ความร่มรื่นและธรรมชาติความหลากหลาย ด้วยพืชผักผลไม้สวนผสม
โรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ ของคุณครูวรินทร์ เขียวสะอาด
และชมรมรักษ์คลอง-รักษ์ถิ่น ชุมชนคลองทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
ทั่วอาณาบริเวณของผืนดิน ๒๕ ไร่ที่แบ่งออกเป็น ๔ ส่วนของคุณครูวรินทร์ เขียวสะอาด ส่วนที่แบ่งเป็นพื้นที่อาศัย ทำเป็นบ้านเพื่ออยู่อาศัยทั้งของคุณครูเองและของลูกหลาน เชื่อมต่อกับบ้านญาติพี่น้องคนอื่นๆซึ่งทำอาณาบริเวณเหมือนกับลักษณะบ้านเรือนของชุมชนเกษตรในอดีต คือ ไม่มีรั้วกั้นและใช้สอยลานบ้าน ตลอดจนเก็บผักผลไม้กินด้วยกันอย่างคนที่อยู่ร่วมกัน และอีกส่วนหนึ่งที่แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกผักผลไม้ รวมทั้งไม้ยืนต้นเพื่อให้ความร่มรื่นหลากหลาย ก็ประกอบไปด้วยพืชผักสวนผสม
ภาพที่ ๑ คุณครูวรินทร์ เขียวสะอาดกับหลานปู่ นำแขกผู้มาเยือน : ทีมงานของบางกอกฟอรั่ม เป็นคนหนุ่มสาวจบการศึกษาปริญญาโทและปริญญาตรี ซึ่งมุ่งวิถีวิชาการอิสระและเป็นเครือข่ายวิชาการแนวประชาสังคมจากหลายมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เยี่ยมชมการทำนาและโรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ แนวโล่งที่เห็นผ่านแนวต้นไม้นั้น เป็นพื้นที่ติดกับถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อกว่า ๑๐ กว่าปีมาแล้วก็เป็นแหล่งซึ่งที่ดินมีราคาประเมินมากกว่าไร่ละ ๑๐ ล้านบาท แต่คุณครูก็ยังคงใช้เป็นฐานชีวิตในการทำนาและทำสิ่งที่สะท้อนจิตวิญญาณความเป็นครูของท่านคือทำโรงเรียนสร้างคนจากทั่วประเทศและผลิตประสบการณ์ถ่ายทอดภูมิปัญญาสร้างสรรค์มากมายให้แก่สังคม
ภาพที่ ๒ ผลผลิตหลากหลาย ผักผลไม้ รวมไปจนถึงไม้ดอกไม้ประดับ ปลูกและงอกงามอยู่ทั่วอาณาบริเวณ ออกดอกและให้ผลสลับกันไปตลอดทุกฤดูกาล มีกินและมีขายไม่ได้ขาด
ภาพที่ ๓ สวนกล้วย : หลักประกันและภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและอาหาร ส่วนหนึ่งที่แบ่งเป็นที่ทำนาข้าวและทำสวน ได้ทำเป็นสวนกล้วยและปล่อยให้เติบโตออกดอกออกผลเอง ๔-๕ ปีมาแล้วจนคุณครูบอกว่าถึงรอบที่โคนลอยแล้ว อีกไม่นานก็อาจจะปรับปรุงและปลูกใหม่ กล้วยในสวนนี้ออกผลและทุกส่วนของกล้วยจะมีผู้เข้ามาซื้ออยู่ตลอดเวลา ทำให้มีรายได้จุนเจือเป็นภูมิคุ้มกันและหลักประกันแห่งชีวิตอีกทางหนึ่งที่ทำให้สามารถบำรุงครอบครัวและทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมได้อย่างเพียงพอ
ในส่วนที่ทำนาข้าวนั้น คุณครูใช้วิธีทำนาซึ่งต่อมาได้กลายเป็นนวัตกรรมและเผยแพร่ประสบการณ์ให้แก่เกษตรกรตลอดจนผู้สนใจอื่นได้อย่างกว้างขวางคือการทำนาแบบโยนกล้า โดยเตรียมผืนนาเหมือนกับการทำนาน้ำตมทุกประการ แต่การเตรียมกล้านั้น ไม่ได้หว่านกล้าในนาอย่างในอดีต ทว่า ดัดแปลงเอาแผ่นพลาสติกซึ่งมีหลุมเล็กๆเหมือนหลุ่มใส่ไข่ไก่และเคยเห็นผู้อื่นใช้เพาะเมล็ดพันธุ์กล้าไม้อย่างอื่น มาเป็นเครื่องมือสำหรับเตรียมกล้าซึ่งทำให้เตรียมดินแต่น้อยและดูแลได้ง่าย เมื่อได้ต้นกล้าตามที่ต้องการและเตรียมดินในนาสำหรับดำหรือหว่านเหมือนกับการทำนาของชาวหนองบัวทั่วไปแล้ว แทนการดำหรือหว่าน คุณครูก็นำเอากล้าที่เพาะไว้ในพลาสติกหลุมมาโยนไปทีละต้นให้กระจายไปทั่วผืนนา และด้วยวิธีนี้ใครๆก็สามารถโยนกล้าทำนาได้ แม้จะดำนาและหว่านข้าวไม่เป็นเลย
วิธีทำนาโดยวิธีโยนกล้าอย่างที่คุณครูทดลองทำและค้นพบเป็นนวัตกรรมการทำนานี้ ก่อให้เกิดผลดีหลายประการ ทั้งใช้แรงงานแต่น้อย ไม่ต้องใช้ปุ๋ยและสารเคมีในการเตรียมต้นกล้า ต้นข้าวแตกกอ แข็งแรง ไม่มีวัชพืชรบกวนเหมือนวิธีดำและหว่าน ลดต้นทุนไปมากกว่าไร่ละเกือบ ๒ พันบาทเมื่อเทียบกับวิธีดำและหว่านของการทำนาแบบทั่วไป.
ดีจังเลยค่ะ
ลดต้นทุนได้มาก
อ่านแล้วเข้าใจว่าการใช้พลาสติกคลุมดิน
แต่เว้นช่องให้ต้นข้าวงอกเติบโตอย่างนั้นใช่ไหมคะ
น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ภาพที่ ๑ ลักษณะของแผ่นพลาสติกเป็นหลุ่มเล็กๆสำหรับหยอดดินเพาะเมล็ดข้าว เมื่องอกเป็นต้นกล้าก็ใช้วิธีโยนกระจายไปในผืนนา
ภาพที่ ๒ คุณครูวรินทร์ เขียวสะอาด กำลังโยนกล้า
ภาพที่ ๓ นาข้าวจากวิธีโยนกล้าของโรงเรียนเกษตรทฤษฎีใหม่ คุณครูวรินทร์ เขียวสะอาด หลังเพิ่งเก็บเกี่ยว