มนุษย์และสัตว์แสดงอาการตอบสนอง เพื่อให้นักวิจัยทำการสังเกตวัดพฤติกรรมที่ตอบสนอง
1.9 ตัวแปรเงื่อนไขกระทำ (Treatment variable)
ตัวแปรเงื่อนไขกระทำ หมายถึง ตัวแปรที่เป็นเงื่อนไขของการทดลองที่นักวิจัยสร้างขึ้นมาเอง หรืออาจเรียกว่า ตัวแปรทดลอง ตัวแปรจัดกระทำ
1.10 ตัวแปรผล (Effect variable)
ตัวแปรผล หมายถึง ตัวแปรที่แปรเปลี่ยนค่าไปเนื่องมาจากตัวแปรสาเหตุที่กล่าวมา โดยปกติเราใช้ชื่อเรียนกว่าตัวแปรผลคู่กับตัวแปรสาเหตุ
1.11 ตัวแปรตาม (Dependent variable)
ตัวแปรตาม หมายถึง ตัวแปรที่มีชื่อเป็นกลาง ๆ ที่ใช้เรียกตัวแปรใด ๆ ก็ตามที่มีค่าแปรผันเนื่องมาจากอิทธิพลของตัวแปรอื่น ๆ
2. แบ่งตามระดับการวัดตัวแปร
2.1 ตัวแปรต่อเนื่อง (Continuous variable)
ตัวแปรต่อเนื่อง หมายถึง ตัวแปรที่ให้ค่าระดับการวัดอยู่ในระดับอันตรภาคชั้นหรือมาตราช่วงขึ้นไป ซึ่งค่าดังกล่าวจะมีค่าเรียงต่อเนื่องกันมีความหมาย
2.2 ตัวแปรแบ่งสอง (Dichotomous variable)
ตัวแปรแบ่งสอง หมายถึง ตัวแปรที่ทำหน้าที่จัดกลุ่ม หรือแปรขาดช่วงประเภทหนึ่ง แต่มีการแปรค่าได้เพียงสองค่า เช่น เพศ
2.3 ตัวแปรขาดช่วง (Discrete variable)
ตัวแปรขาดช่วง หมายถึง ตัวแปรใด ๆ ก็ตามที่ให้ค่าการวัดในระดับนามบัญญัติและเรียงอันดับ เป็นตัวเลขที่ได้มาจากการวัดตัวแปร ดังนั้น ลักษณะของตัวแปรนี้จึงเป็นเช่นเดียวกับตัวแปรจัดกลุ่มนั่นเอง
2.4 ตัวแปรจัดกลุ่ม (Categorical variable)
ตัวแปรจัดกลุ่ม หมายถึง ตัวแปรที่มีค่าระดับการวัดอยู่ในระดับนามบัญญัติ ตัวแปรประเภทนี้จะทำหน้าที่จัดหน่วยวิจัยหรือสิ่งวิจัยออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ โดยอาศัยคุณลักษณะของสิ่งที่ต้องการศึกษาเป็นตัวกำหนด
2.5 ตัวแปรหุ่น (Dummy variable)
ตัวแปรหุ่น หมายถึง ตัวแปรที่นักวิจัยสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สข้อมูลเชิงปริมาณ โดยการกำหนดตัวเลขให้กับตัวแปรจัดกลุ่มหรือตัวแปรขาดช่วง
3. แบ่งตามคุณลักษณะของตัวแปร
3.1 ตัวแปรลักษณะ(Attribute variable)
ตัวแปรลักษณะ หมายถึง ตัวแปรที่แสดงถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของบุคคล ตัวแปรประเภทนี้ไม่สามารถจัดกระทำดัดแปลงได้หรือจัดกระทำได้ยาก เช่น เพศ สติปัญญา เจตคติ
3.2 ตัวแปรประกอบ(Component variable)
ตัวแปรประกอบ หมายถึง ตัวแปรใด ๆ ที่เป็นตัวแปรใหญ่หรือตัวแปรที่มีชื่อเรียกรวม ๆ แทนกลุ่มตัวแปรย่อยทั้งหลาย เช่น รายได้ อาชีพ
3.3 ตัวแปรโครงสร้าง (Construct variable)
ตัวแปรโครงสร้าง หมายถึง ตัวแปรที่สร้างขึ้นมาจากทฤษฎีหรือสมมติฐานทางจิตวิทยา มักเป็นตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับลักษณะทางสมอง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ เป็นตัวแปรที่จำเป็นอย่างยิ่งในการวิจัยที่จะต้องให้คำนิยามเป็นเชิงปฏิบัติการ เพื่อสื่อถึงสิ่งที่สามารถสังเกตหรือวัดได้
3.4 ตัวแปรแฝง (Latent variable)
ตัวแปรแฝง หมายถึง ตัวแปรที่อยู่ภายในตัวของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้โดยตรง แต่เชื่อว่ามีอยู่ โดยอาศัยทฤษฎีเป็นสิ่งอธิบาย ตัวแปรประเภทนี้ต้องอาศัยการสร้างคำนิยามศัพท์เชิงปฏิบัติการเพื่อสื่อความหมายให้ตรงกัน
3.5 ตัวแปรอินทรีย์(Organismic variable)
ตัวแปรอินทรีย์ หมายถึง ตัวแปรที่เป็นสิ่งเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลที่มีติดตัว และได้มาแต่กำเนิด เป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวบุคคล
4. แบ่งตามลักษณะการเกิดขึ้นของตัว
4.1 ตัวแปรนำ (Antecedent variable)
ตัวแปรนำ หมายถึง ตัวแปรใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนตัวแปรที่ผู้วิจัยทำการศึกษา และตัวแปรดังกล่าวนี้จะมีผลหรือมีความสัมพันธ์กันกับตัวแปรที่ศึกษา ในการวิจัยหากไม่มีการพิจารณาหรือควบคุมตัวแปรประเภทนี้ก็จะทำให้การตีความผลการวิจัยผิดพลาดได้
4.2 ตัวแปรดัน (Distorter variable)
ตัวแปรดัน หมายถึง ตัวแปรใดตัวแปรหนึ่งที่ส่งผลร่วมต่อตัวแปรที่ศึกษาให้มีค่าความสัมพันธ์สูงกว่าที่เป็นจริง ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษานั้นมีต่ำกว่าที่พบ
4.3 ตัวแปรแทรกซ้อน (Extraneous variable)
ตัวแปรแทรกซ้อน หมายถึง ตัวแปรที่ส่งผลรวมต่อตัวแปรที่เราศึกษา โดยที่เราไม่ได้ควบคุมหรือขจัดออก หรือควบคุมไม่ดีจนทำให้มีผลต่อตัวแปรที่เราศึกษา
4.4 ตัวแปรสอดแทรก (Intervening variable)
ตัวแปรสอดแทรก หมายถึง ตัวแปรที่เป็นตัวแปรร่วมกับตัวแปรอิสระส่งผลต่อตัวแปรตามที่ศึกษา โดยที่ตัวแปรนี้จะเป็นเรื่องของกระบวนการทางจิตวิทยาของบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสังเกตและวัดได้ หรือจัดกระทำใด ๆ ไม่ได้
4.5 ตัวแปรกลาง (Moderator variable)
ตัวแปรกลาง หมายถึง ตัวแปรที่เป็นชื่อเรียกตัวแปรแทรกซ้อนหรือเป็นลักษณะหนึ่งของตัวแปรแทรกซ้อน แต่เป็นตัวแปรแทรกซ้อนที่ผู้วิจัยสามารถควบคุมไม่ได้ส่งผลร่วมกับตัวแปรต้นที่มีต่อตัวแปรตามได้
4.6 ตัวแปรรบกวน (Nuisance variable)
ตัวแปรรบกวน หมายถึง ตัวแปรที่เป็นชื่อเรียกหรือใช้ทดแทนกันได้กับตัวแปรสอดแทรกนั่นคือเป็นสิ่งเดียวกันนั่นเอง
4.7 ตัวแปรกด (Suppressor variable)
ตัวแปรกด หมายถึง ตัวแปรที่เป็นตัวแปรแทรกซ้อนอีกลักษณะหนึ่งที่มีลักษณะ
ตรงกันข้ามกับตัวแปรดัน คือ ตัวแปรกดเป็นตัวแปรที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามที่เราต้องการศึกษานั้นไม่ปรากฏหรือไม่มีความสัมพันธ์ทั้ง ๆ ที่ตัวแปรทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์กัน เช่น ลักษณะความสัมพันธ์ของอาชีพกับรายได้ เพศกับอาชีพและรายได้ เป็นต้น
ยินดีครับ....................
โค้งคำนับนั่งอ่านช่วยสานฝัน
สาระดีมีจุดเด่นเป็นสำคัญ
ชอบสร้างสรรค์เสพหาวิชาการ
ขยันเขียนเวียนหามาไม่ถ้วน
ไว้ประมวลขัดเกลาเหลาแก่นสาร
เกิดความคิดติดปัญญาพาเชี่ยวชาญ
ประสบการณ์พบเห็นเป็นบทเรียน
ธนา นนทพุทธ
จักสานอักษร
ถ้ายกตัวอย่างบ้างจะดีมาก เช่น จำนวนชั่วโมงในการใช้คอมพิวเตอร์ต่อครั้ง สัมพันธ์กับความสั้นของสายตา การสัมพันธ์กันไม่จำเป็นต้องเป็นสาเหตุกัน คือ จำนวนชั่วโมงในการใช้คอมพิวเตอร์ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงของความสั้นของสายตา และมีตัวแปรมากมายที่เกี่ยวข้องกับความสั้นของสายตา เช่น ความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณกระบอกตา พันธุกรรม คุณภาพของจอมอนนิเตอร์ ดังนั้นตัวแปรต่างๆที่ไม่ได้ศึกษาอาจมีสภาพเป็นตัวแปรกด หรือตัวแปรดัน ...
อรุณี