จากกระแสการตื่นตัวในวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก เมื่อหลายสิบปีก่อน อันเกิดการการคาดการณ์ความขาดแคลนอาหารบนโลกอนาคต ที่สร้างความกังวลแก่ผู้นำนานาประเทศทั่วโลกจนนำไปสู่การประชุมสหประชาชาติ เรื่อง สิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ( UN Conference on the Human Environment ) ที่กรุงสตอกโฮลม์ ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 5 – 16 มิถุนายน พ.ศ. 2515 เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการประชุมครั้งนี้ได้มีมติข้อตกลงร่วมกันหลายๆ อย่าง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประเทศต่างๆ กำลังเผชิญอยู่ อาทิเช่น แผนดำเนินการและปฏิญญาว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์(Agenda 21) การจัดตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ( United Nations Environment Programme , UNDP ) ให้ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติการทางสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญภายใต้กรอบการพิจารณาเรื่อง ดิน น้ำ และมลพิษทางอากาศ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา พร้อมทั้งกำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันแห่งการร่วมมือระหว่างชาติทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หรือ วันสิ่งแวดล้อมโลก(WORLD ENVIRONMENT DAY ) นั่นเอง
สำหรับในประเทศไทยได้รับข้อตกลงจากการประชุม มาดำเนินการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของประเทศและตราพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2518 ขึ้น อันถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต่อมาได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติออกเป็น 3 หน่วยงาน คือ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม ในปี พ.ศ. 2535 ให้มีความทันสมัย ทันต่อสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับความขัดแย้งของประชาชนจากการแย่งชิงผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการทำกินเลี้ยงปากท้อง ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยและมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งในประเด็นของแหล่งน้ำ ป่าไม้และที่ดิน ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องไม่ละเลยและปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวรุกลามกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิต โดยการร่วมรณรงค์รักษาทรัพยากรธรรมชาติที่ยังคงเหลืออยู่อย่างจำกัด ใช้ประโยชน์อย่างรู้ค่า ฟื้นฟูคุณภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้กลับดีดังเดิม พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างปลูกจิตสำนึกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมที่สะอาด ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ และการอยู่อย่างเกื้อกูลกัน
โดยในปี 2553 โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดขอบเขตการจัดการสิ่งแวดล้อมไว้ครอบคลุมการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ ที่ถือเป็นเครือข่ายความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมบทโลก ภายใต้คำขวัญ “ความหลากหลายทางชีวภาพ กู้วิกฤตชีวิตโลก Many Species One Planet One Future” อันสื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของความหลากหลายทางชีวภาพ อันหมายถึงชนิดพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ ที่มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของโลกในอนาคต ซึ่งจังหวัดลำปาง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง และเทศบาลนครลำปาง ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมในจังหวัดลำปาง จัดการรณรงค์ตามแนวทางดังกล่าวขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2553 ณ สวนสาธารณะเขลางค์ เทศบาลนครลำปาง โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมรณรงค์ลดการใช้พลังงาน ขบวนรถม้าและรถจักรยาน พิธีมอบกล้าไม้ ที่ถือเป็นหน่วยมีชีวิตพื้นฐานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตอาหารและพลังงานแก่มวลมนุษย์ในระบบนิเวศ กิจกรรมการทำความสะอาดแม่น้ำวังและชุมชนเมืองลำปาง เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูระบบนิเวศในพื้นที่จังหวัดลำปางให้มีความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ท้องถิ่น ช่วยให้เกิดความสมบูรณ์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เอื้อต่อการมีชีวิตที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ จึงขอเชิญเข้าร่วมการประกาศเจตนารมณ์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ร่วมเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวโครงการจัดระเบียบป้ายในเขตเทศบาลนครลำปาง โดยนายกเทศมนตรีนครลำปาง รับมอบกล้าไม้ฟรี และชมนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ความหลากหลายทางชีวภาพ ความรู้เรื่องการประหยัดพลังงาน และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ได้ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ณ สวนสาธารณะเขลางค์ เทศบาลนครลำปาง
บทความลงหนังสือพิมพ์คนเมืองเหนือ โดย สิริวัฒนา ใจมา นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
ขอบคุนมากค่ะ จะได้มีโครงงานส่งซะที
แจ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณมากค่ะที่ให้ความรู้กับเรา