แล้วต้นไทรก็มั่นคง (กรณีชีวิตเด็ก)


                        แล้วต้นไทรก็มั่นคง

               ต้นไทรใหญ่ต้นนั้น ใครๆ ก็เล่าว่ามันเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มรื่นมาร่วมห้าสิบปีแล้ว ซึ่งคงจะจริงเพราะมันใหญ่โตมาก นอกจากร่มเงาของมันแล้ว ภายใต้ใบไม้เขียวที่แน่นทึบนั้นยังเต็มไปด้วยรังเล็กรังน้อยของนกนานาพันธุ์ที่ได้อาศัยมันคุ้มหัว เฉกเช่นคนจรหมอนหมิ่นหลายชีวิต ที่ซัดเซมาหลบอาศัยมันเป็นเสมือนเรือนนอนในทุกค่ำคืน
              “พวง” สาวอีสานที่เข้ามาแสวงโชคในกรุงพร้อมสามีหนุ่ม ทั้งสองได้ร่วมกันทำงานทุกรูปแบบ ชนิด“หนักเบาเอาสู้” ไม่ว่าจะเป็นแรงงานก่อสร้าง เข็นรถผลไม้ขาย แบกที่นอนขาย รับเสื้อผ้าเก่ามาแบขายกะดิน ฯลฯ ซึ่งก็พอมีเงินมายังชีพสองผัวเมียได้ อาจมีบ้างบางครั้งที่พอเหลือไว้เก็บออมเพื่อใช้ในยามจำเป็น แต่โชคไม่เข้าข้าง “พวง” แม้แต่น้อย สองปีถัดมาสามีที่รักก็ตายจากไป เธอจึงใช้ชีวิตเร่ร่อนรับจ้างทำงานทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ต้นไทรต้นนี้จึงได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เข้ามาพักพิงอาศัยเป็นเรือนนอนอีกหนึ่งคน
             หญิงสาวที่เร่ร่อนตัวคนเดียว พักในที่สาธารณะมากหลายด้วยผู้คน ชีวิตของเธอจึงเสี่ยงนัก ยิ่งยามค่ำคืน เธอต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก มิให้ใครเข้ามากร้ำกรายในพื้นที่หวงห้ามของเธอ  ถัดมาไม่นานเธอก็พลาด หลงคารมชายวัยสูงกว่าเธอมาก จนยอมเป็นของเขาและตั้งท้องขึ้นมา ท้องยิ่งแก่ ชายผู้นั้นเริ่มห่างหายและหายลับไปในที่สุด
            ในความยากจนก็ยังมีน้ำใจ ในหมู่คนจรก็ยังมีความห่วงใย หลากหลายชีวิตใต้ต้นไทรให้ความเอื้ออาทรดูแลเธอเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้ในยามดึกสงัดของคืนหนึ่งที่เธอปวดท้องทนไม่ไหว ป้าเมี้ยนยายแก่ขอทาน ลุงเทาคนขับรถรับจ้าง พี่จิตแม่ค้าส้มตำ ผุดสาวเต้นอะโกโก้และอีกหลายๆคนกุลีกุจอขึ้นมาช่วย  จนลูกชายเธอคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยที่ใต้ต้นไทรต้นนั้น
            เด็กน้อยที่ทุกคนย่านนั้นขานชื่อเรียก “ต้นไทร” ได้กลายเป็นหลานคนเล็กที่สุดของทุกๆ คนและต้องกลายมาเป็นเสมือนลูก เพราะเพียงปีเศษ “พวง” ก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัวลาจากทุกคนไปด้วยโรคปอดบวม ทิ้ง “ต้นไทร” ที่ไร้รากพ่อและรากแม่ไว้เป็นอนุสรณ์และภาระแก่ชุมชนคนใต้ต้นไทร
            สามปีเต็มที่ทุกคนช่วยกันเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด “ต้นไทร” ก็เติบโตเช่นนั้น ตัวเล็กร่างกายบอบบาง ขี้โรค แต่ก็ปราดเปรียวและซุกซน เตร็ดเตร่ไปเที่ยวทุกแห่งและหวนกลับคืนมาถิ่นเดิมได้ทุกครั้ง
            จะเป็นเพราะโชคที่ถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ได้ถูกฉีกออกอ่านและปรากฏเรื่องราวของ “บ้านอุปถัมภ์เด็ก มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก” ขึ้นในนั้น หรืออาจเพราะเด็กเริ่มโตทุกคนก็เริ่มใส่ใจน้อยลง ลุงเทาคนขับรถรับจ้างจึงหมุนโทรศัพท์ติดต่อมาที่บ้านหลังนี้ รุ่งขึ้นถัดมารถจ้างของลุงเทาก็เดินทางมาถึงที่บ้านฯแห่งนี้พร้อม “ต้นไทร”
            เขาจึงเป็นเด็กน้อยสมาชิกคนล่าสุดประจำห้องเรียนอนุบาลของ “บ้านอุปถัมภ์เด็ก” และกลายเป็นน้องใหม่อีกคนที่พี่ๆ ที่นี่ทุกคนเอ็นดู เขาเริงร่า บุคลิกคล่องแคล่ว ไม่กลัวผู้คน เขาชอบขันอาสาช่วยงานและชอบเรียนรู้ใฝ่เรียน เวลาผ่านพ้นไปเพียงแปดเดือนเขาก็กลายเป็นดาวเด่นดวงหนึ่งในบ้านฯหลังนี้
           วันนี้ของ “ต้นไทร” เราได้เห็นเขาเริ่มไชรากของตนเองลงไปหาความคงมั่น ทุกขณะ  ชีวิตที่เริ่มใหม่ในที่ใหม่แห่งนี้ “บ้านอุปถัมภ์เด็ก” ภายใต้บรรยากาศและการทุ่มเททำงานของครูทุกคน เชื่อว่าจะช่วยให้เขาค่อยๆ ตั้งหลักของชีวิตได้อย่างมั่นคงต่อไป เป็น “ต้นไทร” ที่กล้าแกร่งยืนหยัดได้ แม้จะไร้พ่อและรากแม่ไปแล้วก็ตาม
 

 
 
 
 
 
 
หมายเลขบันทึก: 365433เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2010 09:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน 2012 11:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

หวังว่า ความรักของทุกคนรอบ ๆ "ต้นไทร" จะทำให้ "ต้นไทร" หยั่งรากลงสู่ดินอย่างแข็งแรง และมั่นคง

  • ปัจจุบัน "ต้นไทร" เติบโต และแข็งแรง แค่ไหนแล้ว

ต้นไทรโตขึ้นมาก อายุได้ 11 ปีแล้วครับและได้ไปเรียนอยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ (เป็นอีกโครงการหนึ่งของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท