โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม 14


ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งที่คิด ถูกบันทึกไว้ในใจของคน เหมือนบันทึกเก็บไว้ในแผ่นวีซีดี เมื่อวันดีคืนดีมาถึงภาพเหล่านั้นจะกลับมาฉายให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า
หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักจากแดจังกึม 14
โสภณ เปียสนิท
........................................
“ทุกครั้งที่จับได้ว่าตนออกล่ากระต่าย ครานี้ก็ออกล่ากระต่ายกับผู้ชายเช่นกัน จังกึมใคร่อยากถูกตีที่น่องอีกครั้ง ครานี้มารดาที่ตีน่องจากไปแล้ว เหลือไม่เพียงบุตรีอกตัญญูที่มิเคยแม้แต่พิธีเซ่นไหว้ให้แก่ท่าน” (แดจังกึม/หน้า224/เล่ม2)

 

                ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกสิ่งที่คิด ถูกบันทึกไว้ในใจของคน เหมือนบันทึกเก็บไว้ในแผ่นวีซีดี เมื่อวันดีคืนดีมาถึงภาพเหล่านั้นจะกลับมาฉายให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า จังกึมหวนคิดถึงเรื่องเก่าแล้วอดคิดถึงมารดาของตนเองไม่ได้ จากหลักการนี้จักเห็นว่า คนเราควร คิดพูดทำแต่สิ่งที่ดีงามเท่านั้น เพื่อวันข้างหน้าจักได้มีแต่เรื่องราวอันดีงามฉายภาพเก่าให้เห็น
“ท่ามกลางดาวทอแสงริบหรี่ ปรากฏมีดาวตกส่ายหางสะบัดไปมา ก่อนลากพาดผ่านท้องฟ้าคล้ายกับเคยได้ยินว่า หากอธิษฐานต่อหน้าดาวตกจะสมดังปรารถนา ที่ปรารถนานั้นมีอยู่มาก แต่ดาวตกกลับหายไปก่อนจะได้อธิษฐานสิ่งได้เพิ่มเติม” (แดจังกึม/หน้า225/เล่ม2)

 

                ไทยโบราณสอนไว้ว่า ยามดาวตกห้ามชี้ เพราะถ้าชี้จะทำให้วิญญาณที่มากับดาวนั้นไปเกิดในท้องสุนัข ชาวเกาหลีบอกเล่ากันมาว่า ยาวดาวตกให้อธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนา แล้วจักสมปรารถนา คนส่วนมากมักเหมือนกับจังกึม คือมีสิ่งที่ต้องการอธิษฐานขอให้สมปรารถนาอยู่มาก จนตั้งความปรารถนาไม่ทัน
“ชีวิตของคนเป็นดั่งดาวตก ที่ปรากฏและหายไปในชั่วพริบตา แต่ตลอดระยะเวลาชีวิตอันแสนสั้นนี้ กลับมีเรื่องที่ปรารถนาอยู่มากมายจนอธิษฐานไม่ถ้วน” (แดจังกึม/หน้า225/เล่ม2)

 

                ผู้เขียนใช้การเปรียบเทียบได้อย่างแหลมคมน่าประทับใจ มีหลักธรรมแอบแฟงไว้ให้ขบคิดอย่างลุ่มลึก ชีวิตของคนเป็นดั่งดาวตก ช่างน่าคิดนัก คนส่วนมากมีชีวิตกี่ปีกัน 60 หรือ 70 ปี ก็แค่นั้น แล้วหลังจากนั้นก็ลับหายจากไป ระหว่างเวลาเหล่านั้นเหมือนนานในบางครั้ง แต่ก็เหมือนไม่นานในบางครั้ง
“ที่แท้มิได้มีเคล็ดลับแต่อย่างใด ไม่วานามุล หรือข้าวนำมาตากแล้วเก็บ เก็บแล้วตาก ตากแล้วเก็บ เก็บแล้วตากที่แท้หัวใจที่รู้จักการรอคอยนั้นเป็นเคล็ดลับนั่นเอง” (แดจังกึม/หน้า233/เล่ม2)

 

                เนื้อความนี้บอกหัวใจสำคัญของชีวิตคือ “การรอคอย” ทุกชีวิตล้วนรอคอย บางครั้ง รอใครบางคน บางครั้งรองานเสร็จสิ้น บางครั้งสำเร็จการศึกษา บางครั้งรอให้เติบโต บางครั้งรอโชคชะตา บางครั้งรอคนอื่นให้มาช่วยเหลือ บางครั้งการรอสำเร็จผล แต่อีกหลายครั้งเป็นการรอที่สูญเปล่า การใช้ชีวิตแบบนักปราชญ์ในเรื่องนี้ สอนบางสิ่งบางอย่างกับผู้คน การดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ทำไร่ทำนาปลูกข้าว เก็บเกี่ยวข้าว ตากแดดให้แห้ง นำมารับประทานหล่อเลี้ยงชีวิต
“มิได้ ครานี้ข้าน้อยทราบถึงความหมายของท่านซังกุงฮันแล้ว ความหวังดีที่อาจารย์มอบให้ ที่แท้กลายเป็นยาพิษแก่ข้าน้อย ท่านกังวลว่า ข้าน้อยจะมุ่งหาแต่เคล็ดลับ โดยมิได้ใส่หัวใจลงในอาหารนั่นเอง” (แดจังกึม/หน้า234/เล่ม2)

 

                ความมุ่งมั่นของตัวเอกในละครเรื่องนี้ คือ “ทำความดีงามโดยผ่านการปรุงอาหาร” ความรักในการประกอบอาหาร การถ่ายทอดความรักนั้นผ่านไปสู่คนรุ่นต่อไป ด้วยความดีงาม โดยไม่ใช้อาหารเพื่อก้าวไปสู่อำนาจ และความร่ำรวย เหมือนคนจำนวนมากในโลกนี้
“ที่พบซังกุงพี่เลี้ยงก่อนเป็นจังกึม เมื่อคลายมือที่กำไว้ออกดู เห็นเป็นโอลเกซังในมือ สีหน้าของนางที่ได้นำโอลเกซัลไปด้วย ดูสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก” (แดจังกึม/หน้า234/เล่ม2)

 

                ความสมหวังเป็นความพึงพอใจสูงสุด ซังกุงพี่เลี้ยงหวังไว้นานแล้วว่าจะหาโอลเกซัลไปฝากคนที่ตนรักในปรโลกให้ได้ก่อนตาย เมื่อนางสมปรารถนา ความพึงพอใจนี้แสดงออกทางใบหน้า แม้ยามสิ้นลม ให้จังกึมได้เห็นอย่างชัดเจน ความปรารถนาของนางดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญนักสำหรับคนอื่น แต่สำหรับนางเองแล้วถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
“บรรยากาศในวังหลวงดูหม่นหมองยิ่งนัก ดังคำโบราณว่าไว้ น้ำแข็งบนก้อนหิมะ ได้เกิดมีไข้หวัดระบาดขึ้น” (แดจังกึม/หน้า238/เล่ม2)

 

                ความหมายของคำว่า “น้ำแข็งบนก้อนหิมะ” ในที่นี้คล้ายคลึงกับสุภาษิตไทยที่ว่า “ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้าแทรก” หรือ “ผีซ้ำด้ำพลอย” ในคราวมีเคราะห์มักมีเรื่องร้าย ๆ เกิดซ้ำซ้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำร้ายความมั่นคงในจิตของคนอ่อนแอให้แพ้พ่าย
“สิ่งเดียวในโลกที่เราปรารถนา สิ่งเดียวที่ถนอมไว้ในใจเรา เจ้าได้ขโมยไปจนหมดสิ้น” (แดจังกึม/หน้า239/เล่ม2)

 

                คำพูดของคนสิ้นหวังมักเป็นความจริงจากส่วนลึกของดวงใจ เมื่อภาพที่จังกึมอยู่กับจองโฮ ชายอันเป็นที่รักของตนหลายครั้งหลายหน แต่ละครั้งแต่ละหนได้ทำลายความรักความเชื่อมั่นลงไปทีละน้อย จนเมื่อถึงที่สุดแล้ว คึมยองยอมพ่ายแพ้ในด้านความรัก แต่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเอาชนะในสนามของตำแหน่งหน้าที่การงานแทน
“ภาพของจองโฮและจังกึมที่อยู่ร่วมกันได้ทำให้หัวใจคึมยองแตกสลาย อาหารที่ห่อนำมาถูกขว้างลงใต้เขา ความลังเลใจและศักดิ์ศรี ความลุ่มหลงจนโง่เขลา และศีลธรรมถูกเหวี่ยงทิ้งลงไปเช่นกัน ในหัวใจของจองโฮ ไม่มีที่ว่างสำหรับตนอีกต่อไป” (แดจังกึม/หน้า239/เล่ม2)

 

                คนอยู่ได้ด้วยความหวัง หากไร้ความหวังคนเราย่อมทำสิ่งใดก็ได้ที่เป็นอันตรายกับตนและคนอื่น หลังจากนั้นมาคึมยองทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตนเองก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน โดยไม่ต้องคำนึงถึง “ศีลธรรม” จนถลำลึกไปสู่ความผิดพลาดถึงชีวิตของตน
“ซังกุงฮันเป็นผู้แรกที่กราบคารวะ แม้ภายในอัดแน่นไปด้วยความผิดหวังและความขมขื่น ความเศร้าและความหดหู่แต่ภายนอกกลับมิแสดงอาการใด ๆ ให้เห็น ตรงข้ามกับซังกุงชเวที่รับการกราบ เห็นนางเชิดปากขึ้นสูง มิได้ซุกซ่อนอาการยินดีแม้แต่น้อย” (แดจังกึม/หน้า243 /เล่ม2)

 

                ในภาวะแห่งการแก่งแย่งแข่งขัน ซังกุงฮันยอมกราบคารวะคู่แข่งขันที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าได้ หมายถึงว่า เป็นผู้ที่รู้จักข่มความรู้สึกได้ดีตามคำกล่าวที่ว่า “น้ำขุ่นไว้ข้างใน น้ำใสไว้ข้างนอก” แม้ว่าจะมีความรู้สึกขมขื่นซึมเศร้าผิดหวังอยู่บ้าง เป็นคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง ส่วนผู้ที่ได้รับชัยชนะ หรือได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้า พึงรำลึกไว้อย่างเหนียวแน่นว่าชัยชนะและอำนาจไม่ยั่งยืน ได้มาแล้วก็เสื่อมไป
“เรียกได้ว่า ทำดีเสมอตัว ทำมั่วกลายเป็นชั่วตลอดกาล” (แดจังกึม/หน้า245/เล่ม2)

 

                ปัญหามีไว้ให้แก้ มิใช่มีไว้ให้กลุ้ม เมื่อเกิดปัญหาขึ้น บางคนหนีปัญหา บางคนสู้ปัญหา ท่าทีของจังกึม คือพยายามต่อสู้เอาชนะ เป็นทัศนะคติในเชิงบวก จึงพยายามเรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยการมุ่งมั่นแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การต่อสู้และชนะของจังกึมเป็นตัวอย่างที่ดี บ่งบอกว่า เราควรมีท่าทีต่อปัญหาของชีวิตอย่างไร
“ความสำราญที่ลิ้นในวันนี้จะเป็นอันตรายต่อท่านในภายหน้า ขอท่านทบทวนอีกครั้ง” (แดจังกึม/หน้า248/เล่ม2)

 

คำข้างต้นนี้มีความแหลมคมท้าทายความคิดได้ดี ตรงตามสุภาษิตไทยว่า “หวานเป็นลมขมเป็นยา” หรือตามภาษิตตามป้ายท้ายรถบรรทุกสิบล้มว่า “ตามใจปากจะเป็นหมู ตามใจจู๋จะเป็นเอดส์” เหตุดังนี้ในพุทธศาสนาจึงสอนเรื่องนี้ไว้ว่า ควรรู้จักประมาณในการรับประทานอาหาร
“เพราะลุ่มหลงรสชาติ ทำให้เป็นโรคขับถ่ายเรื้อรัง แต่ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนนิสัยได้ แต่เราทั้งมิใช่ชาวโซซอน ทั้งมิได้พำนักที่แห่งนี้นาน ทั้งที่สามารถปรุงอาหารให้ต้องปากและส่งเราไปก็ได้ เหตุใดจึงต้องรั้นเช่นนี้?” (แดจังกึม/หน้า253/เล่ม2)

 

                คนเราส่วนมากเป็นเหมือนคำของท่านทูตจากประเทศจีน หลงรสชาติจากปลายลิ้นก่อให้เกิดทุกข์โทษแก่ตน แต่ก็ยังไม่อาจยับยั้งจิตใจตนได้ ท้ายที่สุดมักมีชะตากรรมไม่ต่างกัน คือโรคร้ายรุมล้อมจนเสียชีวิต คำตอบของคำถามนี้คือคุณธรรมประจำใจของตัวละครเอกในเรื่อง
หมายเลขบันทึก: 372628เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2010 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 09:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • สวัสดีครับอาจารย์โสภณ
  • ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องนี้ มีเเง่คิดดีๆในเรื่องเยอะมากครับ สามารถดูได้อย่างมีความรู้เเละความสนุกไปพร้อมๆกันเลยครับ
  • จะเเวะมาอ่านข้อคิดดีๆบ่อยๆนะครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับพีธากร

จริงอย่างคุณว่าครับ ผมอ่านแล้วประทับใจมาก จี๊ดเลยว่า ต้องบันทึก

บังเอิญว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นหัวหินสารเปิดที่ให้เลยพิมพ์เป็นตอนๆลงที่นั่น

อ่านไปซาบซึ้งไปว่า ใครกันหนอเขียนหนังสือได้ดีขนาดนี้

บอกแบบไม่อายเลยว่า อยากเขียนหนังสือแบบนี้บ้าง ก่อนตาย

ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

แต่จะพยายาม

  • ผมชอบอ่าน ได้คำคมมากเลยครับ
  • กลับมาแล้ว
  • รออ่าน หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักของโสภณ เปียสนิท
  • เย้ๆๆๆ

 เรียนท่านอาจารย์โสภณ

      อาจารย์คะวันนี้ดิฉันทำขายหน้ามากๆ เร่งทำเอกสารจัดอบรมครู และไปร่วมรับฟังการประเมินงานผู้สูงอายุด้วย กลับขึ้นมารู้สึกมึนๆก็เลยเปิด com อ่าน Blog ของอาจารย์ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็น มีคนมาปรึกษาเรื่องงาน คุยกันไปมือก็เลื่อนเม๊าท์ไปเจอBlog ท่านอาจารย์ umi ทีนี้ก็ ment ในสมองยังนึกว่าเป็นบทความของอาจารย์อยู่ก็ลงชื่ออาจารย์ไป พอบันทึกเสร็จ ไอ๋หยา !!! Blogท่านอาจารย์ umi อยากมุดดินหนีจังเลย รู้ถึงไหน .. อายถึงนั่น กลับไปบ้านจะเต้นแอโรบิกให้เหงื่อท่วมไปเลยจะได้หายมึน

ถึงอาจารย์ขจิตก่อนครับ

แหมๆๆ เข้าทีทีเดียว หลักธรรมคำคมข้อคิดชีวิตรักของอาจารย์โสภณ ว้าวววว

ฟังชื่อแล้วเท่มากๆ

แต่ไม่เอาดีกว่าสงสารคนอ่าน เอ้าฮากันหน่อย

ไม่เป็นไรครับคุณยาย

บอกให้รู้ก็พอแล้ว ผมตามไปอ่านที่โน่นก็ได้ อาจารย์umi ไม่ว่าผมหรอก พี่น้องกัน ฮาหน่อยเร็ววววว

  • พักเบรคการประชุม เติมกำลังใจ แทนอาหารเบรค ดีกว่า
  • สาระ ข้อคิด เริ่มอ่านจาก แดจังกึม 1 -15
  • จึงทราบว่าผู้เขียนบันทึกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

เรียนคุณอุ้มบุญ

ไม่ธรรมดานี่ ลบหรือบวกครับ ชักหนาวๆร้อนๆ รอคำตอบ อ่านครบ1-15แล้วหรือครับนี่ เก่งจริง อย่างนี้ ถ้าเป็นหนังสือขึ้นมาแล้ว ต้องแจกฟรีสักเล่มสองเล่ม ฮาครับงานนี้

บวกซิค่ะ  บ่ายเลิกงาน นี้ จะขอติดตามต่ออีก ใช่ค่ะ  หากรวบรวมไว้เป็นเล่ม สำหรับบันทึกดีดีอย่างนี้เพื่อเป็นธรรมทาน  ให้ได้นั่งอ่าน ไม่ต้องสัมผัสรังสีจาก Com. ด้วย  คงจะดีมิใช่น้อย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท