วิถีแห่งสุขภาพ


อาจารย์ชีอูฟท่านพบว่า ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ มีวิถีแห่งสุขภาพครบ 5 ข้อจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจอุดตันลดลงอย่างนี้ครับ...

Hiker

เราๆ ท่านๆ คงจะอยากมีอายุยืนนาน ไม่มีโรคหัวใจขาดเลือดมาพาลเบียดเบียนให้อยู่อย่างยากลำบาก

ข่าวดีคือ มีการศึกษาว่า วิถีแห่งสุขภาพมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจได้...

อาจารย์สเทฟานี ชีอูฟ รายงานผลการศึกษาติดตามผู้ชายอายุ 40-75 ปีที่ไม่มีโรคหัวใจขาดเลือด ไม่มีเบาหวาน และไม่มีโรคเรื้อรังอื่นๆ จำนวน 43,000 คนตั้งแต่ปี 2529

ผลการศึกษาพบว่า โรคหัวใจขาดเลือดมีความสัมพันธ์กับอุปนิสัย หรือวิถีแห่งสุขภาพ 5 อย่างได้แก่

(1). อาหารดีและพอดี:                                                        

อาหารดีและพอดีในที่นี้หมายถึงอาหารที่มีคุณค่าครบครัน โดยเฉพาะมีธัญพืชครบส่วน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮตวีท(ขนมปังข้าวสาลีไม่ขัดสี) ฯลฯ ถั่ว งา เห็ด ผัก ผลไม้ มีสารต้านอนุมูลอิสระจากพืชผักมากพอ

อาหารที่ดีควรมีไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันในน้ำมันปาล์ม กะทิ ไขมันสัตว์ ฯลฯ น้อย มีโคเลสเตอรอลน้อย มีผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันอีกหน่อย ต่อไปให้กินพอประมาณ(ไม่กินมากเกิน) เพื่อป้องกันโรคอ้วน

(2). การไม่สูบบุหรี่:                                                          

ข้อนี้รวมทั้งบุหรี่ที่สูบเอง และบุหรี่มือสอง หรือบุหรี่ที่คนอื่นสูบด้วย เช่น คนที่เข้าไปในห้องปรับอากาศ ถ้ามีคนอื่นสูบบุหรี่ก็มีโอกาสได้รับอันตรายจากบุหรี่ ฯลฯ

(3). ไม่ดื่มมากเกิน:                                                        

คำแนะนำสำหรับแอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์ ไวน์...)คือ คนที่ดื่มอยู่ก่อนควรลดปริมาณ และความถี่ในการดื่มลง หรือเลิกเสียเลย เพื่อป้องกันภาวะความดันเลือดสูงจากการดื่มหนัก

ส่วนคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว... ไม่ดื่มดีที่สุด เพื่อป้องกันโรคอื่น เช่น อุบัติเหตุทำให้ตาย หรือพิการเฉียบพลัน ตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ตับแข็ง สมองเสื่อม เสี่ยงต่อการสำส่อนทางเพศ เสี่ยงต่อการติดกามโรค(เช่น เอดส์ ฯลฯ) ฯลฯ

(4). ควบคุมน้ำหนัก:                                                       

การควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้น้ำหนักเกิน และไม่ให้อ้วนมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจได้

(5), ออกกำลังกาย:                                                        

คำแนะนำในการออกกำลังกายปัจจุบันได้แก่ ให้ออกกำลังกายแรงปานกลาง (เช่น เดินเร็ว ฯลฯ) คราวละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง หรือออกกำลังกายหนัก เช่น วิ่งเหยาะ ฯลฯ คราวละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

    วิถีสุขภาพดีอย่างไร...                        

อาจารย์ชีอูฟท่านพบว่า ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ มีวิถีแห่งสุขภาพครบ 5 ข้อจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจอุดตันลดลงอย่างนี้ครับ...

(1). ผู้ชายวัยกลางคนที่กินยารักษาโรคความดันเลือดสูง หรือไขมันในเลือด(โคเลสเตอรอล)สูง และรักษาวิถีแห่งสุขภาพ 5 ข้อนี้ได้ จะมีความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง 57 %

(2). ผู้ชายวัยกลางคนที่ไม่เป็นโรคความดันเลือดสูง และไขมันในเลือด(โคเลสเตอรอล)สูง จะมีความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง 87 %

ท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่ผู้ชายวัยกลางคนไม่ต้องเสียใจครับ ถึงแม้การศึกษานี้จะติดตามข้อมูลในผู้ชายวัยกลางคน

ทว่า... เรื่องวิถีแห่งสุขภาพเป็นเรื่องสากล ใครๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์จากการใส่ใจสุขภาพคล้ายๆ กัน...

    แหล่งที่มา:                 

  • ขอขอบคุณ > Amanda Beck. Lifestyle trumps drugs for a healthy heart: study. http://go.reuters.com/newsArticle.jhtml?type=healthNews&storyID=12727837&src=eDialog/GetContent > July 3, 2006. (สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งที่มาจาก Circulation).
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๙ > ปรับปรุงแก้ไข 8 พฤษภาคม 2550.
  • ขอขอบพระคุณ > โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี + อาจารย์เทวินทร์ IT + พต.ศรัณย์ มกรพฤฒิพงษ์ โร > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
  • ขอขอบพระคุณ > ศูนย์มะเร็งลำปาง + อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี IT ศูนย์มะเร็งลำปาง > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.  
  • แนะนำให้อ่าน "บ้านสาระ" > [ Click - Click ]
หมายเลขบันทึก: 37200เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2006 13:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)
การเหวี่ยงแขนไปรอบๆตัว สามารถถือว่าเป็นการออกกำลังกายแบบแรงปานกลางได้หรือไม่ครับ เพราะคุณพ่อของนายบอนท่านวิ่งไม่ไหว
อาจารย์หมอวัลลภคะ
หนูก็พยายามทำให้ครบ 5 ข้อนะคะ แต่ข้อสุดท้ายนี้ ไม่ค่อยมีเวลาไปออกกำลังกาย ก็อาศัยการเดินคะ เพราะทุกวันนี้ ต้องเดินเยอะมาก ก็สามารถช่วยเรื่องการออกกำลังกายได้ ใช่ไหมคะ
ขอบพระคุณคุณหมอมากครับ ข้อ(2) กับข้อ(3) ผมเลิกเด็ดขาดแล้วครับ

ขอขอบคุณอาจารย์นายบอนและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

อาจารย์นายบอนได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ในบล็อกของอาจารย์ว่า เป็นนายบอนธรรมดา ไม่ได้เป็นอาจารย์...

  • ขอเรียกทุกท่านใน Go2Know เป็น "อาจารย์" ไว้ก่อน
  • เนื่องจาก G2K มีลักษณะเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้
  • ทุกท่านต่างก็เป็นครูบาอาจารย์ของสมาชิกท่านอื่นทั้งนั้น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้ทุกคนดีขึ้นได้หลายๆ ฝ่ายพร้อมกัน...
  • บ่อยครั้งที่เราไม่ได้เรียน "ความรู้" จากคนอื่นโดยตรง ทว่า... คนอื่นได้ให้กำลังใจ ให้ข้อคิด หรือบางทีข้อคิด ไอเดียอะไรทำนองนี้ก็ "ผุด" ขึ้นมาคล้ายกับเป็น "น้ำพุแห่งการเรียนรู้ (fountain of learning)"

การออกกำลังกายแรงปานกลางมีข้อดีหลายประการครับ...

  • (1). ทำได้ง่าย สะดวก ทุกวันหรือเกือบทุกวัน ไม่หนักไม่หักโหมมาก เช่น เดินเร็ว ฯลฯ เหมือนการออกกำลังกายอย่างหนัก เช่น วิ่งเหยาะ ฯลฯ
    (2). คนสูงอายุแนะนำให้เดินครับ... การวิ่งจะเสี่ยงอุบัติเหตุ และเหนื่อยมากเกิน
    (3). วิธีง่ายๆ ที่จะบอกว่า ได้ออกกำลังกายมากพอได้แก่ ให้ลองพูดสัก 2-3 ประโยค หรือสวดมนต์สัก 2-3 วรรค ถ้าเริ่มจะพูดหรือสวดมนต์ไม่ได้ แสดงว่า เหนื่อยพอแล้ว
    (4). หรือจะใช้ชีพจรก็ได้... นำ 220 ลบอายุเป็นปี > คูณ 60-75 > หาร 100 > จะได้ช่วงชีพจรสำหรับออกกำลังกาย (exercise pulse rate) เช่น สมมติอายุ 20 ปี นำ 220-20 = 200 > คูณ 60-75 > จะได้ช่วงชีพจร = (60x200)-100 - (75x200)/100 > 120-150 ครั้ง/นาที
    (5). ถ้าอายุ 60 ปีจะได้ช่วงชีพจรออกกำลังกาย = 96 ครั้ง/นาที(นับขั้นต่ำ เนื่องจากอายุมาก) ถ้าเดินแกว่งแขนได้อย่างที่อาจารย์เล่าจะดีมาก
    (6). คนสูงอายุไม่จำเป็นต้องออกกำลังคราวละมากๆ เช่น 30 นาที ฯลฯ อาจจะแบ่งเป็นเช้า 15 นาที เย็น 15 นาทีก็ได้
    (7). คนสูงอายุ.... ถ้าเดินหลังอาหารช้าๆ 5-10 นาที/มื้อจะช่วยให้ระบบทางเดินอาหารดีขึ้นมาก
    (8). ถ้าจะให้ดีขึ้นอีก... ควรยืดเส้น (stretching) ทุกวันเช้า-เย็น เพื่อลดโอกาสบาดเจ็บ และปวดเมื่อย + หาขวดน้ำดื่ม 0.5-1 ลิตรมาถือไว้ แกว่งไปมาช้าๆ หลายๆ ท่าสัก 5 นาที + หายใจช้าๆ ลึกๆ อย่ากลั้นหายใจ จะได้ออกกำลังต้านแรง (resistant) ทำให้กล้ามเนื้อไม่ลีบ หรือหย่อนกำลัง
    (9). การออกกำลังแรงปานกลางช่วยป้องกันโรค และช่วยเพิ่มอายุได้พอๆ กับการออกกำลังกายอย่างหนัก (แต่คนที่ออกกำลังกายอย่างหนักมีแนวโน้มจะแข็งแรงมากกว่า)

ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาคือ กตัญญูกตเวทีในพ่อแม่ นับเป็นมงคลธรรมที่จะนำความสุข ความเจริญ ความสำเร็จมาสู่ลูกกตัญญูเช่น อาจารย์บอน... สาธุ สาธุ สาธุ

 ที่มา:

http://go.reuters.com/newsArticle.jhtml?type=healthNews&storyID=12528546&src=eDialog/GetContent > June 14, 2006.

ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยว...                 

  • เรียนเสนอให้อาจารย์อ่านคำตอบข้อคิดเห็นข้างต้นที่ตอบอาจารย์บอนด้วยครับ...
  • ยังจำได้ว่า อาจารย์มะปรางเปรี้ยวบริจาคเลือด(จากข้อคิดเห็นครั้งก่อน)... สาธุ สาธุ สาธุ

มีการศึกษาของสภากาชาดไทย และมช. พบว่า คนไทยกินอาหารมีธาตุเหล็กค่อนข้างน้อย + มีกากใยค่อนข้างมาก(ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง)

  • ถ้าบริจาคเลือดเป็นประจำ... อาจจะขาดธาตุเหล็กในระยะยาว ทำให้เลือดจาง หรือเลือดลอย(เวลาเจาะปลายนิ้วใส่น้ำยา)

(1). ผู้หญิงควรกินยาบำรุงเลือด เช่น FBC (ชื่อการค้า) ฯลฯ วันละ 1 เม็ด ให้ได้ 30 เม็ด ฯลฯ ต่อ 1 รอบการบริจาคเลือด / 3 เดือน
(2). ผู้ชายควรกินยาบำรุงเลือดให้ได้ 15 เม็ด ต่อ 1 รอบการบริจาคเลือด / 3 เดือน

  • การออกกำลังกายที่สำคัญมี 3 กลุ่ม...

(1). แอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ฯลฯ > ดีกับหัวใจ เส้นเลือด ป้องกันโรคความดันเลือดสูง + เบาหวาน + อ้วน + กระดูกโปร่งบาง
(2). ยืดเส้น (stretching)... โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง + ขา ป้องกันโรคปวดหลัง ปวดเมื่อย ทำให้ไม่หงุดหงิดง่าย
(คนสูงอายุ หรือเครียดมักจะมีภาวะตึงตัวของเอ็นและกล้ามเนื้อมากขึ้น ทำให้เจ็บปวดเรื้อรัง และหงุดหงิดง่าย)
(3). ต้านแรง (resistant)... เช่น ยกน้ำหนัก เดินขึ้นลงบันได ฯลฯ ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อลีบหลังวัยรุ่น ถ้ารักษามวลกล้ามเนื้อไม่ให้ลีบเล็กได้ จะช่วยเผาผลาญน้ำตาล ป้องกันโรคอ้วน+เบาหวาน ป้องกันโรคปวดหลัง กระดูกโปร่งบาง

  • ถ้าอาจารย์เดินมากอยู่แล้ว > ได้ออกกำลังแบบแอโรบิค > ควรพิจารณาว่า เดินรวมกันถึง 30 นาที/วันหรือไม่
  • พิจารณาสะสมเวลาเดิน... แบบบัญชีออมทรัพย์ (saving account) ได้เลยครับ
  • ถ้าได้ถึง 30 นาที/วันแล้ว มีทางเลือกอย่างนี้...
    (1). ยืดเส้นก่อน > เช้า-เย็น หรืออย่างต่ำ 2 ครั้ง/สัปดาห์
    (2). เพิ่มแอโรบิคที่หนักขึ้น เช่น วิ่งเหยาะ จักรยาน(ปั่นเร็ว) 30 นาที/ครั้ง 3 ครั้ง/สัปดาห์ เพื่อเพิ่มระดับความแข็งแรง
    (3). ออกกำลังต้านแรง เช่น  sit up (ควรทำท่างอเข่า) ยกน้ำหนัก ฯลฯ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องยกน้ำหนักมากๆ หาน้ำหนัก 0.5-2 กิโลฯ มาแกว่งไปมาช้าๆ หรือขวดน้ำ 0.5-1.5 ลิตรมาเติมน้ำ แกว่งไปมาช้าๆ ก็ได้
    (4). ฝึกสมาธิ เช่น เดิน+หายใจช้าๆ นับลมหายใจเข้า-ออก ชี่กง โยคะ ฯลฯ เพื่อฝึกสมอง ป้องกันสมองเสื่อม และฝึกการทรงตัว (balance)

ขอขอบพระคุณอาจารย์ ผอ.บวร                  

  • ดีใจมากครับที่ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ

การไม่ดื่มเหล้า + ไม่สูบบุหรี่ของอาจารย์จะเป็นแบบอย่างให้ครูบาอาจารย์ท่านอื่น + คนรุ่นใหม่อีกจำนวนมากเจริญรอยตาม ช่วยชาติประหยัดทั้งค่าเหล้า ค่าบุหรี่ และค่าใช้จ่ายสุขภาพ สาธุ สาธุ สาธุ...

  • พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอานิสงส์(= กำไร) ของการไม่ดื่มเหล้า(+เบียร์+ไวน์...) ไว้มากมาย เช่น เป็นผู้มากด้วยสติปัญญา ฯลฯ
  • คนในวงเหล้าโดยมากเป็นคนพาล อกตัญญู เหลวไหล ใจทราม กล่าวคำเท็จ คำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ...
  • การไม่ดื่มเหล้าช่วยให้เราได้ห่างจากคนพาล

ขอท่านผู้อ่านทุกท่านพึงมีส่วนแห่งการไม่ดื่มเหล้า และมีสติปัญญามากครับ...

ขอบคุณอาจารย์หมอมาก ๆ เลยครับ ที่ให้สิ่งดี ๆ กับทุก ๆ คน ที่จะนำความรู้นี้ไปใช้ได้อย่างมีประโยชน์อย่างยิ่งเลยครับ

ขอขอบคุณอาจารย์ปภังกร ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ยินดีด้วยครับที่อาจารย์สนใจเรื่องสุขภาพ
  • ถ้าครูบาอาจารย์ใส่ใจสุขภาพจะเป็นแบบอย่างให้คนหมู่มาก
  • สำนวนบาลีท่านว่า "เพื่ออนุเคราะห์คนชั้นหลัง" หรือจะว่า เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นใหม่ก็ได้ครับ
ได้อ่านข้อแนะนำของอาจารย์หมอวัลลภแล้วคะ

ก่อนหน้านี้ เคยเล่นโยคะ คะ สัมผัสได้เลยว่าเหมือนตัวเราเบาขึ้น ใจเย็นขึ้น แต่ช่วงหลังก็ห่างหายไปนาน ช่วงนี้มีเวลามากขึ้น ก็พยายามเล่นโยคะ คะ

นอกจากนี้แล้ว เดือนนี้กำลังจะเริ่มต้นการออกกำลังกายช่วงเย็นหลังจากเลิกงาน เนื่องจากพอจะมีเวลามากขึ้นแล้ว คงจะแอโรบิคหรือวิ่งในสวนสาธารณะคะ

อยากมีสุขภาพแข็งแรง คะ

ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยว ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ยินดีด้วยครับที่จะได้เล่นแอโรบิค หรือวิ่ง
  • วิ่งหรือแอโรบิคนี่... ดูจะเป็นการออกกำลังยอดนิยมทั่วโลกไปแล้ว
  • ขอแสดงความยินดีที่อาจารย์มะปรางเปรี้ยวจะมีสุขภาพดีครับ
อาจารย์คะ หนูคิดว่า สิ่งที่ทำให้การวิ่งและแอโรบิค เป็นที่นิยม ก็อาจจะเนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย แค่รองเท้ากีฬาคู่เดียวก็สามารถออกกำลังกายได้เลย

ง่าย สะดวก และแข็งแรงคะ

ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยว ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • จริงครับ... ของที่เรียบง่ายมักจะใช้การได้ดี (Simplicity works. Khin My Myint 2006)
  • ตัวอย่างเช่น รองเท้าดีหน่อยสักคู่ใช้วิ่งก็ได้ ใช้เต้นแอโรบิคก็ได้ ฯลฯ

วิถีชีวิต (lifestyle) ที่สนใจได้แก่

(1). Be good > เป็นพลเมืองดีของสังคม
(2). Be you > เป็นตัวของตัวเอง ไม่ไหลไปตามกระแส โดยเฉพาะไม่หลงตามคำโฆษณา รู้จักพิจารณาก่อนบริโภคข้อมูล
(3). Be too > เป็นสมาชิกของสังคมที่ดี เช่น เป็นสมาชิก g2k (Go2Know) ฯลฯ ไม่โดดเดี่ยวจากชุมชนคนดี

อาจารย์หมอวัลลภคะ

หนูมีวิถีชีวิต ทั้ง 3 แบบคะ เป็นแบบผสมผสานกันไปนะคะ ^-^ และก็เพิ่มมาอีก 1 ข้อคะ เป็นคนดีของผู้ที่เราต้องระลึกถึงบุญคุณของท่านเสมอ นั้นคือ พ่อและแม่ และเป็นลูกศิษย์ที่ดีของอาจารย์ทุกท่านคะ

ขอขอบคุณอาจารย์มะปรางเปรี้ยว ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

  • ข้อที่สังคมตะวันออกมีแนวโน้มจะเห็นคุณค่า และกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี มีพ่อแม่ เป็นต้นนี่... เป็นคุณค่าตะวันออกทีเดียว
  • ขอกล่าวสาธุการกับอาจารย์ครับ
  • สาธุ สาธุ สาธุ
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท