..... ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างที่ดีสำหรับตัวดิฉันเองเพราะจำได้ว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมามีความตั้งใจอยู่ทุกวันย้ำค่ะว่าทุกวันจริงๆ มีความกังวลว่าเราจะต้องออกกำลังกายให้ได้ แต่ก็เหมือนมีปาติหารย์ที่ทำให้ดิฉันแคล้วคลาดจากการออกกำลังกายไปทุกที่
เมื่อวันที่สามารถออกกำลังกายได้บ้างแล้วจึงมาได้คิดว่า ทำไมการทำสิ่งดีเพื่อสุขภาพมันทำยากเย็นเหลือเกินนะทำไม ดิฉันไม่แน่ในนะค่ะว่ามีใครเป็นเหมือนดิฉันไหม เพราะเมื่อวันนั้นที่นึกย้อนกลับไป หากจะคิดโทษสาเหตุหลายๆสาเหตุที่เป็นผลให้ไม่ออกกำลังกายหลายสาเหตุยอดฮิตของหลายๆท่านดิฉันเองก็ไม่สามารถอ้างได้ ..... เวลาไม่มีมันก็ไม่ใช่ ..... ร่างกายไม่พร้อมก็ยิ่งไม่ใช่ไปใหญ่ ...ไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่ใช่และอีกหลายๆข้อก็ไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ก็คือขี้เกียจทำอย่างอื่นไปก่อนแรงจูงใจยังไม่เกิดแต่ความตระหนักมีทุกวันอยากออกกำลังกายทุกวันจนกระทั่งมีวันนี้ที่สามารถพาตัวเองไปออกกำลังกายได้เนื่องเพราะ น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันกระทบต่อการสวมใส่เสื้อผ้าซึ่งคือความกดดันที่สำคัญ เพราะเหตุที่ประสบกับตนเองทำให้มองย้อนกลับไปถ้าหากลองถามจากตัวเองก็พบว่าสิ่งที่ทำให้ไปออกกำลังกายได้ในวันนี้เพราะอะไร สามารถแยกได้เป็นข้อๆตามใจตัวดิฉันเองดังนี้ 1.ผลกระทบที่เจอกับตัวเองคือความอ้วน 2. ความรู้ที่มีอยู่เดิมคือหากอ้วนแล้วจะมีผลทำให้เกิดโรคหลายๆโรค และสุดท้ายคืออยากมีสุขภาพที่ดี
คิดได้ดังนี้นึกย้อนกลับไปเวลาที่ไปทำงาน ทำไมชาวบ้านให้ความร่วมมือดีจังนะให้ออกกำลังกายก็ออกอยากให้มีชมรมก็จัดให้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานนั้นคือสิ่งที่เราต้องยอมรับ เพราะการสร้างความตระหนักกับเรื่องใดๆมันไม่ง่ายเลย แม้แต่กับตัวเราเอง คิดหัวหมุนว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันในบทบาทหน้าที่พยาบาลถูกทางไหมน่า น่าจะถูกเพราะเมื่อมีความรู้แล้ววันหนึ่งค่ะวันหนึ่งคนเราจะหันกลับมาเห็นความสำคัญและออกกำลังกายได้ในที่สุดแต่กว่าจะตัดสินใจได้เขาจะป่วยไปก่อนไหมนี้สิโจทย์ที่สำคัญที่เราปฏิเสธไม่ได้ ทำอย่างไร ให้คนเราหันมาออกกำลังกายก่อนป่วยเหมือนวันนี้ที่ดิฉันอ้วนไปแล้วจึงได้กลับมาออกกำลังกายแต่ก็ขอบคุณโอกาสที่ยังแค่อ้วนไม่ได้ป่วยเป็นอะไรไปเสียก่อน ....ออกกำลังกายกันเถอะค่ะ
เป็นความยากลำบากมากมายจริงๆค่ะ ตัวเองกว่าที่จะสามารถออกกำลังกายจนเป็นประจำได้ก็นานอยู่เหมือนกัน น่าสนใจค่ะที่ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้คนออกกำลังกายก่อนที่จะป่วย เพราะคนส่วนมากหรือแม้กระทั่งตัวเราเองอาจจะสามารถเปรียบได้เลยว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาก็คงได้ค่ะ
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆค่ะ มันยากมากกว่าจะทำได้ ค่ะเมื่อทำได้แล้วก็ภูมิใจมากค่ะที่สำคัญเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านดีเยอะนะค่ะ ทั้งนำ้หนักตัวที่ลดลง อาการปวดเมื่อยก็ลดลงไปด้วยค่ะ