ห มู่ บ้ า น ไ ม่ เ ป็ น ไ ร


มีนิสัยมักง่ายไม่รับผิดชอบ ต่อส่วนรวมอย่างรุนแรงซึ่งก็ได้ผล เมื่อทุกคนพบกับความหายนะ

ห มู่ บ้ า น  ไ ม่ เ ป็ น  ไ ร

จาก รางวัลสิ่งแวดล้อมสยาม

ผู้แต่ง jintana  klomchur ,ripw klongluang patumtani 13180 วันที่ 16 ก.พ.2545

      ที่ว่างชานเมืองแห่งนี้  หลายปีก่อนเป็นทุ่งนามีข้าวกล้าเขียวขจี  มีบึงบัวบาน  มีลำธารน้ำใส  แต่ต่อมามหานครเติบใหญ่  เมืองขยายตัวออกไป  จึงเกิดการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเป็นหมู่บ้านเกิดใหม่ชื่อหมู่บ้าน  “ไม่เป็นไร”  ขึ้นมาแทน

      หมู่บ้าน  “ไม่เป็นไร”  มีสวนสาธารณะ  มีสนามเด็กเล่นทุก ๆ วันเวลายามเย็นจะมีผู้ใหญ่และเด็ก ๆ พากันออกมาพักผ่อนวิ่งเล่นกันมากมายแต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ทุกคนในหมู่บ้าน ไร้ระเบียบวินัยมีนิสัยมักง่าย  เศษขยะทั้งหลาย  จึงถูกทิ้งไว้อย่างระเกะระกะและนับวันจะหมักหมมทับถมทวีขึ้นทุกที ๆ ไม่เพียงแต่เท่านั้น  แต่ละบ้านที่มีรั้วติดกับสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น  ก็ขาดความรับผิดชอบ  เห็นสถานที่สาธารณะมิใช่เป็นสมบัติส่วนตน  จึงโยนขยะ  สิ่งปฎิกูล  ข้าวของที่ไม่ใช้แล้วตลอดจนของมีคม  ข้ามกำแพงบ้านของตน  โดยไม่สนใจว่ากาลเวลาข้างหน้า  จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตามมา  ถนนหนทาง  ท่อระบายน้ำ  ลำคลองที่น้ำไหลผ่านผู้คนในหมู่บ้านก็ทิ้งขยะไม่เว้นแต่ละวัน  เพราะต่างคนต่างคิดว่าเป็นเรื่องไม่เป็นไร  ขอเพียงให้ภายในบ้านของตนสะอาดก็เพียงพอแล้ว

เวลาผ่านไป  สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่นก็เต็มไปด้วยขยะกองสุม  จึงเป็นแหล่งชุมชนของฝูงหนูสกปรก  แมลงวัน  สุนัขพเนจร  พร้อมทั้งส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ถนนหนทางก็รกรุงรัง  ฝาท่อระบายน้ำก็ชำรุด  น้ำในคลองที่เคยใสสะอาดก็ขุ่นคล้ำตื้นเขิน  แม้จะมีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาดก็ไม่สามารถเอาชนะกองทัพขยะ  และความไม่รับผิดชอบของคนในหมู่บ้านได้ ในขณะเดียวกัน  คนในหมู่บ้านต่างก็แก้ปัญหากันที่ปลายเหตุหรือไม่ก็แก้ปัญหาแบบเอาตัวรอดไปวัน ๆ หนึ่ง “โอ๊ย...เหม็นกองขยะจนทนไม่ไหวแล้ว” “ไม่เป็นไร  เรื่องเล็ก พรุ่งนี้พ่อจะซื้อเครื่องปรับอากาศมาติด” “แล้วพวกหนู  แมลงสาบ  แมลงวัน  ที่เข้ามาเพ่นพ่านในครัวละพ่อ”

“ไม่เป็นไร  เรื่องเล็ก  พรุ่งนี้จะซื้อยาเบื่อหนูกับยาฆ่าแมลงมาปราบ” เป็นเรื่องโชคร้ายจริง ๆ  ที่ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็คิดคล้าย ๆ  กันไม่นาน  ก็เริ่มมีเด็กและผู้ใหญ่ได้รับบาดเจ็บ  เพราะเหยียบของมีคมป่วยไข้เพราะมีพาหะนำโรค ต้องเสียเงินเสียทองรักษา   เสียเวลาทำมาหากินถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครสำนึกในความรับผิดที่ร่วมกันทำ ฤดูฝนมาถึง  เพียงฝนแรกที่ตกลงมา  น้ำก็ท่วมถนนหนทางในหมู่บ้าน  “ไม่เป็นไร”  เนื่องจากท่อระบายน้ำ  มีขยะอุดตัน  แต่ฝนก็ยังตกต่อไป ๆ ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ช้าก็เอ่อล้น  พัดพาเอาขยะที่แต่ละบ้านเคยทิ้งไว้  ไหลกลับเข้ามาในบ้านของผู้คนในหมู่บ้านเป็นเพ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อจะไปซื้ออิฐมาก่อกั้นทำนบ ซื้อเครื่องสูบน้ำออก เพียงแค่นี้  บ้านเราก็เอาตัวรอด” เป็นความคิดของคนในหมู่บ้านที่คิดคล้ายกันอีก แต่เป็นที่น่าเสียดาย  ที่สายฝนกระหน่ำมาไม่ยอมหยุด การแก้ปัญหาของแต่ละบ้านจึงไม่ทันกาลทุกบ้านจึงถูกน้ำท่วมเดือดร้อนระส่ำระสายไปถ้วนทั่ว

              ฝนตกเพียงครึ่งวัน แต่น้ำขังไปครึ่งเดือนเสมือนเป็นการตักเตือนผู้คนในหมู่บ้านที่ไร้ระเบียบ  มีนิสัยมักง่ายไม่รับผิดชอบ ต่อส่วนรวมอย่างรุนแรงซึ่งก็ได้ผล เมื่อทุกคนพบกับความหายนะ

อย่างหนัก หลังจากนั้น  “หมู่บ้านไม่เป็นไร” ก็เริ่มสะอาดสะอ้านและไม่มีใครมักง่าย  ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางดุจเดิมอีกต่อไป

   นายอรุณ    มณีน้อย

เขียนใน GotoKnow โดย 
 ใน >
คำสำคัญ (Tags): #kmanw
หมายเลขบันทึก: 356846เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2010 09:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2012 14:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท