มีอะไรหลายๆเหตุการณ์ในช่วง 2-3 วันนี้ ที่ทำให้คิดถึงคำของท่านมหาตมะ คานธีที่ว่า
An eye for an eye makes us all blind.
An eye for eye only ends up making the whole
world blind.
Mohandas Gandhi
เป็นการเล่นคำที่สื่อสารให้เห็นว่า การเผชิญหน้ากัน ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายตามืดบอด ถ้าเราใช้วิธีนี้กันแล้วละก็ โลกทั้งโลกคงมืดมน
มาฝึกใช้วิธีเอาความสงบ สยบความรุนแรงกันดีกว่านะคะ (แต่ว่า) ต้องมีอุเบกขามากๆหน่อย
"ศรัทธา"...และศึกษาแนวคิดแห่งควมเป็นไป... ของ"ท่านมหาตมะ คานที"...เช่นกันคะ "อหิงสา+อุเบกขา"
มีชายคนหนึ่งกำลังวิ่งตามรถไฟ
เขาพลาดทำรองเท้าหนึ่งข้างหล่นลงไปข้างทาง
ขณะที่ตัวก็แล่นไปกับรถไฟแล้ว
ถามว่าจะทำอย่างไร
กระโดดลงไปเก็บรองเท้าไม่ได้แน่ๆ
เขาจึงตัดสินใจถอดรองเท้าอีกข้างให้หล่นตามลงไป
"เพราะว่าเมื่ออยู่กับเราเพียงข้างเดียว มันก็ไม่มีค่า
เมื่ออยู่ข้างล่างเพียงข้างเดียว รองเท้าที่ไม่เข้าคู่
ก็ไม่มีค่าอีกนั่นแหละ" เขาคิดในใจ
"เมื่อไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว
ก็ยังประโยชน์ให้คนอื่นอย่างเต็มใจ สุขใจเรา
และสุขใจคนที่ยังขาดแคลนและไม่มี"
วันที่เขาตาย โลกต่างร่ำไห้กับการจากไปของเขา
เพราะชายคนนั้นมีชื่อว่า มหาตมะ คานธี
ขอขอบคุณอาจารย์โอ๋-อโณ...
ตอนไปดูงานที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อาจารย์ท่านยกคำของท่านคานธีมากล่าวว่า
ซึ้งอย่างเดียวไม่พอ ต้องน้อมนำมาเตือนตนไว้ค่ะ ทำได้ยากมาก แต่ต้องทำอย่างยิ่ง เพราะโลกร้อนด้วยกิเลส ร้อนด้วยไฟราคะ โทสะ โมหะ มากขึ้นทุกวัน