กระรอกเก่งกระต่ายดี
จาก รางวัลชมเชยงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
ผู้แต่ง นางสาวลัดดา ภุชงค์ ,ripw klongluang patumtani 13180 วันที่ 14 ก.พ.2545
ชายป่าใกล้ทุ่งกว้างเวิ้งสุดสายตา คือแนวไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านและใบหนา จึงกลายเป็นร่มเงาอย่างดียามแสงแดดแผดจ้า เป็นที่หลบภัยในขณะมีพายุ และเป็นที่ ๆ มีบริเวณสำหรับอาบแดดรับไออุ่น เพื่อบรรเทาความหนาวเย็นในยามเช้า ดังนั้นจึงทำให้สัตว์ป่าทั้งหลาย ต่างอพยพมาพักอาศัยกันเป็นจำนวนมากมาย
ณ ที่นั้น ยังมีกระต่ายครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในบ้านโพรงไม้ โดยพ่อแม่กระต่ายครอบครัวนี้ ชอบกระทำแต่ความดี มีจิตใจเมตตาและช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากเสมอ “ลูกรัก จงจำไว้ว่า ค่าของคนอยู่ที่การกระทำความดีนะลูก” แม่กระต่ายกล่าวอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ลูกจะออกเดินทางไปโรงเรียนในช่วงปลายภาคเรียน บนคาคบไม้ ยังมีกระรอกอีกครอบครัวหนึ่ง ปลูกบ้านอาศัยอยู่ โดยพ่อแม่กระรอกครอบครัวนี้ มีความเฉลียวฉลาดมาก แต่ก็มีนิสัยชอบใช้ความฉลาดของตน คอยเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นตลอดเวลา“จำไว้นะลูก เรียนหนังสือให้เก่งเข้าไว้ อนาคตจะได้สดใส” พ่อแม่กระรอกปลูกฝังลูกทุกวันก่อนไปโรงเรียน ลูกกระต่ายกับลูกกระรอก มักจะออกจากบ้านเดินไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวันและทุกครั้งที่พบกัน ลูกกระรอกก็จะใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงว่าตนไม่สบาย เพื่อจะได้ขี่หลังลูกกระต่ายไปโรงเรียนเสมอวันนี้ก็เช่นกัน ลูกกระรอกแกล้งโอดครวญว่าปวดท้อง ลูกกระต่ายใจดี ฟังแล้วก็สงสาร จึงยอมให้ลูกกระรอกขี่หลังไปโรงเรียนอีกตามเคย ครั้นถึงโรงเรียน ลูกกระรอกก็กระโดดแผล็วลงจากหลังลูกกระต่าย แล้วเดินจากไป โดยไม่มีแม้แต่เอ่ยคำว่า“ขอบใจ” ส่วนลูกกระต่ายก็ไม่ว่าอะไร กลับดีใจเงียบ ๆ ที่ได้ช่วยแบกลูกกระรอกมาส่งถึงที่หมาย ตกเย็น
“ผลการเรียนเป็นอย่างไร สอบได้ที่เท่าไหร่” พ่อกระรอกถามลูก“ก็ที่หนึ่งอีกตามเคย เบื่อจริง ๆ ได้ที่หนึ่งติดต่อกันหลายครั้งแล้ว” พูดพลางยักไหล่ “แล้วไอ้ลูกกระต่ายในโพรงใต้ถุนบ้านเราล่ะ” แม่ถามบ้าง “สอบได้ที่สุดท้าย มันโง่จริง ๆ เมื่อสักครู่ ลูกแกล้งขาเจ็บมันยังแบกมาส่งจนถึงบ้าน
ทั้งพ่อแม่และลูก ต่างหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข ส่วนที่โพรงกระต่าย ในเวลาใกล้เคียงกัน“เป็นไงบ้างลูก ไปโรงเรียนวันนี้มีเรื่องอะไรเล่าให้แม่ฟังบ้างล่ะ” แม่กระต่ายถาม ซึ่งคำตอบของลูกกระต่าย นอกจากจะเล่าเรื่องที่ช่วยลูกกระรอก ทั้งขาไปและขากลับจากโรงเรียนแล้ว ก็ยังเล่าถึงเรื่องช่วยเพื่อน ๆ รดน้ำในแปลงผักอีกด้วย “ดีแล้วลูก แล้วผลการเรียนล่ะ” ผู้เป็นพ่อถามบ้าง
“ได้ที่สุดท้าย” ตอบพลางก้มหน้าและตาเศร้า“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิลูกรัก เชื่อพ่อเถิด ลำดับที่สอบได้นั้นไม่ใช่ลำดับของความดีเลว” ผู้เป็นพ่อกล่าวปลอบใจ วันเวลาผ่านไป ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ลูกกระรอกมีเพื่อนน้อยลง ในขณะที่ลูกกระต่ายกลับมีเพื่อนมากขึ้น ๆ ถึงกระนั้นลูกกระต่ายก็รู้สึกหวั่นไหว ที่ผลการเรียนของตนไม่ดีขึ้นไปจากเดิม จนคุณครูช้างต้องกล่าวเตือนอยู่เสมอว่า หากปลายปีนี้สอบได้คะแนนไม่ดีขึ้น จะต้องตกซ้ำชั้นแน่นอน “ครูรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี แต่ความดีมีคะแนนให้ไม่มากนัก หวังว่าเธอคงจะเข้าใจนะ” ครูช้างพูดอย่างเห็นใจ แล้วเวลายามเย็นก็มาถึง ลูกกระต่ายกับลูกกระรอก ก็เดินทางกลับบ้านเหมือนเช่นทุกวัน ต่างกันแต่ว่า เย็นวันนี้ ลูกสัตว์ทั้งสองต่างมีใบหน้าที่เศร้าซึมปาน ๆ กัน “ฉันอยากเป็นคนดีอย่างเธอ จะได้มีเพื่อนเล่นมาก ๆ” ลูกกระรอกสารภาพ“แต่ฉันอยากเรียนเก่งอย่างเธอ จะได้ไม่ต้องเรียนตกซ้ำชั้น” ลูกกระรอกเปิดเผยความในใจ
ทั้งสองปรับทุกข์กัน แล้วในที่สุดต่างก็ตกลงกันว่า ลูกกระต่ายจะช่วยสอนวิธีทำความดีให้ลูกกระรอก ส่วนลูกกระรอกจะสอนวิธีการเรียนหนังสือให้เก่งกับลูกกระต่ายเป็นการตอบแทน จากนั้นไม่นานลูกกระรอกผู้ว้าเหว่ก็มีเพื่อนมากขึ้น ในขณะที่ลูกกระต่ายก็เรียนหนังสือดีขึ้นกว่าเดิม
“ขอให้พวกเราจงจำไว้ว่า การเรียนเก่งอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่จะต้องเป็นคนดีด้วย จึงจะเป็นคนที่สมบูรณ์ และเช่นกัน การมีแต่ความดีโดยขาดความเก่ง ก็จะทำให้หนทางที่จะประสบกับความสำเร็จ ในอาชีพน้อยลง จึงขอให้พวกเราดูการปรับปรุงแก้ไขตนเอง ทั้งของลูกกระต่ายและลูกกระรอกเอาไว้ให้จงดี” ครูช้างพูดขึ้นในวันประกาศผลสอบว่า ทุกคนสอบได้ทั้งหมดซึ่งเพื่อน ๆ ต่างแสดงความดีใจ และปรบมือให้กับลูกกระต่ายกับลูกกระรอกด้วยความชื่นชม
นางทิพย์ผกา ทิพย์มณเฑียร
ไม่มีความเห็น