วิธีการเรียนกฎหมาย
By ชมรมกฎหมาย ฯ
เรียนอย่างไร ? หรือ เริ่มอย่างไรดีล่ะ ?........... เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก และมักเป็นคำถามของเด็กปี 1 เสียส่วนใหญ่
ต่อไปนี้จะเป็นข้อเสนอแนะวิธีการเรียนกฎหมายของผู้เขียน ถ้าสามารถปฏิบัติได้เช่นนี้ รับรองผลได้ว่า ไม่ มี F แน่
1. อ่านหนังสือก่อนเรียนในภาคนั้น เพื่อสำรวจโครงสร้างเนื้อหาของกฎหมายเล่มนั้นว่า เทอมนี้เราจะต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง ในแต่ละเล่ม เป็นการสำรวจข้อมูลคร่าว ๆ นั่นเอง จากนั้นก็เริ่มอ่านทีละเล่มที่จะเรียนในเทอมนี้ เพื่อให้เกิดการอยากรู้อยากเห็น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนเราที่เพิ่งเริ่มเรียนกฎหมายจะอ่านกฎหมายรู้เรื่องและเข้าใจในทันที เมื่อเกิดอาการไม่เข้าใจ งง ก็จะทำให้อยากถาม เพราะมีคำถามมากมายพุดออกมาจากสมอง ก็จะทำให้อยากค้นคว้าหาคำตอบ อยากเข้าเรียนเพื่อฟังอาจารย์อธิบายขยายความ ยกตัวอย่าง และที่แน่นอนที่สุดอยากถามอาจารย์ว่า “นี่คือ อะไร? ทำไมถึงตัดสินแบบนี้ ทำไม่ถึงบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ผิด” หรือ หมายความว่ายังไง ?
แต่วิธีการอ่านหนังสือก่อนเรียนนี้ บางคนอาจเบื่อในการเรียนกฎหมายเลยก็ได้เพราะ งง ไม่เข้าใจ รู้สึกหงุดหงิด และไม่มั่นใจว่าจะเรียนจบ ไหม ? แต่อยากแนะนำว่า เบื่อได้แต่ให้ความอยากรู้ อยากเห็น มันมีมากกว่าการท้อแท้ เบื่อหน่าย เวลาอ่านหนังสือให้เริ่มอ่านด้วยความตั้งใจ อยากอ่าน อยากรู้ ถ้าไม่เข้าใจ จะได้อยากค้นคว้า ศึกษาต่อให้เข้าใจ เพื่อไขข้อข้องใจ เหมือนกับการที่เราอ่านพาดหัวข่าว ต่าง ๆ แล้วเกิดอาการอยากรู้รายละเอียดของข่าวว่าเท็จจริง เป็นยังไงกันแน่ และแม้มีรายละเอียดของข่าว อ่านแล้ว ก็ให้ตั้งคำถามเอาไว้ ว่าจริงหรือเปล่า ? อย่าเพิ่งสรุปอะไร โดยที่ยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนั้นอย่างแท้จริงก่อน
2. การเข้าเรียน เป็นการเข้าฟังคำบรรยายที่อาจารย์ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่อง นั้น ๆ มาบรรยายอธิบายตัวบทกฎหมายให้นิสิต/นักศึกษา ได้เข้าใจเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น การอ่านหนังสือเองโดยไม่มีโอกาสเข้าเรียน ผู้เรียนจะต้องอ่านหนังสือมากกว่าคนที่เข้าเรียน เพราะการเข้าเรียนอาจารย์จะอธิบายยกตัวอย่างให้เห็นภาพและใช้ภาษาพูดซึ่งก็เข้าใจง่ายกว่าภาษาเขียน
แต่การเข้าเรียนโดยไม่บันทึกคำบรรยายเลย มีการวิจัยพบว่าสอบไล่ได้ 25 % ส่วนคนที่บันทึกคำบรรยาย สอบไล่ได้ 65 % เพราะผู้ที่บันทึกคำบรรยายไว้ได้มีโอกาสทบทวนเรื่องที่เรียนโดยการบรรยายนั้นหลายครั้งก่อนสอบไม่เหมือนคนที่ไม่ได้บันทึกคำบรรยายต้องอาศัยการจำแต่เพียงอย่างเดียว และการบันทึกคำบรรยายเหมือนเป็นการบังคับให้ตั้งใจฟังคำบรรยายตลอดเวลา แต่การบันทึกต้องบันทึกให้ได้เนื้อหาสาระที่ถูกต้อง โดยเป็นภาษาของตัวเองย่อ ๆ เพื่อใช้ในการทบทวนหลังเรียนและก่อนสอบได้ง่าย
การบันทึกคำบรรยายนั้นนอกจากบันทึกในสมุดแล้ว ควรบันทึกลงในตัวบท (ประมวลกฎหมาย) ด้วย โดยโน้ตสั้น ๆ เป็นความหมายหรือตัวอย่างประกอบมาตรานั้น ถ้าจะบันทึกฎีกาก็ให้บันทึกเนื้อหาไปด้วยไม่ใช่บันทึกแต่ตัวเลข แล้วบอกว่าจะไปหารายละเอียดทีหลัง เชื่อเถอะว่าความขี้เกียจครอบงำ ตัวเลขมีอยู่อย่างไรก็มีอยู่อย่างนั้นแหละ ฉะนั้นทำอะไรอย่าผัดวันประกันพรุ่ง
3. อ่านทบทวนหลังเรียน เมื่อเรียนเสร็จแล้วในวันนั้น ๆ กลับบ้านสิ่งที่จะทำให้ความเข้าใจ ความจำที่เรียนมาวันนี้ยังคงอยู่ ก็คือ การกลับไปทบทวนเรื่องที่เรียนมาวันนี้ โดยอ่านจากการบันทึกคำบรรยายหรืออ่านในตำราอีกรอบ และดูตัวบทไปด้วยทุกครั้งที่มีการอ้างอิงมาตราในตัวบทนั้นก็จะทำให้จำตัวบทได้อีกด้วย
4. อ่านก่อนเรียนชั่วโมงหน้า ก็เหมือนกับข้อ 1. แต่คราวนี้อ่านเฉพาะเรื่องที่ชั่วโมงหน้าจะเรียนทุกวิชา เพื่อกระตุ้นความสนใจในการเรียนเช่นเคย
วิธีการอ่านหนังสือ
หมายเหตุ :
ศึกษาเพิ่มเติม 1. “คำแนะนำนักศึกษากฎหมาย” ของศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. เรียนนิติ ฯ ให้ได้ดั่งใจ ของญาดา วรรณไพโรจน์ เนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 58 (อันดับที่ ๑) จัดพิมพ์อยู่ในหนังสือรพี’ 49 ของสำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา
ขอบคุณที่คุณให้ความรู้ทางด้านกฏหมาย
เก่งจริงสรุปได้เยี่ยมนะ..เอ
มีหนุ่มๆมีเยี่ยมชมด้วยละ