หนีเกาะอังกฤษ


เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่เปลี่ยนวิธีและค่าใช้จ่ายในกรณีนี้ไปแยะ

มาเล่าต่อเรื่องวิธีหนีภัยภูเขาไฟ เผื่อใครจะไปติดอยู่เสปนที่สนามบินหลายแห่งถูกประกาศปิดอีกแล้ว และตอนนี้กำลังมีการประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลกอยู่ที่เจนีวาจะได้รู้ทางหนีทีไล่

เมื่อวานนี้พบคุณหมอศุภมิตรที่ไปติดอยู่ที่เจนีวาในช่วงกลางเมษายนที่ผ่านมา และต้องหาทางกลับโดยลงใต้ไปถึงกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก แทนที่จะไปบินออกจากรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอแลนด์ ตามกำหนดการเดิม ได้ข้อสรุปเหมือนกันว่า แม้จะทำให้กลับถึงบ้านช้ากว่า แต่ชัวร์กว่า

แต่เจอปัญหาที่ไม่คาดหมายคือไม่มีวีซ่าเข้าประเทศกรีก โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองอะลุ้มอะล่วย เสริมด้วยแรงกดดันจากฝูงชน (ที่รอคิวอยู่ข้างหลัง) คุณหมอศุภมิตรเลยได้ขึ้นเครื่องตามกำหนดแทนที่จะต้องไปเสียเวลารอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจนอาจตกเครื่องได้ (ผมเคยไปรอวีซ่าแบบนี้ตอนเปลี่ยนเครื่องที่ฝรั่งเศสใช้เวลาเบาะๆแค่ 3 ชมเท่านั้นเอง โชคดีที่ตอนนั้นมีเวลาช่วงเปลี่ยนเครื่องอยู่ 5 ชม เลยชิวๆ นั่งรอด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัวโดยไม่กระวนกระวายมาก)

กลับมาเรื่อง ความพยายามแหกเกาะอังกฤษของตัวเอง ที่เล่าค้างไว้ถึงวันศุกร์ตอนไปติดต่อการบินไทยแล้วทราบว่าต้องช่วยตัวเองช่วงเสาร์อาทิตย์ ประกอบกับไม่มีวี่แววว่า รอไปเรื่อยๆแล้วสนามบินที่ลอนดอนจะเปิดได้เม่ือไร

ตกเย็นวันศุกร์ผมก็เริ่มขอความช่วยเหลือศรีภริยาที่อยู่ทางเมืองไทย เพราะน้องสาวเธอทำงานอยู่การบินไทย เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ ผมเลยได้ใช้ skype คุยกับภรรยาแทนที่จะต้องโทรศัพท์เสียค่า roaming แพงมหาศาล ผมขอความช่่วยเหลือไปสองอย่าง

อย่างแรกคือติดต่อการบินไทยเป็นระยะๆ เพื่อหาทางให้ผมมีข้อมูลในระหว่างที่ ทางลอนดอนปิดสำนักงานช่วงเสาร์ อาทิตย์ แทนที่ผมจะโทรไปที่สนามบินฮีทโธร แล้วเจอแต่ voicemail

เรื่องที่สองคือให้เธอหาทางหนีทีไล่อื่นๆ เช่นให้บินออกจาก เสปน เวียนนา มิวนิค หรือโรม (ตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าสนามบินไหนในยุโรปจะปิดบ้างแต่ใช้ common sense ว่าทางใต้และตะวันออก น่าจะปลอดภัยกว่าทางเหนือ ซึ่งปรากฏตอนหลังว่า ใต้เปิดบินได้ แต่ตะวันออกไม่เปิด ถ้าอยู่ในระดับเดียวกับ ปารีส เจนนีวา แฟรงค์เฟิร์ต รวมทั้งมิวนิค และเวียนนา) แถมเงื่อนไขว่า ถ้าเป็นไปได้ให้เป็นสนามบินที่มีการบินไทย จะได้ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็ซื้อตั๋วใหม่ได้

ศรีภริยาผมก็รีบทำให้อย่างรวดเร็ว โทรเดี๋ยวนั้นเลย ขณะที่กำลัง on skype กันอยู่ และผมก็ได้พบว่า แม้กระทั่งโทรติดต่อการบินไทยทางเมืองไทยก็ยากจริงๆ แต่ด้วยความช่วยเหลือของ speaker phone ทางเครื่องโทรศัพท์ การรอคอยด้วยการฟังดนตรีจึงง่ายขึ้น ไม่ต้องถือหูให้เมื่อยมือ และปวดหู แถมปวดใจ แต่ปล่อยให้เสียงมันดังไปเรื่อยๆ หันกลับมาคุยทาง skype หรือแม้แต่ทำงานอื่นไปพร้อมกันได้ ใครที่ multi tasking ไม่เป็นก็ลำบากหน่อย บังเอิญเรา multitasking ได้ทั้งคู่ เลยไม่หงุดหวิดมากเท่าไรนักกับ การติดต่อที่ต้องรอฟังเพลง แม้จะกังวลอยู่บ้างว่า เอาเข้าจริงมันจะลงเอยยังไงกันแน่

ในที่สุดผมก็ต้องปล่อยให้ภรรยาผมติดต่อแล้วค่อยแจ้งผลกลับ เพราะถ้ามัวรอกัน online ก็คงจะไม่มีใครได้นอนสักคน

ผลสุดท้ายได้ความเช้าวันเสาร์ที่ลอนดอน ซึ่งเป็นเวลาหลังเที่ยงวันที่ กทม ว่า ทางโรมจะเปิดบินได้วันจันทร์ และภรรยาผมสามารถจองที่นั่งให้ผมได้วันพุธ แต่ใช้ตั๋วเดิมไม่ได้ ต้องซื้อตั๋วใหม่ แต่ภริยานักคำนวณของผมไหวพริบดี ขอใช้สิทธิแลกไมล์ ซึ่งก็น่าแปลกใจว่าทำได้ซะด้วย แถมเจ้าหน้าที่ยังอะลุ้มอะล่วย ไม่ตัดไมล์ทันที เพราะมีโอกาสที่ผมจะไปถึงโรมไม่ทัน เลยผ่อนผันว่าให้ confirm ตัดไมล์กันในวันอังคารเย็น ตามเวลาเมืองไทย

รออ่านต่อนะครับว่า หลังได้ตั๋วแล้ว ผมทำยังไงเพื่อไปให้พ้นจากเกาะอังกฤษ และจะไปสำเร็จหรือเปล่า

ส่วนใครจะแอบอิจฉาหรือชื่นชมที่ผมมีภริยานักจัดการช่วยเป็นแรงจนได้ทางเลือกไม่ต้องติดแหง็กอยู่ลอนดอนก็เชิญตามสบายนะครับ

แต่ยังไงยังไม่ถึงตอนจบ อย่าเพิ่งเฮ แม่ผมสอนไว้

หมายเลขบันทึก: 358256เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2010 16:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้วชอบตอนท้ายของเรื่อง

...........ส่วนใครจะแอบอิจฉาหรือชื่นชมที่ผมมีภริยานักจัดการ

ช่วยเป็นแรงจนได้ทางเลือกไม่ต้องติดแหง็กอยู่ลอนดอนก็เชิญตามสบายนะครับ......

แต่ยังไม่ถึงตอนจบ ต้องไม่เฮ จะรออ่านต่อค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท