สวัสดีค่ะอาจารย์ดร.ประเสริฐ 1 สัปดาห์ผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็ว ดิฉันรู้สึกว่าเรียน ป.เอกที่ มศก.นี้ หนักมาก ก็อาจเป็นเพราะเราเรียนภาคพิเศษหรือเปล่า ก็เลยทำให้การจัดสรรเวลานั้นไม่ดีเท่าที่ควร ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ทันไปซะทุกอย่างเลย ก็เลยค่อนข้างเครียดมากๆเลยค่ะ สัปดาห์นี้ตั้งใจจะหยิบหนังสือของอาจารย์วัชรามาอ่านต่อ เพราะกลัวอาจารย์มาก กลัวเรียนวิชานี้ได้ไม่ดี ก็ยังไม่ได้อ่าน แบบว่าสถานการณ์ชีวิตระยะนี้ไม่ค่อยลงตัวเท่าไร ก็เลยเปลี่ยนแผนมาอ่านหนังสือเพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจอะไรประมาณนี้ดีกว่าค่ะ เช้านี้ก็อ่านหลักปฏิบัติของชาวพุทธ เป็นหนังสือที่เพื่อนให้มา ยังไม่เคยอ่านเลย วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันฤกษ์งามยามดีที่ได้มาอ่านหนังสือดีเล่มหนึ่ง ซึ่งมีใจความดังนี้
ปัจจุบันนี้ ปัญหาสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ซึ่งปรากฏชัดในสังคม คือการที่คนมากมายเป็นชาวพุทธกันเพียงในนาม โดยไม่มีทั้งความรู้และการปฏิบัติของชาวพุทธ สภาพเช่นนี้เป็นเหมือนเมฆหมอกที่บดบังแสงสว่างและความงามแห่งคุณค่าของพระพุทธศาสนานอกจากตัวบุคคลนั้นจะไม่เจริญงอกงามในธรรมแล้วสังคมก็สูญเสียประโยชน์มากมายที่พึงได้จากพระพุทธศาสนา จึงเป็นปัญหาร้ายแรงที่ควรตื่นตัวขึ้นมาเร่งแก้ไข
คำว่า “ชาวพุทธ” มิใช่เป็นถ้อยคำที่พึงเรียกขานกันอย่างเลื่อนลอย บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็น “ชาวพุทธ” จะต้องมีหลักการ มีคุณสมบัติประจำตัวและมีมาตรฐานความประพฤติ ที่รองรับ ยืนยัน และแสดงออกถึงความเป็นชาวพุทธนั้น
หลักการและปฏิบัติการที่เรียกว่า “หลักชาวพุทธ” ดังต่อไปนี้ เป็นภูมิธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ
ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักการและดำเนินตามปฏิบัติการนี้ นอกจากเป็นชาวพุทธสมแก่นามแล้ว จะมีชีวิตที่พัฒนาก้าวหน้างอกงาม และช่วยให้สังคมเจริญมั่นคงดำรงอยู่ในสันติสุข เป็นผู้สืบต่อวิถีชาวพุทธไว้ พร้อมทั้งรักษาธรรมและความเกษมศานต์ให้แก่โลก
“หลักชาวพุทธ” อันพึงถือเป็นบรรทัดฐาน มีดังต่อไปนี้
หลักการ
๑. ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์ : ข้าฯ มั่นใจว่า มนุษย์จะประเสริฐเลิศสุดแม้กระทั่งเป็นพุทธะได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือ การศึกษา
๒. ใฝ่พุทธคุณเป็นสรณะ : ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์และมีเมตตากรุณา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๓. ถือธรรมะเป็นใหญ่ : ข้า ฯ ถือธรรม คือความจริง ความถูกต้องดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน
๔. สร้างสังคมให้เยี่ยงสังฆะ : ข้าฯ จะสร้างสังคมตั้งแต่ในบ้านให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์
๕. สำเร็จด้วยกระทำกรรมดี : ข้าฯ จะสร้างความสำเร็จ ด้วยการกระทำที่ดีงามของตน โดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท
ข้าฯ จะนำชีวิต และร่วมนำสังคมประเทศชาติ ไปสู่ความดีงาม และความสุขความเจริญ ด้วยการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
ก) มีศีลวัตรประจำตน
๑. บูชาปูชนีย์ : มีปกติกราบไหว้ แสดงความเคารพ ต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์และบุคคลที่ควรเคารพ
๒. มีศีลห่างอบาย : สมาทานเบญจศีลให้เป็นนิจศีลคือหลักความประพฤติประจำตัวไม่มืดมัวด้วยอบายมุข
๓. สาธยายพุทธมนต์ : สวดสาธยายพุทธวจนะหรือบทสวดมนต์ โดยเข้าใจความหมาย อย่างน้อยก่อนนอนทุกวัน
๔. ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา : ทำจิตใจให้สงบ ผ่องใส เจริญสมาธิ อันค้ำจุนสติที่ตื่นตัว หนุนปัญญาที่รู้ทั่วชัดเท่ากัน และอธิษฐานจิตเพื่อจุดหมายที่เป็นกุศล วันละ ๕-๑๐ นาที
ข) เจริญกุศลเนืองนิตย์
๕.ทำกิจวัตรวันพระ : บำเพ็ญกิจวัตรวันพระด้วยการตักบาตร หรือแผ่เมตตา ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรม โดยบุคคลที่บ้าน ที่วัด ที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน ร่วมกัน ประมาณ ๑๕ นาที
๖. พร้อมสละแบ่งปัน : เก็บออมเงิน และแบ่งมาบำเพ็ญทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อบูชาคุณ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๗. หมั่นทำคุณประโยชน์ : เพิ่มพูนบุญกรรมบำเพ็ญประโยชน์ อุทิศแด่พระรัตนตรัย มารดา บิดา ครูอาจารย์ และท่านผู้เป็นบุพการีของสังคมแต่อดีตสืบมา อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๘. ได้ปราโมทย์ด้วยไปวัด : ไปวัดชมอารามที่รื่นรมย์ และไปร่วมกิจกรรม ทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันสำคัญของครอบครัว
ค) ทำชีวิตให้งามประณีต
๙. กินอยู่พอดี : ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภคด้วยปัญญา ให้กินอยู่พอดี
๑๐. มีชีวิตงดงาม : ปฏิบัติกิจส่วนตน ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานของชีวิต
ด้วยตนเอง ทำได้ ทำเป็น อย่างงดงามน่าภูมิใจ
๑๑. ไม่ตามใจจนหลง : ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน ไม่มัวสำเริงสำราญปล่อยตัวให้เหลิงหลงใหลไปตามกระแสสิ่งล่อเร้าชวนละเลิง และมีวันปลอดการบันเทิงอย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน
๑๒. มีองค์พระครองใจ : มีสิ่งบูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย และตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ
บุคคลที่ถือปฏิบัติตาม “หลักชาวพุทธ” ดังกล่าวมานี้ เป็นผู้มีภูมิธรรมพื้นฐานของชาวพุทธ จึงเป็นชาวพุทธที่แท้จริง สมกับชื่อที่เรียกขาน
แรกที่สุด พอเด็กเกิดมา ลืมตาดูโลก การศึกษาก็เริ่ม ลูกจะเห็นโลกและมองโลกอย่างไร ก็อยู่ที่ พระพรหมคือพ่อแม่จะชี้แสดงชักนำให้การศึกษาเดินหน้าไป ดังนั้นถ้าจะให้แน่จริงและมั่นใจที่สุด การปฏิบัติตามหลักชาวพุทธจึงต้องเริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้านโดยการนำของบูรพาจารย์ คือคุณพ่อคุณแม่ ที่แน่แท้ว่าเป็นครูคนแรกของลูก
เมื่อเด็กมาเข้าโรงเรียน คือเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษา ถือว่าเป็นจุดกำหนดในการแสดงความเป็นผู้ศึกษาให้ปรากฏชัดเจนออกมา เท่ากับบอกแจ้งว่าจะตั้งต้นเล่าเรียนศึกษาอย่างจริงจัง ให้สมนามที่เรียกว่าเป็น “นักเรียน”
ในขณะที่เริ่มแสดงความเป็นนักเรียนนั้น เด็กก็ควรได้โอกาสที่จะเริ่มแสดงความเป็นชาวพุทธของตนให้ปรากฏชัดออกมาด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้กระบวนการของการศึกษาทุกส่วนประสานเกื้อกูลและกลมกลืนกัน ดำเนินไปอย่างครบองค์สมที่จะเรียกว่าเป็นไตรสิกขา
จากสิ่งที่ได้อ่านศึกษาข้างต้น ดิฉันรู้สึกว่าตนเองก็เป็นชาวพุทธที่ห่างเหินการประพฤติ ปฏิบัติตามหลักของชาวพุทธเช่นกัน รู้สึกสะท้อนตัวเองมากๆ อ่านแล้วเตือนสติเราได้เหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดคุยกับบุพการีน้อยไปตั้งแต่เริ่มมีภาระด้านการเรียน ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นานจนเกินไป อยากปรับปรุงตัวเองใหม่ค่ะ จะลองจัดสรรเวลาในชีวิตใหม่นะคะ
สวัสดีครับเป็นกำลังใจให้ครับ