4.1 การนำผลจากการทดลองใช้ไปปรับปรุง / แก้ไขสื่อนวัตกรรมการศึกษา
จากการนำผลจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุงแล้วนำมาทดลองใช้กับนักเรียนพบว่า นักเรียนมีความสนใจ กระตือรือร้นที่จะเรียน และเข้าใจชุดการสอนง่ายขึ้น สามารถทำแบบฝึกปฏิบัติได้
4.2 ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรมการศึกษา (E1 / E2)
การทดลองและพัฒนา เป็นการตรวจสอบคุณภาพของชุดการสอนที่ใช้กันโดยทั่วไป และเชื่อถือว่ามีมาตรฐานจะมี 3 ขั้นตอน ดังนี้
การทดลองแบบ 1:1 เป็นการชุดการสอนที่สร้างขึ้นไปทดลองกับนักเรียน 3 คน ที่มีความสามารถต่างกันคือ เก่ง ปานกลาง และอ่อน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการใช้งานและความสอดคล้องเหมาะสมในด้านต่างๆ อย่างละเอียดจากการสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของนักเรียน และนำมาแก้ไขข้อบกพร่องที่พบให้สมบูรณ์
การทดลองกลุ่มเล็ก เป็นการนำบทเรียนที่สร้างขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนตั้งแต่ 5 – 10 คน ที่มีความสามารถต่างกันทั้ง เก่ง ปานกลาง และอ่อน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของชุดการสอนที่สร้างหรือพัฒนาขึ้น และนำผลมาแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง
การทดลองกลุ่มใหญ่ เป็นการนำบทเรียนที่สร้างขึ้นไปทดลองกับนักเรียนตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป เพื่อหาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของชุดการสอน ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาดังนี้
หาเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดการสอน ซึ่งเกณฑ์ที่ยอมรับว่า ชุดการสอนมีประสิทธิภาพนั่นคือ ด้านความรู้ ความจำ E1 / E2 จะต้องมีค่า 80 / 80 ขึ้นไป ส่วนในด้านทักษะปฏิบัติ E1 / E2 จะต้องมีค่า 70 / 70 ขึ้นไป โดยที่ค่า E1 / E2 ต้องไม่แตกต่างกันเกินกว่าร้อยละ 5
หาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียน โดยการวิเคราะห์จากคะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนทำได้กับคะแนนเต็ม ทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งเกณฑ์การยอมรับว่า บทเรียนมีประสิทธิผลช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้จริง จะต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป
การทดลองใช้แบบ 1:1 จำนวน 3 คน หาเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดการ
สอน ได้ดังนี้
E1 = 82.22
E2 = 80
หาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียน ได้ดังนี้
ค่าดัชนีประสิทธิผล = 0.54
1. ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่เกิดขึ้น
จากการหาประสิทธิภาพค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่เกิดขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา และผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตร หาค่า IOC ได้เท่ากับ 8.33 ซึ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพของค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป แสดงว่าชุดการสอนนี้มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้กับนักเรียนได้
2. ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรมการศึกษา (E1 / E2)
2.1 หาเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดการสอน
จากการหาเกณฑ์ประสิทธิภาพของชุดการสอน ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพ 82.22 / 80 หมายความว่า ประสิทธิภาพกระบวนการของชุดการสอนเท่ากับ 82.22 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้จากคะแนนเฉลี่ยของการทำแบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนทั้งหมดเท่ากับ 80 ซึ่งเกณฑ์ที่ยอมรับว่า ชุดการสอนมีประสิทธิภาพนั่นคือ ด้านความรู้ ความจำ E1 / E2 จะต้องมีค่า 80 / 80 ขึ้นไป ส่วนในด้านทักษะปฏิบัติ E1 / E2 จะต้องมีค่า 70 / 70 ขึ้นไป โดยที่ค่า E1 / E2 ต้องไม่แตกต่างกันเกินกว่าร้อยละ 5 แสดงว่าชุดการสอนนี้มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้กับนักเรียนได้
2.2 หาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียน
จากการหาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียน โดยวิเคราะห์จากคะแนนที่นักเรียนทำได้ทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่ามีประสิทธิผลเท่ากับ 0.54 ซึ่งเกณฑ์การยอมรับว่า บทเรียนมีประสิทธิผลช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้จริง จะต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป แสดงว่าชุดการสอนนี้มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้กับนักเรียนได้
ไม่มีความเห็น