กระจกส่องใจ
******
กระจก... ไม่เลือกที่จะสะท้อนภาพทุกชนิด ฉันใด
จิตใจ... จงเอาเยี่ยงอย่างกระจก
กระจก... รับรู้ แต่ไม่ยึดถือครอบครอง
ดังนั้น... จึงไม่มีภาพใดหลงเหลือติดอยู่ในกระจก
สายฝน... ในกระจก หาได้เปียกกระจกไม่
เปลวไฟ..ในกระจก หาได้เผาลนกระจกเช่นกัน
ทั้งนี้... เพราะกระจกไม่ได้ให้อำนาจแก่สายฝน และเปลวไฟ
ดังนั้น....จงทำจิตใจของท่านให้เป็นดุจการับรู้ของกระจก เพราะถ้าหากจิตใจของท่าน
หลงยึดถือหรือตกเป็นทาสของกิเลสเมื่อใด ความทุกข์ความเสร้าหมองใจ
ย่อมตามมาเมื่อนั้น
นี่คือมรรควิธีแห่งการเพ่งพิจารณาและรับรู้สรรพสิ่งด้วยใจที่สงบบริสุทธิ์ ว่างเปล่าจากการปรุงแต่ง เพื่อปลดปล่อยจิตใจให้ว่างเปล่าหลุดพ้นไปจากภาพมายาธรรมต่างๆ ที่คอยฉุดรั้ง หลอกลวงจิตไม่ให้เห็นถึงความจริง ซึ่งต้องพยายามทำจิตให้หลุดพ้นจากการยึดติดในสิ่งทั้งปวง เปรียบเสมือนกระจกฯ
(ทัสสึ ภิกขุ)