ไตรสิกขาเป็นกระบวนการศึกษาที่แท้ของธรรมชาติ กล่าวคือจะต้องฝึกหัดพัฒนาด้านพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อม ด้านจิตใจและด้านปัญญา เป็นการพัฒนาแบบองค์รวม เพราะต้องประสานสัมพันธ์เป็นเหตุปัจจัยแก่กัน แต่เมื่อปฏิบัติแล้วจะต้องมีการวัดหรือแสดงผล ในพระพุทธศาสนาจำแนกไตรสิกขาออกเป็น ๔ ประการ เพื่อชี้ให้เห็นหลักการปฏิบัติแบบองค์รวมเรียกว่า หลักภาวนา หรือหลักพัฒนาดังนี้
๑. กายภาวนาหรือหลักพัฒนากาย มีปัจจัยสี่สมบูรณ์หรือสิ่งแวดล้อมดี ในความพยายามหรือต่อสู้เพื่อความอยู่รอด การมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพในทางที่เกื้อกูลและได้ผลดี เริ่มแต่การรู้จักใช้อินทรีย์ เช่น ตา หู เป็นต้น อย่างมีสติ ถ้าดูเป็น ฟังเป็นก็ได้ปัญญา บริโภคปัจจัยและสิ่งของเครื่องใช้ ตลอดจนเทคโนโลยีอย่างฉลาด ย่อมเกิดการเรียนรู้ในการพัฒนาด้านร่างกาย พระพุทธศาสนากล่าวถึงสัป ปายะ (ความสบาย) ๔ ประการ อันเป็นเบื้องต้นของความสุข คือ เสนาสนสัปปายะ ที่อยู่อาศัยสะดวกสบายปราศจากแหล่งเพาะเชื้อโรค ๑ อาหารสัปปายะ มีอาหารที่สบาย บริโภคแล้วไม่มีโทษ ไม่เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ๑ บุคคลสัปปายะ อยู่ร่วมกับคนดี มีระเบียบ มีคุณธรรม เป็นกัลยาณมิตร ๑ ธรรมสัปปายะ ประพฤติธรรมที่ช่วยให้จิตใจเบิกบานถูกกับจริตของตน
๒. ศีลภาวนาหรือหลักพัฒนาศีล คือการมีระเบียบวินัย อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางกายและทางคำพูด การพัฒนาศีละรรม คุณค่าทางศีลธรรมและจริยธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตมนุษย์ ทุกคนสามารถฝึกตนเองให้เป็นคนมีอุปนิสัยที่ดีได้ ความสำเร็จทุกด้านต้องอาศัยคุณสมบัติด้านศีลธรรม จริยธรรม และต้องอาศัยการเคารพกฎทางศีลธรรม
หลักเบญจศีลเบญจธรรม ถือเป็นจริยธรรมขั้นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับบุคคลทุกอาชีพ สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและจิตใมนุษย์ให้สูงขึ้นทำให้บุคคลก้าวหน้า มีความสุขในสังคมได้
๓. จิตตภาวนาหรือพัฒนาจิต คือ มีจิตใจมั่นคง ไม่ปล่อยให้จิตใจคิดฟุ้งซ่านจนขาดพลังจิตใจ ขาดความสงบ
ในการพัฒนาจิตวิญญาณนั้น มนุย์มีวิญญาณธาตุ ธาตุแห่งความใฝ่รู้เป็นเหตุให้สามารถพัฒนาได้สูงกว่าสัตว์โลกชนิดอื่น การพัฒนาสังคมจะต้องมุ่งพัฒนาคุณภาพด้านวิญญาณมนุษย์ให้สูงขึ้น ที่เรียกว่า อริยชน หรือ อารยชน มีชีวิตอันประเสริฐ การพัฒนาจิตใจนั้น เป็นการฝึกอบรมเสริมสร้างจิตใจให้สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติทั้ง ๓ ด้าน คือ คุรภาพจิต ได้แก่ จิตที่ประกอบด้วยคุณธรรม เช่น เมตตา กรุณา กตัญญู เพื่อเสริมสร้างจิตใจให้ดีงามเป็นจิตใจที่สูงปราณีต ๑ สมรรถภาพจิตหรือความสามารถของจิต มีจิตเข็มแข็งมั่นคง มีความพากเพียรพยายาม กล้าหาญ อดทน รับผิดชอบ มีสติสัมปชัญญะ เป็นต้น ๑ สุขภาพจิต คือ มีจิตที่มีสุภาพดี มีจิตใจที่เป็นสุข สดชื่น ร่าเริง เบิกบาน ปลอดโปร่ง ผ่องใสสงบสุข
การพัฒนาจิตให้มีสุขภาพจิตสมบูรณ์ สะอาด สว่าง สงบ ปลอดจากกิเลส เพื่อใช้งานได้ดี เพื่อตวามสงบสุข จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่ออบรมจิตได้แล้ว กายทั้งหมดก็ชื่อว่าได้รับการอบรมพัฒนาไปด้วย
๔. ปัญญาภาวนาหรือหลักพฒนาปัญญา คือ ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในชีวิตและโลกอย่างชัดเจน จนสามารถทำให้จิตและกิเลสสงบไปพร้อมกัน สามารถนำสติและปัญญามาใช้อย่างเหมาะสมในการดำเนินชีวิต รู้จักคิด รู้จักพิจารณา รู้จักวินิจฉัย รู้จักแก้ปัญหา และรู้จักจัดทำดำเนินการต่างๆ ด้วยปัญญาที่บริสุทธิ์ ซึ่งมองดูรู้เข้าใจเหตุปัจจัย มองเห็นสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น ปราศจากคติและแรงจูงใจแอบแฝง เป็นผู้กิเลสครอบงำบัญชาไม่ได้ เป็นอยู่ด้วยปัญญารู้เท่าทันโลกและชีวิตเป็นอิสระ ไร้ทุกข์
ไม่มีความเห็น