สองพิราบ ตอนจบ

เมื่อกัยส์เสร็จจากการละหมาดอย่างกระปรี้กระเปร่าจึงเริ่มออกเดินทางต่อ  เมื่อมาเทียบกับมาเรีย  นางรู้สึกประหนึ่งว่าเขาออกเดินทางแล้วกลับมา  นางยังคงอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน  ฝันที่โลกทั้งโลกไม่มีสิ่งใดนอกจากอัมร์และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอัมร์ 

โลกนี้จะเลือนหายไปในสามกรณี   ในกรณีของคนเมา   คนเป็นลม  และคนนอนหลับ  และมีกรณีที่สี่ ที่โลกเลือนหายไปทั้งหมดนอกจากผู้เป็นที่รัก

มาเรีย  กล่าวกับบาทหลวงชะตอว่า  “ ถามเขาไปว่า  เขามาสงครามครั้งนี้เพื่ออะไร  เขาอยากจะเป็นผู้นำ หรือผู้ปกครองแคว้นนี้หรือ ”

“ ขอให้รู้เพียงว่าคนมุสลิมทำไปเพื่อดำรัสของอัลลอฮฺเกิดขึ้นในความจริง สำหรับส่วนแบ่งของตนไม่ใช่ในโลกนี้ ”  กัยส์ตอบ

บาทหลวงแปลคำตอบของกัยส์ว่า  “ ผู้พิชิตส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ปกครอง  สำหรับเราแล้วสงครามเป็นอุดมการณ์   เพื่อให้สิ่งดีงามปรากฎเป็นความจริง  โดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตนทางโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง  สิ่งนี้ทำให้คนสูงส่งเหนือกว่าอารมณ์ เสน่ห์  ความงมงายและอารมณ์แห่งโลกนี้จะเป็นเหมือนเด็กที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เขาสามารถ

ควบคุมได้   หากเขาเชื่อว่าผลตอบแทนมีในโลกนี้ การณ์ย่อมเป็นไปอีกูปแบบหนึ่ง ”

มาเรียกล่าวต่อ  “ถามเขาไปว่า อัมร์จะทำอย่างไรได้  กองทัพของเขามีเพียงน้อยนิดในขณะที่กองทัพโรมีมากเหลือคณา   หากอัมร์ล้มเหลวแล้วใครจะมาทำการแทนเขา  เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ หรือมีแม่ทัพอื่นที่ใหญ่กว่า ”

ผู้เล่าบอกว่า  แต่แล้วม้าศึกของกัยส์ก็รุดไปข้างหน้า เพื่อให้ทันกับตัวที่ล่วงหน้าไปก่อน  ประหนึ่งเป็นการตอบว่า “ สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา ”

และแล้วอียิปต์ก็ถูกพิชิตโดยการทำข้อตกลงระหว่างอัมร์กับชาวอียิปต์   กองทัพโรมถอยหนีไปยังอเล็กซานเดรีย  มาเรียพยายามติดตามข่าวคราวของผู้พิชิตอยู่ห่างๆ    สถานะของอัมร์ในทัศนะของนางเสมือนอาณาจักรที่มีป้อมปราการอันเข้มแข็งไม่อาจ

ที่จะพิชิตได้   นางเริ่มซูบผอม  ซีดเซียวและแววตาที่สิ้นหวัง   บ่งบอกถึงวิญญาณที่มีความกระหายแต่สิ้นไร้ความหวังในสถานการณ์ที่ร้อนรุ่ม  เหมือนจะเผาไหม้ให้เกิดเป็นบาดแผลทางใจ   ความรู้สึกสองอย่างในตัวนางเกิดการต่อต้านกันอย่างรุนแรง หนึ่งความรัก และหนึ่งความท้อแท้

อัรมะนูสะฮฺเห็นใจนางเป็นอย่างยิ่ง และนางเองก็รักหลงอยู่กับหนุ่มชาวโรมว่าที่สามี   ทั้งสองจึงใช้เวลายามราตรีอันยาวนานในการสนทนาระบายความรู้สึกแก่กันและกัน  เป็นความรู้สึกจากใจมาเรียไปสู่อัมร์  หากความรู้สึกนี้ได้ถึงไปยังเขาได้ ก็เหมือนกับว่านางได้ไปถึงเขาแล้ว

ท้ายที่สุดก็เป็นการถามไถ่เรื่องราวของมาเรียหญิงชาวอียิปต์คนนั้น  นางเป็นใคร มาจากใหน และเรื่องอื่นๆ เป็นการถามถึงเรื่องผู้หญิงด้วยกัน    ต่อมาเมื่อนางทั้งสองตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็มีทราบข่าวว่า อัมร์ได้เดินทางไปทำศึกกับกองทัพโรมต่อที่อเล็กซานเดรีย  และเล่าต่อๆกันว่า เมื่อท่านได้บัญชาให้รื้อกระโจมที่ตั้งขึ้นเพื่อพักแรม  ปรากฎว่ามีแม่นกพิราบได้มาวางไข่ไว้บนหลังคากระโจมนั้น  เมื่อทหารมุสลิมแจ้งข่าวแก่ท่าน ท่านกล่าวว่า  “นกพิราบได้มาขอพึ่งพิงต่อการดูแลของเรา  ปล่อยกระโจมเอาไว้อย่างนั้นจนกว่าลูกนกจะบินได้ ”  พวกเขาจึงปล่อยกระโจมไว้ตามคำบัญชานั้น

ต่อมาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน  มาเรียก็เสียชีวิตลง  อัรมูสะอฺได้ท่องบทกวีหนึ่งของมาเรียที่นางให้ชื่อมันว่า   “บทเพลงแห่งนกพิราบ”

“ บนกระโจมแม่ทัพ พิราบฟักไข่ 

แม่ทัพปล่อยให้นางสร้างชีวิตหนึ่ง แต่เขาออกเดินทางไปเพื่อทำลายชีวิต 

แม่นกประหนึ่งหญิงผู้โชคดี ที่ใฝ่ฝันจะได้เห็นความฝันของนาง 

ความสุขทุกอย่างของนกตัวหนึ่ง อยู่ที่ความจริงที่ไข่ใบนี้ ”

 

บนกระโจมแม่ทัพ พิราบฟักไข่

หากนางถูกถามถึงไข่ใบนี้ นางจะตอบว่า นี้เป็นคลังมหาสมบัติของฉัน

นางเสมือนหนึ่งหญิงที่สงบนิ่ง  มีอำนาจต่อชีวิตและไม่ต้องการสิ่งอื่นใด

จะมากเกินไปหรือไม่ ที่ฉันจะมีใจรักชายคนหนึ่ง

 

บนกระโจมแม่ทัพ พิราบฟักไข่

สุริยัน  จันทรา และเหล่าดวงดารา ล้วนเล็กกว่าไข่ใบนี้ของนาง

นางเสมือนหนึ่งหญิงที่อ่อนไหวในสองครา  หนึ่งรัก หนึ่งให้กำเนิด

จะมากเกินไปหรือไม่  หากฉันจะเป็นเช่นพิราบน้อยตัวนี้

 

บนกระโจมแม่ทัพ พิราบฟักไข่

พิราบกล่าวว่า  สรรพสิ่งอยากจะเห็นเป็นสองสีในตาของสตรี

หนึ่งคนรักตัวใหญ่ในตัวสามี  หนึ่งคนรักตัวเล็กๆในตัวลูกๆ

ทุกอย่างต้องอยู่ใต้กฎเกณฑ์ แต่สตรีไม่ต้องการนอกจากอยู่ใต้กฎเกณฑ์ของตนเอง

 

 

โอ้พิราบน้อย เธอไม่รู้จักแม่ทัพที่ทิ้งกระโจมไว้ให้เธอ 

นี้แหละวาสนา  ความยุติธรรมอย่างล้นเหลือในกรณีหนึ่ง แต่เป็นการอธรรมอย่างเหลือล้นในอีกกรณีหนึ่ง

จงสดุดีอัลลอฮฺเถิดพิราบเอ๋ย  เพราะเธอไม่มีภาษาหรือศาสนา

เธอมีเพียง  ความรัก ธรรมชาติและชีวิต

 

 

บนกระโจมแม่ทัพ พิราบฟักไข่

พิราบผู้โชคดี  เธอจะเป็นตำนานเหมือนนกหัวขวานของสุลัยมาน

นกหัวขวานของสุลัยมาน  พิราบของอัมร์

อัมร์เอ๋ย  ท่านน่าจะรู้จักพิราบอีกตัวหนึ่ง....!