อีกนิดเดียวเกือบได้เที่ยวสวรรค์ (เลียบขอบหิมาลัย ตอนที่ ๑)


เมื่อออกซิเจน เล่นตลกกับชีวิต

ภรรยาผมยื่น Diamox พร้อมน้ำดื่มให้ หลังจากเครื่องเริ่มบินออกจากเดลีไม่นาน ความประหวั่นพรั่นพรึงเกิดขึ้นในใจ เมื่อรู้ว่าการนั่งเครื่องเข้าลาดัค อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากลาดัคเป็นเขตภูเขา สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า ๓๐๐๐ เมตร มีความกดอากาศต่ำ และปริมาณออกซิเจนในอากาศน้อย เหล่านี้เป็นปัจจัยให้การอาการป่วยไข้ที่เรียกว่า โรคแพ้ความสูง ,Altitude Sickness หรือ Acute Mountain Sickness (AMS) เราจำเป็นต้องเดินทางทางอากาศ ก็เพราะถนนถูกปิด ปกคลุมด้วยหิมะ

<<<บันทึกภาพการลงจอดที่สนามบิเมืองเลย์>>>

ผมยังจำความรู้สึกหายใจไม่ออกตอนที่ไปแชงกรีล่า (ประเทศจีน) กับเธอเมื่อสองปีที่แล้วได้ มันทำให้รู้สึกถึงความตาย รู้สึกถึงคุณค่าของออกซิเจนที่มนุษย์เราหายใจขึ้นมาทันที แต่โชคดีที่นั่นมีออกซิเจนกระป๋องขาย....แล้วลาดัคล่ะ?

อาการของโรคมันจะค่อยๆแสดงตัวให้เห็นภายใน ๒๔ ชั่วโมง เมื่อขึ้นสูงที่สูงกว่า ๒๓๐๐ เมตรด้วยความรวดเร็ว มีอาการทางประสาท, ปวดหัว, มึนงง , ตาลาย ,ไอแห้งๆ ,หายใจไม่ออก ,ร่างกายขาดน้ำ บางรายถึงกับมีเสมหะ หรืออาเจียนออกมา ที่แย่กว่านั้นคือพวกไม่แสดงอาการบอกเหตุอะไรเลย....อยู่ดีๆก็สิ้นลมไปเอง

คำแนะนำสำหรับนักเดินทาง คือให้พักผ่อนให้เพียงพอเมื่อไปถึง หลีกเลี่ยงการต้องออกแรงมาก ดื่มน้ำให้มากๆ กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ปฎิบัติเช่นนี้อย่างน้อยสองวัน จนกว่าร่างกายจะปรับสภาพได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้หาทางลงต่ำอย่างน้อย ๕๐๐ เมตรจะช่วยได้

ส่วนยา acetazolamide (Diamox) และ dexamethasone ที่ใช้ป้องกันโรคแพ้ความสูง ในคู่มือไม่แนะนำ เพราะมันอาจปิดกั้นอาการที่เป็นตัวบอกเหตุ และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว.........."ตายห่า!!! กินไปแล้ว" ผมอุทานขึ้นมาในใจ ภรรยาหาว่าผมกลัวเกินเหตุ ...อ่านมาก รู้มาก กลัวมาก 

แอร์บัส A320 ร่อนลงต่ำ กัปตันประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าเรากำลังจะลงจอดที่สนามบินเมืองเลย์ (เมืองหลวงของลาดัค) เสียงคุณยายชาวลาดัคที่นั่งข้างหลังเริ่มสวดมนต์ในบทที่ผมไม่รู้จัก ทำให้ผมยิ่งเกิดอาการกลัวออกซิเจนจะเล่นตลกกับชีวิตผม ความกลัวเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเครื่องกางล้อ ถลาร่อนลงบนรันเวย์..."ตาย ก็ ตาย อะไรจะเกิดก็เกิด"ผมปลอบใจตัวเองให้หายกังวล

ประตูเครื่องถูกเปิดออก ผมสูดหายใจเข้าให้ลึกสุดขั้วปอด ตุนให้มากที่สุด ราวกับว่ามันจะกลายเป็นของหายากเมื่อพ้นประตูเครื่องไป ไอเย็นเข้ามาปะทะใบหน้า พร้อมกับทัศนียภาพของเขาหิมะอันงดงามที่ปรากฎ ทำให้ความกลัวที่เคยบั่นทอนจิตใจค่อยๆลดลงๆ....จนหมดไป

"จินตนาการที่ได้จากการอ่าน บางทีมันก็มีมากเกินไป" จัดแจงสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อย ภรรยากับผมก็ออกมาหาอะไรกินรองท้อง ลองอาหารพื้นเมืองกับร้านอาหารชาวทิเบต และคิดกันว่าจะไปเยี่ยมชมที่ไหนดีที่ไม่ไกลนักจากที่พัก

อิ่มหนำกับอาหารได้ไม่ถึงชั่วโมง ความสุขก็เริ่มหมดไป !!! ....ภรรยาผม เธอบอกรู้สึกใจหวิวๆ หายใจไม่ค่อยออก ตามมาด้วยอาการอาเจียร อาหารที่ตุนไว้สำหรับความสุขในการท่องเที่ยววันแรกออกจนหมด และอาเจียรเป็นน้ำอีกสองสามครั้ง ..... จนเจ้าของ Guest House ผู้อารีย์ เธอเป็นห่วง อาสาพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำเมือง "เหมือนหนังสือมันว่าไว้ป๊ะเลย" ผมคิดกังวลปนความห่วงใยในตัวภรรยา ซึ่งหน้าตาของเธอตอนนี้ถอดสีแล้ว

อาการนี้คงจะเป็นเรื่องธรรมดาที่แพทย์ที่นี่เจอจนชิน ความดันและระดับออกซิเจนในเลือดของภรรยาผมปรกติ หมอท่านแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆและพักผ่อนเยอะ อย่าออกไปเที่ยวไหน พร้อมกับให้ยาบำรุงอะไรสักอย่างมาหนึ่งซอง

เป็นอันว่าสถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ได้ไปที่ลาดัค คือ โรงพยาบาล นั่นเอง กลับเข้าที่พักได้เธอก็หลับเป็นตาย ผมมองเธอด้วยความเป็นห่วง สงสาร ยกมือท่วมหัวภาวนาต่อสิ่งศักดิ์แห่งเขาหิมาลัยแห่งนี้ขอให้อาการเธอกลับมาเป็นปรกติด้วยเทอญ ความสนุกตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวหมดไปไม่มีเหลือ... เอ...แต่ลืมไปว่าหนังสือเขายังกล่าวถึงพวกกินยาแล้วไม่แสดงอาการไว้ด้วยสิ


เขาหิมะยามเช้าหน้าที่พัก

ความกลัวเริ่มกลับมาเยือนอีกครั้ง ก่อนนอนคืนนั้นผมคิดว่าถ้าจะต้องมาจบชีวิตที่นี่ก็ไม่เป็นไร ในใจขอเอาพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง อย่างน้อยที่นี่ก็เมืองพุทธ พอหัวถึงหมอนก็นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมาจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า มองเห็นภรรยาหน้าตาสดใส นั่งดื่มชาร้อนที่เจ้าของ Guest House ยกมาให้อยู่ เธอหันมายิ้มทักทาย... ภาพเขาหิมะอันงดงามฉาบด้วยแสงสีทองปรากฎอยู่ปลายเท้าผ่านกระจกห้องพักอยู่เบื้องหน้า อากาศเย็นจนหายใจออกมาเป็นไอ ผมยกแขนขึ้นหมุนซ้าย หมุนขวา สำรวจดู...."ยังไม่ตายนี่หว่า...นึกว่าถึงสวรรค์ซะแล้ว"


ศรัทธาในพุทธศาสนของชาวลาดัคแสดงผ่านสิ่งปลูกสร้า สถูป ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป


สายลมสะบัดพัดธงที่พิมพ์บทสวดของพุทธวัชระยาน

หมายเลขบันทึก: 357647เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2010 12:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดี ครับคุณฝนเสน่หา

เป็นบันทึกที่อ่านแล้ว เข้าใจความรู้สึกของคุณ ณเวลานั้น นะครับ

คุณฝนเสน่หาเชื่อเหมือนผมมั้ยครับว่า

....ชีวิตคนเราเค้าลิขิตมาให้แล้ว...

....และผมเชื่ออีกอย่างหนึ่ง นะครับว่า คนดีนั้น..คุณพระย่อมคุ้มครองเสมอ

...มีความสุขในการใช้ชีวิตของคุณและครอบครัว นะครับ....

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท