การมีอาชีพเป็นวิทยากรบรรยาย พร้อมกับได้มีโอกาสเขียนข้อเขียนไปด้วย มันก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือ เราอาจนำเนื้อหาจากข้อเขียนไปขยายผล แตกหน่อต่อยอดเป็นเนื้อหาการบรรยายได้ ในขณะเดียวกัน เราก็อาจนำเนื้อหาบางส่วนที่ใช้ในการบรรยาย มาตัดต่อ เรียบเรียงเป็นข้อเขียนได้
หัวข้อที่จะคุยกับท่านผู้อ่านในครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นหัวข้อที่ผมเพิ่งไปบรรยายให้กับผู้นำในธุรกิจเครือข่ายของบริษัทขายตรงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ซึ่งก็ขอถือโอกาสนำเนื้อหาบางส่วนมาสรุปให้ท่านได้อ่านกัน ณ ตรงนี้
เมื่อจะพูดกันถึง “การเพิ่มยอดขาย” ผมตั้งหลักการเบื้องต้นว่านั่นแสดงว่าเราต้องมี “ยอดขาย” ก่อน เมื่อมีหรือเมื่อรู้แล้วว่ายอดขายของตนมีเท่าไหร่ ค่อยไปว่ากันต่อไปว่าแล้วอยากจะเพิ่มยอดขายไหม? จะเพิ่มยอดขายกันอีกเท่าไหร่? จะเพิ่มยอดขายกันอย่างไร? และจะเพิ่มยอดขายกันเมื่อไหร่?
เป็นไปได้มากว่าการที่ยอดขายไม่เพิ่มนั้น อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ :-
- เราขยันขายน้อยไปหน่อย เรายังขายไม่เต็มที่
- เราขายสินค้าเพียงบางชนิด ทั้งๆที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่จะขายอยู่ตั้งเป็นร้อยๆชนิด
- เราขายให้กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อต่ำมากเกินไป ซึ่งทำให้แม้ขายได้ปริมาณมาก
แต่กลับมีมูลค่าเป็นตัว เงินน้อย
- เราพบคนน้อยไปหน่อย แล้วไอ้ที่เราขยันไปพบ ก็ล้วนแล้วแต่รายได้ต่ำ รสนิยมต่ำกันไปทั้งนั้น
- เราไม่เคยเก็บสถิติ หรือจดบันทึกการทำงาน ไม่เคยทำสรุปใดๆไว้เลยว่าคนที่ซื้อซื้อเพราะอะไร
คนที่ไม่ซื้อ ไม่ซื้อเพราะอะไร ซึ่งยังอาจมีรายละเอียดต่อไปอีกได้ว่า คนที่น่าจะซื้อแต่กลับไม่ซื้อ
เพราะอะไร คนที่ไม่น่าจะซื้อแต่ดันซื้อ เป็นเพราะอะไร ฯลฯ เราจะทำอะไรได้อีกบ้างในลำดับ
ต่อไป
- เราไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราพอใจกับยอดขายในปัจจุบันของเราแล้วหรือไม่ และถ้าไม่พอใจ
เราพอใจยอดขายที่เท่าไหร่ แล้วจะทำให้มันได้ตามที่เราอยากได้นั้นอย่างไร เมื่อไหร่?
- เอาเข้าจริง เราไม่เคยตัดสินใจลงไปให้เด็ดขาดว่าเราต้องการอะไร เราต้องการแค่ไหน เราจะแลก
อะไรไปเพื่อได้สิ่งนั้นมา!
- ในแง่ของธุรกิจเครือข่าย เรายังไม่ได้สร้างทีม เรายังไม่ได้สร้างเครือข่ายองค์กรสมาชิกที่มากพอ
และที่ดีพอ เพื่อทำให้การขายของเรามีลักษณะทวีคูณ สมดังปรัชญาของธุรกิจเครือข่าย
- เราเอาแต่แสวงหาแรงบันดาลใจมากเกินไป แต่ลงมือทำอะไรสักอย่างน้อยเกินไป
- ฯลฯ http://astore.amazon.com/sharpaquos32lcdhdtv-20 http://sharpaquos32lcdhdtv.blogspot.com/
คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และโธมัส อัลวา เอดิสัน สามารถตอบโจทย์ข้างบนได้ดี และ
สามารถทำให้เราทราบว่าเราจะเพิ่มยอดขายได้อย่างไร
ไอน์สไตน์บอกว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ส่วนเอดิสันก็ช่วยขยายความต่อให้ว่า “ความสำเร็จเกิดจากจินตนาการ 1% และเกิดจากการลงมือทำ 99%” และไอน์สไตน์ก็ช่วยทำให้เรื่องมันจบด้วยการสรุปว่า “การทำสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากเดิมนั้น เป็นความวิกลจริตอย่างหนึ่ง!”
ทีมา http://www.ajarnvason.com/index.php?mo=3&art=62608
ไม่มีความเห็น