บันทึกนี้มาว่าด้วยเรื่องการสอนธรรมะให้เด็ก ว่าสอนอย่างไร จึงจะได้ผล
ที่ผ่านมาทางโรงเรียนเมื่อมีการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ก็มักนิยมนำพระมาเทศน์เป็นสูตรสำเร็จของค่ายธรรมะ
เท่าที่สังเกตุดู พระบางรูปก็เทศน์ได้สนุกดี บางรูปก็น่าเบื่อ ที่การสอนธรรมะ นิยมนำพระมาเทศน์ เพราะคิดว่าพระเทศน์ อย่างไรก็ต้องเทศน์ได้ถูกต้องตามพุทธศาสนา และ คำสอนที่พระเทศน์ เด็กต้องเชื่อ ต้องฟัง ต้องจดจำ โดยไม่ต้องสนใจว่าเด็กจะเรียนรู้หรือเข้าใจหรือไม่ เป็นเหมือนการบังคับหรือยัดเยียดธรรมะให้เด็ก
จะนำพระมาเทศน์ ต้องปรับการเทศน์ให้สอดคล้องกับการเรียนรู้ของเด็กนะค่ะ การสอนธรรมะให้เด็ก อย่างไรก็ต้องสอนตามหลักจิตวิทยาเพื่อที่จะให้เด็กเกิดการเรียนรู้ และ หลักจิตวิทยาง่ายๆ คือ เด็กเรียนรู้จากรูปธรรมนะค่ะ ดังนั้นจะสอนธรรมะให้ได้ผล ต้องสอนจากรูปธรรม ไปสู่นามธรรม การเทศน์ด้วยนามธรรม น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ผลสำหรับเด็กเท่าที่ควรในฐานะที่ดิฉันสอนวิชาพระพุทธศาสนา จึงอยากแนะนำการสอนธรรมสำหรับเด็ก เพื่อที่เด็กนักเรียนจะได้ไม่เบื่อการเรียนการสอนในวิชาพระพุทธศาสนา
รูปธรรมสำหรับเด็ก ต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และ เห็นผลจริงนะค่ะ อย่างน้อย สัก ๓ จริง
จริงแรก คนสอนต้องเป็นต้นแบบจริงๆเลยนะค่ะ เป็นต้นแบบจริง และ เห็นผลจริง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เด็กทำตาม
จริงที่สอง ปฏิบัติจริง ให้ผู้เรียนปฏิบัติจริงตามคำสอนเลยนะค่ะ ปฏิบัติจริง และ ได้ผลจริง
จริงที่สาม สถานการณ์จริง หยิบยกสถานการณ์จริงมาให้เด็กเห็นเลย สถานการณ์จริง เกิดผลจริง ว่าเกี่ยวกับหลักธรรมข้อใด และยิ่งเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบัน ยิ่งดีใหญ่เลยเพราะเด็กจะได้เห็นจากเหตุการณ์จริง
จาก ๓ จริงดังกล่าว ผู้เรียนก็จะมารถเรียนรู้ธรรมะได้นะค่ะ เพราะเป็นการเรียนรู้จากรูปธรรม ที่เป็นจริง เห็นผลจริง จากรูปธรรม สมองก็จะเรียนรู้และเก็บไว้เป็นข้อมูลในเชิงนามธรรม
ดิฉันคิดว่าแม้แต่วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ที่เรียนรู้จากนามธรรมได้ บางครั้งก็ต้องน่าจะเรียนรู้จากรูปธรรมบ้างก็จะดีมากนะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ บางที เราไม่ค่อยเชื่อกันแล้วละค่ะ ว่า "ทำดี ได้ดี"
เพื่อนลองนำไปศึกษาดูนะค่ะเผื่อว่าจะได้ผล