หลังจากที่อาจารย์ให้ไปศึกษาค้นคว้าผลงานวิจัยระดับปริญญาเอก ก็ค่อนข้างจะสนใจในผลงานวิจัยของ คุณเทพนคร ทาคง ซึ่งได้ทำวิจัยในแนวของการพัฒนาหลักสูตร วิจัยฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อปี 2546 ซึ่งดูค่อนข้างจะนาน แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว ยังเห็นว่ามีความทันสมัย และสอดคล้องกับปัจจุบัน ในความพยายามที่จะพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนไทย ซึ่งคุณเทพนคร ทาคง ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาครูผู้สอนภาษาอังกฤษว่า ถ้าครูเก่ง นักเรียนก็จะเก่งตามไปด้วย ในอีกด้านหนึ่ง ดิฉันเห็นว่างานวิจัยของคุณเทพนคร มีการเขียนรายงานที่ค่อนข้างชัดเจนและละเอียด เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปศึกษาขั้นตอนการทำปริญญานิพนธ์ของตัวเองต่อไป
รายงานการศึกษาผลงานวิจัย / วิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต
หัวข้อวิทยานิพนธ์ การพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐานในราย
วิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษสำหรับ
นักศึกษาครู
ชื่อผู้วิจัย นายเทพนคร ทาคง
สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน
สถาบันการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ผู้วิจัยได้กล่าวถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของประชากรโลก โดยกล่าวว่าภาษาอังกฤษจะเป็นภาษากลางในการสื่อสารของมวลมนุษย์ ผู้ที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษจะเป็นผู้ที่ได้เปรียบในการแสวงหาองค์ความรู้ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ แต่การจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษในประเทศไทยยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร กล่าวคือ ผู้เรียนในทุกระดับการศึกษายังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ตามจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน ผู้เรียนมีความสามารถทางภาษาทั้งทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนอยู่ในระดับต่ำ (สุพัฒน์ สุกุมลสันต์, 2535) และจากรายงานการประเมินผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ของสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ และคณะ (2543) สรุปได้ว่า ในระดับประเทศนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายมีความสามารถทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับปรับปรุง กล่าวคือ ผู้เรียนมีคะแนนเฉลี่ยไม่ถึงร้อยละ 50
จากการศึกษาของผู้วิจัย มีความเห็นว่า การจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษจะบรรลุจุดมุ่งหมายได้ขึ้นอยู่กับครูผู้สอนเป็นสำคัญ เพราะครูเป็นผู้ที่มีบทบาทมากที่สุดในการจัดการเรียนการสอน ผู้วิจัยจึงได้พัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐานในรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาครู เพื่อเตรียมนักศึกษาครูวิชาเอกภาษาอังกฤษ ผู้ซึ่งจะประกอบอาชีพครูในอนาคตให้พร้อมด้วยทักษะและความสามารถตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐานในรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาครู
2. เพื่อประเมินคุณภาพของหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นทั้งในด้านความสอดคล้องภายในของรายละเอียดหลักสูตรและด้านการนำหลักสูตรไปใช้
สมมติฐานของการวิจัย
1. คะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษของนักศึกษากลุ่มที่ผ่านการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นหลังการทดลองใช้หลักสูตรสูงกว่าก่อนการทดลองใช้หลักสูตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
2. คะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการทำแบบทดสอบสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษของนักศึกษากลุ่มที่ผ่านการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น หลังการทดลองใช้สูงกว่าก่อนการทดลองใช้หลักสูตรหลักสูตรอย่างน้อยร้อยละ 10 ของคะแนนเต็ม
ขอบเขตของการวิจัย
1. ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการทดลองหลักสูตรครั้งนี้ คือ นักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ สังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
2. ตัวแปรที่ศึกษา ประกอบด้วย
2.1 ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น
2.2 ตัวแปรตาม ได้แก่
2.2.1 ความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ ความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
2.2.2 คุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษ
วิธีดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนาโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงบรรยายและกึ่งทดลองเพื่อพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐานในรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาครู มีขั้นตอนในการดำเนินการวิจัย ดังนี้
1. การพัฒนาหลักสูตร มีการดำเนินการ ดังนี้
1.1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เพื่อกำหนดมาตรฐานครูภาษาอังกฤษ ประกอบด้วย
1.1.1 การศึกษาเอกสาร ประกอบด้วย หลักสูตรการฝึกหัดครูของสถาบันราชภัฏ บทความและงานวิจัยที่เกี่ยวกับสมรรถภาพในการสอนของครูภาษาอังกฤษ การจัดการศึกษาที่อิงมาตรฐาน มาตรฐานครูภาษาอังกฤษ และการพัฒนาหลักสูตรที่อิงมาตรฐาน
1.1.2 การสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการสร้างแบบสอบถาม กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ ประกอบด้วย ผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับอุดมศึกษา จำนวน 5 คน ผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา จำนวน 10 คน และนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษสายครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สถาบันราชภัฏ ซึ่งกำลังฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู จำนวน 10 คน รวมทั้งสิ้น 25 คน โดยผู้วิจัยเลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
1.1.3 การสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษด้วยแบบสอบถาม เครื่องมือที่ใช้ในการสำรวจความคิดเห็น คือ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานครูภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นแบบตรวจสอบรายการและแบบมาตราส่วนประมาณค่า แบบสอบถามได้รับการประเมินความเหมาะสมจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน
กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการสำรวจความคิดเห็น ประกอบด้วย ผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับอุดมศึกษา จำนวน 132 คน ผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา จำนวน 392 คน และนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษสายครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สถาบันราชภัฏที่ผ่านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูแล้ว จำนวน 310 คน โดยผู้วิจัยเลือกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลแบบสุ่มหลายขั้นตอน (Multi - stage Sampling)
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้จดหมายทางไปรษณีย์ ได้แบบสอบถามกลับคืนมาคิดเป็นร้อยละ 71.58
การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มผู้ให้ข้อมูลมาหาค่าร้อยละ สำหรับแบบสอบถามตอนที่เป็นแบบตรวจสอบรายการ และหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับแบบสอบถามตอนที่เป็นมาตราส่วนประมาณค่า
การกำหนดสัดส่วนความสำคัญของมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษ ผู้วิจัยพิจารณามาตรฐานที่ผู้ให้ข้อมูลระบุว่าจำเป็นในระดับมากขึ้นไป และให้ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ จำนวน 7 ท่าน กำหนดสัดส่วนความสำคัญของมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษ โดยกำหนดสัดส่วนเป็นร้อยละ เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดเนื้อหาของหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น
1.2 การจัดทำรายละเอียดหลักสูตร มีการดำเนินการ ดังนี้
1.2.1 การกำหนดมาตรฐานครูภาษาอังกฤษ ตลอดจนการกำหนดสัดส่วนความสำคัญของมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษ โดยมาตรฐานครูภาษาอังกฤษครอบคลุมทั้ง ขอบข่ายสาระ มาตรฐานด้านเนื้อหา มาตรฐานด้านความสามารถ หลังจากนั้นจึงกำหนดหลักการและเหตุผลของหลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตร และโครงสร้างของหลักสูตร
1.2.2 การออกแบบการเรียนการสอน ผู้วิจัยได้กำหนดแนวทางของการให้ทำงานปฏิบัติหน้าที่บูรณาการความรู้จากมาตรฐานต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ และการประเมินผลการเรียนรู้ ได้กำหนดแนวทางการประเมินทั้งก่อนและหลังการเรียนการสอนโดยใช้แบบทดสอบ และการประเมินผลการเรียนรู้ระหว่างการเรียนการสอนโดยการประเมินจากงานปฏิบัติ
1.2.3 การจัดทำเอกสารหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตร เอกสารหลักสูตรที่จัดทำขึ้น ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล กรอบแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐาน ซึ่งครอบคลุมทั้งขอบข่ายสาระ มาตรฐานด้านเนื้อหา มาตรฐานความสามารถ จุดมุ่งหมายของหลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร คำอธิบายรายวิชา รายละเอียดเนื้อหา การจัดหน่วยการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอน และการประเมินผลการเรียนรู้ ส่วนเอกสารประกอบหลักสูตร ประกอบด้วย คู่มือการใช้หลักสูตร ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้ และเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้
2. การประเมินหลักสูตร มีการดำเนินการ 2 ขั้นตอน คือ
2.1 การประเมินหลักสูตรโดยผู้ทรงคุณวุฒิ เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหลักสูตร ได้แก่ แบบประเมินที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยการประยุกต์แบบประเมินหลักสูตรของ Pratt (1994) และของ Wulf และ Schave (1984) เข้าด้วยกัน แบบประเมินเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และคำถามปลายเปิด
ผู้ทรงคุณวุฒิที่ประเมินหลักสูตร ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลักสูตร 3 ท่าน และผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 2 ท่าน
การเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินการโดยส่งและรับแบบประเมินหลักสูตรคืนด้วยตนเอง
การวิเคราะห์ข้อมูล ดำเนินการโดยวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพของหลักสูตรในแต่ละรายการประเมิน ส่วนข้อเสนอแนะได้นำมาแยกเป็นประเด็นต่าง ๆ ตามรายการประเมินนั้น
การปรับปรุงรายละเอียดหลักสูตร ดำเนินการโดยนำผลจากการประเมินหลักสูตร พร้อมด้วยข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ มาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงรายละเอียดหลักสูตรให้เหมาะสมกับการนำไปทดลองใช้
2.2 การประเมินหลักสูตรโดยการนำไปทดลองใช้
2.2.1 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
(1) แบบทดสอบความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ ใช้ทดสอบก่อนและหลังการเรียนการสอน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นแบบปรนัย ครอบคลุมองค์ประกอบของภาษาอังกฤษ ทักษะการฟัง และทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนได้รับการวิเคราะห์หาคุณภาพด้านค่าความเที่ยง ค่าความยาก และค่าอำนาจจำแนก โดยการนำไปทดลองใช้กับนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการทดลองหลักสูตร 2 ครั้ง
ส่วนที่ 2 เป็นแบบทดสอบความรู้ความสามารถทางภาษาแบบอัตนัย ได้แก่ แบบทดสอบทักษะการพูด และแบบทดสอบการเขียนภาษาอังกฤษ ได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนได้รับการวิเคราะห์หาคุณภาพด้านค่าความเที่ยง ค่าความยาก และค่าอำนาจจำแนก โดยการนำไปทดลองใช้กับนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการทดลองหลักสูตร
แบบทดสอบทักษะการพูดและการเขียนภาษาอังกฤษ ได้รับการตรวจสอบคุณภาพด้านความสอดคล้องในการตรวจให้คะแนนระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิกับผู้วิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิกับผู้ช่วยวิจัย และผู้วิจัยกับผู้ช่วยวิจัย โดยการหาค่าความสัมพันธ์แบบ Pearson Product Moment
(2) แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ทดสอบก่อนและหลังการเรียนการสอนได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนได้รับการวิเคราะห์หาคุณภาพด้านค่าความเที่ยง ค่าความยาก และค่าอำนาจจำแนก โดยการนำไปทดลองใช้กับนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการทดลองหลักสูตร 2 ครั้ง
(3) แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ซึ่งใช้ทดสอบก่อนและหลังการเรียนการสอนได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนได้รับการวิเคราะห์หาคุณภาพด้านค่าความเที่ยง ค่าความยาก และค่าอำนาจจำแนก โดยการนำไปทดลองใช้กับนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการทดลองหลักสูตร 2 ครั้ง
(4) แบบวัดคุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งใช้วัดก่อนและหลังการเรียนการสอน แบบวัดได้รับการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนได้รับการวิเคราะห์หาคุณภาพด้วยค่าความเที่ยงแบบสัมประสิทธิ์แอลฟา โดยการนำไปทดลองใช้กับนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการทดลองหลักสูตร
(5) แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของหลักสูตรรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ใช้สอบถามความคิดเห็นของนักศึกษากลุ่มทดลองหลังการเรียนการสอนตามหลักสูตรสิ้นสุดลง
(6) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักสูตรรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษ ใช้สัมภาษณ์ความคิดเห็นของกลุ่มทดลองหลังการเรียนการสอนตามหลักสูตรสิ้นสุดลง โดยการจดบันทึกและบันทึกเสียงการสัมภาษณ์
2.2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองสอน ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ ซึ่งกำหนดหน่วยการเรียนรู้ทั้งหมด 8 หน่วย ใช้เวลาสอน 16 ครั้ง ๆ ละ 3 คาบ ตลอดระยะเวลา 1 ภาคเรียน แผนการจัดการเรียนรู้และเอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวได้รับการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิว่ามีความเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยใช้รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มเดียวมีการวัดก่อนและหลังการทดลอง
การสุ่มตัวอย่างกลุ่มผู้ให้ข้อมูล
ในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษซึ่งครอบคลุมทั้งขอบข่ายสาระมาตรฐาน มาตรฐานด้านเนื้อหา และมาตรฐานความสามารถ เพื่อนำมากำหนดรายละเอียดของเนื้อหาในหลักสูตรนั้น ผู้วิจัยได้พิจารณาถึงผู้ให้ข้อมูลที่เป็น “หน่วยผลิตครู” โดยเฉพาะสถาบันราชภัฏโดยเฉพาะสาขาวิชาภาษาอังกฤษสายครุศาสตร์ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงสภาพการณ์ที่นักศึกษาต้องฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ซึ่งถือว่าเป็น “หน่วยใช้ครู” ดังนั้น กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูภาษาอังกฤษในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1.) ผู้สอนภาษาอังกฤษในสถาบันราชภัฏ 2.) ผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา 3.) นักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 4 ซึ่งผ่านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเต็มรูปแล้ว ซึ่งกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage sampling) ซึ่งมีขั้นตอนการสุ่มตัวอย่าง ดังนี้
1. กลุ่มผู้สอนประจำโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ และนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ สายครุศาสตร์
1.1 สำรวจสถาบันราชภัฏที่มีโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งมีทั้งหมด 41 สถาบัน แล้วจำแนกสถาบันราชภัฏออกเป็น 8 ภาค ตามการแบ่งของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสานตอนเหนือ ภาคอีสานตอนใต้ และภาคตะวันตก แต่ในการวิจัยครั้งนี้ รวมภาคเหนือ 2 ตอน เป็น 1 ภาค และรวมภาคอีสาน 2 ตอน เป็น 1 ภาค จึงจำแนกสถาบันราชภัฏได้เป็น 6 ภาค
1.2 สุ่มสถาบันราชภัฏในแต่ละภาคในอัตราส่วนร้อยละ 30 ด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ได้จำนวนสถาบันราชภัฏ 13 สถาบัน
1.3 รวบรวมจำนวนอาจารย์สังกัดโปรแกรมวิชาภาษาอังกฤษ จาก 13 สถาบันที่สุ่มได้ รวม 132 คน และรวบรวมจำนวนนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษสายครุศาสตร์ชั้นปีที่ 4 สถาบันราชภัฏ ซึ่งผ่านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูเต็มรูปแล้ว จำนวน 310 คน
2. กลุ่มผู้สอนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมศึกษา
2.1 สำรวจจำนวนอาจารย์ผู้สอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา พบว่ามีจำนวน 16,874 คน
2.2 หาขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยเปิดตารางขนาดกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมของ Yamane (1973) เมื่อกำหนดระดับความเชื่อมั่น 95% จากจำนวนประชากรจำนวน 16,874 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง 392 คน
2.3 จำแนกโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา ออกเป็น 7 ภาค ตามการแบ่งของกรมสามัญศึกษา ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก
2.4 สุ่มเขตการศึกษาในแต่ละภาคในอัตราส่วนร้อยละ 30 ด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ได้ทั้งหมด 8 เขตการศึกษา
2.5 สุ่มจังหวัดในแต่ละเขตการศึกษา เขตการศึกษาละ 1 จังหวัด ด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ได้ทั้งหมด 8 จังหวัด
2.6 สุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษาในแต่ละจังหวัด ในอัตรส่วนร้อยละ 30 ด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ได้ทั้งหมด 28 โรง
2.7 สุ่มผู้สอนภาษาอังกฤษโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา ในจังหวัดที่สุ่มได้ตามสัดส่วนด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย ได้ทั้งหมด 392 คน
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. นำข้อมูลจากการทดสอบกลุ่มทดลองก่อนและหลังการเรียนการสอนมาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ย โดยการทดสอบค่าที (t-test) โดยใช้ค่าเฉลี่ยของคะแนนต่อไปนี้ 1) คะแนนความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ ความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และคะแนนคุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษ 2) คะแนนความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ 3) คะแนนความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 4) คะแนนความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาแม่เป็นภาษาอังกฤษ และ 5) คะแนนคุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษ
2. นำข้อมูลจากการทดสอบกลุ่มทดลองก่อนและหลังการเรียนการสอนมาวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนน โดยพิจารณาเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าคะแนนหลังการเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนการเรียนอย่างน้อยร้อยละ 10
3. นำข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษากลุ่มทดลองเกี่ยวกับความเหมาะสมของหลักสูตรรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษมาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4. นำข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสัมภาษณ์นักศึกษากลุ่มทดลองเกี่ยวกับความเหมาะสมของหลักสูตรรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษ มาสรุปประเด็นสำคัญและแจกแจงความถี่
สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัย เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดที่อิงมาตรฐานในรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาครู สรุปผลการวิจัยได้ ดังนี้
1. การพัฒนาหลักสูตร ได้เอกสารหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรสำหรับรายวิชาเสริมสมรรถภาพในการสอนภาษาอังกฤษ ในกลุ่มวิชาเลือก หมวดวิชาเฉพาะด้านของหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต วิชาเอกภาษาอังกฤษ สถาบันราชภัฏ โดยมีการกำหนดมาตรฐานครูภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมขอบข่ายสาระมาตรฐาน 4 ขอบข่าย มาตรฐานด้านเนื้อหา 13 มาตรฐาน และมาตรฐานด้านความสามารถ 88 มาตรฐาน เพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการพัฒนานักศึกษาให้มีความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ มีความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ มีความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และมีคุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษที่พึงประสงค์
2. การประเมินหลักสูตร ในการประเมินคุณภาพของหลักสูตรโดยใช้ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้รับการประเมินในระดับดี และในการประเมินโดยการทดลองใช้หลักสูตรที่พัฒนาขึ้นกับนักศึกษาวิชาเอกภาษาอังกฤษ สายครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ ปรากฏว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ คะแนนความรู้ความเข้าใจในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ คะแนนความรู้ความเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และคะแนนคุณลักษณะของครูภาษาอังกฤษ หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง ร้อยละ 23.46, 14.28, 22.95 และ 5.56 ตามลำดับ และสูงกว่าการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 กลุ่มทดลองมีความคิดเห็นว่าเนื้อหาที่เรียนตามหลักสูตรสอดคล้องกับความจำเป็นในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูมากที่สุด และมีความคิดเห็นว่าตนเองมีความรู้ความเข้าใจเนื้อหา ทักษะ หรือการปฏิบัติเพิ่มขึ้นมากจากการเรียนตามหลักสูตรนี้ ยกเว้นมีทักษะการพูดเพิ่มขึ้นปานกลาง กลุ่มทดลองให้สัมภาษณ์ว่า หลักสูตรนี้เป็นการทบทวนความรู้เดิม และเป็นการเตรียมตัวสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
เป็นงานวิจัยที่ดีนะ
หลักสูตรอิงมาตรฐาน จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องเนื้อหาที่อาจไม่เหมือนกันระหว่างโรงเรียน
ถ้ามาตรฐานเดียวกันเนื้อหาไม่เหมือนกันระหว่างโรงเรียนไม่เป็นไร
เห็นกระบวนการวิจัย R & D แล้วเข้าใจได้เลย ทำแบบนี้ ไม่ยากใช่ไหม
ขอให้มีกำลังใจนะ