ภาพวาด : หลุมโจน ผู้วาด : วิรัตน์ คำศรีจันทร์ พฤษภาคม ๒๕๕๓
การหาปลาและการหาอาหารตามฤดูกาลของคนหนองบัว รวมทั้งชาวบ้านในชนบท มักเป็นการเรียนรู้เพื่อปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดคล้องกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ทำมาหากินพอประมาณและตามที่จะหาได้จากสิ่งที่มีอยู่ในแหล่งธรรมชาติ
เครื่องมือและวิธีการหาปลาจึงมีลักษณะการคิดค้นให้เรียบง่าย หลากหลาย ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อใช้ให้เหมาะสมกับสภาพต่างๆในช่วงเวลาสั้นๆที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล เช่น ในสภาพน้ำหลากและไหลแรงก็มีเครื่องมือและวิธีการสำหรับดักปลากับสัตว์น้ำที่ไหลามากับน้ำจำพวกโต่ง ไซ
เมื่อน้ำเริ่มลดและไหลไม่แรง ปลาและสัตว์น้ำเริ่มตัวโตและมักว่ายทวนน้ำเพื่อหาแหล่งอาศัยก่อนถึงหน้าแล้ง ก็จะใช้เครื่องมือจำพวกลอบ ไซสองทาง และเมื่อน้ำทรง หยุดนิ่ง เริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่หน้าแล้ง เครื่องมือหาปลาก็จะเป็นจำพวกลงเบ็ด ทอดแห เหล่านี้เป็นต้น
หลุมโจน ก็เป็นวิธีหาปลาในสภาพแวดล้อมดังกล่าวนี้อย่างหนึ่ง แต่เป็นวิธีที่มีความเป็นศิลปะและสะท้อนการเรียนรู้เพื่อดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้เป็นเครื่องมือหาปลาที่สร้างขึ้นเหมือนอย่างอื่น แต่เป็นการจัดเงื่อนไขสภาพแวดล้อม นำเอาสิ่งที่ไม่มีลักษณะของเครื่องมือหาปลาเลยมาประกอบเข้าด้วยกัน และเมื่อเลิกใช้ก็จะเป็นภาชนะใช้สอยอย่างอื่น เป็นวิธีทำอยู่ทำกินอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านท้องถิ่นหนองบัวทำได้กันทั่วไป
ลักษณะและหลักคิดของหลุมโจน
หลุมโจน ในพจนานุกรมไทย ฉบับของ มานิต มานิตเจริญ* ให้ความหมายไว้ว่า หลุมโจน น. บ่อย่อมๆที่ขุดล่อให้ปลาโดดเข้า เป็นวิธีดักปลาในแหล่งที่มีน้ำนิ่งหรือในห้วยหนองคลองบึงที่น้ำเริ่มงวด ซึ่งสภาพแวดล้อมดังกล่าวนี้ ธรรมชาติของปลาโดยทั่วไป โดยเฉพาะปลาขนาดใหญ่ จะพยายามหาหนทางไปยังแหล่งน้ำที่ใหญ่และอุดมสมบูรณ์กว่า ขณะเดียวกัน ปลาหลายชนิดก็จะมีธรรมชาติตื่นตัวกับน้ำใหม่ ทั้งจากฝนตกและแหล่งน้ำจากที่อื่นที่ไหลมายังแหล่งที่ปลาอยู่ ดังจะเห็นว่าเมื่อมีฝนตกหรือน้ำไหล ก็จะมีปลาแถกย้อนขึ้นไปยังด้านที่เป็นต้นทางของน้ำไหล
นอกจากนี้ ปลาหลายชนิดมีสัญชาตญาณโดยธรรมชาติที่จะหยั่งรู้สภาพแวดล้อม เมื่อน้ำเริ่มอยู่ตัวและงวดลงก่อนจะถึงหน้าแล้ง ปลาตัวใหญ่ เช่น ปลาหมอ ปลาดุก และปลาช่อน เหล่านี้ ซึ่งจะรู้ก่อนว่าหน้าแล้งกำลังจะมาถึง ก็มักจะแถกขึ้นบกออกจากแหล่งน้ำที่อาศัยอยู่เดิม กลไกธรรมชาติและธรรมชาติของปลาในลักษณะดังกล่าวนี้ เป็นที่มาของการทำหลุมโจน คือ ทำให้มีสภาพแวดล้อมเหมือนกับมีแหล่งน้ำอีกแห่งหนึ่งให้ปลาว่ายและแถกเข้าไป
อุปกรณ์และวิธีทำหลุมโจน
(๑) ห้วงเวลาทำหลุมโจน
หน้าหนาว หน้าแล้ง และต้นฤดูร้อนที่ฝนยังไม่ตก
(๒) ภาชะทำหลุมโจน
โดยทั่วไปแล้ว การทำหลุมโจนมักใช้ไหหรือโอ่งน้ำขนาดย่อม
ไม่เล็กจนถึงกับปลาสามารถกระโดดออกได้
และไม่ใหญ่จนเกินกว่าจะขุดดินฝังภาชนะที่ใช้
ให้จมลึกลงไปในระดับที่ต้องการ
(๓) ทำเลการทำหลุมโจน
ริมคลองและตลิ่งของแหล่งที่มีน้ำนิ่ง เช่น ห้วย หนอง คลอง ได บึง
ในบริเวณที่สามารถตบแต่งโคลนตามริมตลิ่งให้ลื่น
และขุดหลุมฝังไหหรือโอ่งลงไปได้
(๔) ดินโคลนที่ทำให้ผิดกลิ่นเหมือนแหล่งน้ำจากที่อื่น
ใช้ดินโคลน
เนื่องจากดินโคลนเป็นองค์ประกอบของสิ่งที่เกิดจากการมีน้ำขัง
โดยหาจากแหล่งใดก็ได้ที่เป็นแหล่งที่มิใช่อยู่ในผืนน้ำเดียวกันกับแหล่งที่จะทำหลุมโจน
วิธีคิดก็คือทำให้มีสภาพและกลิ่นของแหล่งน้ำอื่น
ซึ่งดินโคลนที่มักนิยมนำมาใช้ก็คือ
ดินโคลนจากแอ่งน้ำครำใต้ถุนบ้านซึ่งย่อมมีสภาพแตกต่างจากแหล่งน้ำในธรรมชาติ ขณะเดียวกัน
ก็สามารถใช้ดินโคลนจากสระและแหล่งน้ำอื่นๆที่ห่างไกลและมีสภาพแตกต่างจากแหล่งที่ทำหลุมโจน
(๕) การทำหลุม
ขุดหลุมบนตลิ่งให้ลึกเพื่อฝังไหหรือโอ่งให้ลึกลงไปในดิน
ห่างจากน้ำพอประมาณ ทำทางโดยตบแต่งดินริมตลิ่งให้เป็นร่อง
ทาโคลนให้เรียบ เป็นร่องเล็กๆที่เชื่อมโยงปากไหหรือปากโอ่งกับน้ำ
ระยะห่างและความยาวของร่องที่เชื่อมปากไหหรือโอ่งกับน้ำนี้
หากห่างมากและสูงชันก็จะได้ปลาขนาดใหญ่ หากทำร่องสั้นๆ
ลาดเตี้ยและปริ่มน้ำ
ก็จะได้ปลาขนาดเล็กๆและอาจจะรวมไปถึงปูและสัตว์น้ำอื่นๆ
ตกลงไปในหลุมโจนด้วย
(๖) น้ำที่ก้นภาชนะหลุ่มโจน
หากไหหรือโอ่งมีขนาดใหญ่ รวมทั้งทำหลุ่มโจนที่ไม่ได้ไปดูทุกวัน
ชาวบ้านจะใส่น้ำหล่อเลี้ยงก้นภานะของหลุมโจนด้วยเล็กน้อยพอให้ปลาไม่ตัวแห้ง
แต่ไม่มากถึงกับว่ายและกระโดดได้
(๗) ทาโคลน
ทาโคลนตามร่องหลุมโจนที่สร้างขึ้นโดยเน้นทาที่ปากหลุม
หากลาดลงไปถึงบริเวณปริ่มน้ำก็จะกลายเป็นแหล่งเดียวกัน
ไม่มีความแตกต่าง
(๘) หญ้าและกิ่งไม้พลางหลุมโจน
ใช้กิ่งไม้และหญ้า คลุมร่องที่ทำขึ้นไปจนถึงปากหลุมโจน
การยามและปลาที่จะได้จากหลุมโจน
ปรกติแล้ว ปลามักจะลงหลุมโจนในเวลากลางคืน แต่ถ้าหากบริเวณที่ทำหลุมโจนอยู่ห่างไกลจากที่อาศัย แหล่งพลุกพล่านหรือทางผ่านของคน ปลาก็อาจจะแถกไปลงหลุมโจนในตอนกลางวัน ชาวบ้านจะไปดูหลุมโจนในตอนเช้าหรือเมื่อมีเวลาว่าง โดยมากแล้ว ปลาที่ติดหลุมโจนจะไม่บอบช้ำเหมือนวิธีดักปลาอย่างอื่น สามารถนำไปปล่อยในสระน้ำต่อไปได้อีก และจะเป็นปลาตัวใหญ่ แข็งแรง จำนวนไม่มาก จึงเป็นวิธีที่พอเพียงและเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลากับปลาตัวเล็กๆอยู่ในตัวเอง.
เรื่อง : คุณครูวิกานดา
บุญเอก โรงเรียนหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
ภาพและเรียบเรียง :
ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* มานิต มานิตเจริญ (๒๕๒๔).พจนานุกรมไทย พิมพ์ครั้งที่ ๗.กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์บำรุงสาส์น หน้า ๑๐๒๙
อันว่าหลุมโจนนี้คนที่บ้านจะเรียกชื่อเฉพาะในกลุ่มละแวกบ้านว่า บ่อดักปลา ในพื้นที่ดินเหนียวน้ำไม่ซึมแค่เพียงขุดหลุมโจนโดยไม่ต้องฝังไห ฝังจู๋ ฝังโอ่ง ก็ได้ แต่ถ้าเป็นดินทรายน้ำซึมง่าย ก็ต้องฝังไห ฝังโอ่ง เพื่อกันน้ำซึม
ดินทาปากหลุมโจน ก็ใช้ทั้งดินโคลนจากสระน้ำ จากหนองน้ำ น้ำครำ(น้ำขี้กรีด)นอจากทา(ยา)ปากหลุมโจนแล้ว ก็ใช้ดินโคลนยาให้ตลอดร่องน้ำที่ทำขึ้น
การคลุมร่องน้ำที่ทำขึ้นมาจนถึงปากหลุม แถวบ้านมีต้นตาลเยอะ ก็ตัดใบตาลมาคลุมทั้งหลุมและร่องน้ำ ใบตาลนี้สามารถกันแดดได้อย่างดีปลาที่ลงไปอยู่ในหลุมทั้งวัน ปลาก็จะไม่เกล็ดแห้ง ตัวแห้งตายคาบ่อเพราะความร้อนจากแดด
ในร่องน้ำจะใช้จอกบ้าง ผักตบชวาบ้าง ที่นำมาจากสระน้ำหรือแหล่งน้ำเดียวกันกับดินโคลนนั่นเอง มาลอยไว้ที่ร่องน้ำบาง ๆ ก็พออย่าให้เต็มจนแน่นร่องน้ำ
ในอันนาบางอันที่น้ำงวดเหลือประมาณไม่ถึงครึ่งอันนา แต่มีน้ำเหลืออยู่เฉพาะที่มุมอันนาด้านลึก บางทีปลาใหญ่ลงบ่อหมดเลย เหลือแต่ปลากระซิวก็มี
เป็นการบรรยายที่เห็นภาพอย่างชัดแจ้งมาก
เหมาะเป็นองค์ศึกษาวิถีชีวิตชนบทแง่มุมหนึ่งในอดีตได้เป็นอย่างดีที่สุดครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล อาสโย(ขำสุข)ครับ
เห็นภาพลายเส้น รากไม้ใหญ่ น้อยเกี่ยวกระหวัดรัดพัน โอบอุ้มดิน กระแสสายธาร ที่ต่างล้วนพึ่งพากันในระบบนิเวศน์ให้สมบูรณ์ ... งดงามมากๆ ค่ะท่านอาจารย์
สวัสดีครับคุณสันติครับ
สวัสดีครับคุณ poo ครับ
สวัสดีค่ะพี่ชาย อ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
ทำเหมือนที่บ้านเลยครับ แต่ที่บ้านผมจะเอาไห ไปใส่ในหลุมด้วย นอกจากนี้ยังเอาขี้โคลนหรือขี้ดินจากที่อื่นๆๆไปโรยในน้ำด้วย เพื่อให้ปลาตามกลิ่นมาลงในหลุมโจนครับ ตอนไปดูต้องระวังเพราะผมเคยเจองูในหลุมด้วยครับ เสียวมือน่าดูเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ
หลุมโจนน้ำหยด
เมื่อวาน(๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓)อาตมาได้พูดคุยเรื่องหลุมโจนกับท่านหลวงตาประทวน ยิ้มอยู่ อายุ ๗๕ ปี วัดศรีโสภณ บวชมานานเกือบยี่สิบปี
ท่านเป็นคนท้องถิ่นเกิดและเติบโตในเมืองพิษณุโลกบริเวณห้าแยกโคกมะตูม อันเป็นใจกลางศูนย์รวมความเจริญที่สุดในปัจจุบัน ท่านเล่าว่า ตอนเป็นเด็กก็นำควายไปเลี้ยงแถวป่าช้าวัดใหญ่-วัดพระพุทธชินราช(ป่าช้าวัดใหญ่-โรงเรียนพุทธชินราชวิทยา) ในบริเวณวัดใหญ่ ข้ามแม่น้ำน่านไปเลี้ยงที่ค่ายสำสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ที่น่าสนใจเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินและรับรู้มาก่อนเลยก็คือน้ำหยดหน้าหลุมโจน ฟังประโยคเดียวก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที นึกตามเรื่องราวรายละเอียดไม่ออก ไม่เห็นภาพเลย ต่อเมื่อท่านเล่ารายละเอียดให้ฟังจึงเข้าใจ
ท่านเล่าว่าในหน้าหนาวน้ำลงท่านมาหลุมโจนกับพ่อของท่านที่ทุ่งนาตำบลสมอแข ท่านเองก็ไม่ทราบว่าพ่อไปได้ความรู้เรื่องน้ำหยดหน้าปากหลุมโจนนี้มาจากไหน และท่านก็ยืนยันว่ามีคนที่รู้เรื่องนี้ไม่มากนัก ท่านพูดถึงตรงนี้อาตมาเลยแกล้งแซวเล่นๆไปว่า สงสัยพ่อหลวงตานี่จะเป็นคนหวงวิชาจึงไม่ยอมบอกใคร คงกลัวจะมีคู่แข่งมาแย่งอาชีพในการทำมาหากิน ท่านฟังแล้วก็ยิ้มๆ ท่านเล่าจบอาตมาเลยตั้งชื่อเรื่องว่า หลุมโจนน้ำหยด
หลุมโจนน้ำหยด มีลักษณะเหมือนกับหลุมโจนทุกอย่าง ส่วนที่แตกต่างคือไม่ต้องใช้ดินโคลนจากแหล่งน้ำอื่นมาทาปากหลุม ทาร่องน้ำ
วิธีทำ ที่บริเวณใกล้ปากหลุมใช้ไม้ปักดิน ๔ หลัก, ๓ หลักก็ได้แล้วนำปี๊บที่เจาะรูรู้อยด้ายมาวางไว้บนไม้ น้ำก็จะหยดลงมาตามเส้นด้ายอย่างไม่ขาดสาย กว่าน้ำจะหยดหมดปี๊บก็ตกประมาณเที่ยงคืน ท่านบอกว่าแม้แต่ปลากระดี่ก็ลง
สวัสดีครับน้องคุณครูจุฑารัตน์
สวัสดีครับอาจารย์ขจิตครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแล อาสโย(ขำสุข)
เรียนท่านอ.วิรัตน์ คำศรีจันทร์
หลุมโจน เมื่อก่อนไม่รู้จักได้ยินก็นึกว่าเป็นหลุมโจรมาขุดไว้แอบซ่อนตัว
ตอนเป็นครูใหม่ๆ โรงเรียนอยู่กลางทุ่งนา
ชาวบ้านคุยกันว่าจับได้ที่หลุมโจน
ไม่กล้าถามรายละเอียด แล้วกลับมาคิดเองว่าที่นี่โจรคงชุม
กลับบ้านไปเล่าให้คุณพ่อฟังว่าได้ยินชาวบ้านบอกว่าแถวโรงเรียนมีโจร
เช้าวันรุ่งขึ้นคุณพ่อส่ง6.35แล้วบอกว่าระวังตัวนะลูก
นึกถึงแล้วอดส่ายหัวความไม่เอาไหนของตัวเองช่างเชยได้เชยดี
ขอบคุณค่ะและขออนุญาตนำภาพหลุมโจนไปเรียนรู้กับเจ้าตัวเล็กค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับคุณครู krutoiting ครับ
พ่อทำหลุมโจน น้ำก๊อก เปิดเเบาๆ ไหลริน ปลาช่อน ปลาดุกเพียบ ทำวันเดียว เพราะวันต่อมาจะได้ปลาน้อย และค่าน้ำแพง5555