เครียด


เครียด

     ตื่นขึ้นมากลางดึก มองดูนาฬิกาบนหัวนอนที่ได้เป็นของขวัญจากการจับฉลากในวันปีใหม่แต่ดูท่าทางคนที่เป็นเจ้าของรางวัลไม่อยากให้เราได้ของ ๆ เขาสักเท่าไหร่ ตัวเราเองก็ไม่รู้ไปทำความลำบากใจให้เขาตั้งแต่เมื่อ  ไหร่ก็ไม่รู้เห็นท่าทางของเขาต่อเราทีไรเหมือนไม่ถูกกันมาแต่ชาติปางก่อน จนทำให้เราตอนแรกไม่คิดอะไร   จนปัจจุบันมันทนไม่ไหวซะแล้วที่อยากจะทำกิริยาที่เราไม่ชอบหน้าเขากลับไปเหมือนกัน แต่ความที่ต้องมีสิ่งที่ต้องเจอเขาในฐานะที่เขาอาวุโสกว่าผู้น้อยอย่างเราก็ต้องนอบน้อมแบบไทย ๆ ด้วยการไหว้ ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่และเราเองก็จะอยู่ไม่ได้ ซึ่งในอนาคตเราอาจจะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากเขา ซึ่งเราปฎิเสธไม่ได้ เพราะเบื้องบนหรือคนมีอำนาจสูงกว่าบงการอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่เบื้องบนผู้ซึ่งกำกับดูแลเราโดยเฉพาะเมื่อเจอหน้ากันทีไร ก็มองเราเหมือนกับว่าไม่ถูกกันมาแต่ชาติปากก่อนอีก แต่เขาไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกันแล้วทำหน้าบึ้งใส่เราทีเดียว ตอนที่เจอกันใหม่ ๆ เขาก็เอ็นดู และพูดดี พอกาลเวลาผ่านไป ก็เรียกไปด่ามากกว่าให้คำปรึกษาและแนะนำในฐานะผู้ต้องการให้ความรู้และเราคือผู้ได้รับความรู้เลย แสดงว่าต้องเกิดจากตัวเราเองเป็นแน่ อีกคนก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสำคัญกำหนดฃะตาชีวิตเหมือนกันถ้าพลาดอาจจะต้องออกจากการปฎิบัติภาระกิจครั้งนี้ได้ เธอคนนี้มีความสำคัญรองลงมาแต่ก็เป็นหัวหน้าฝ่ายที่ข้าพเจ้ากำลังปฎิบัติภาระกิจอยู่ ซึ่งเธอก็ได้มีพฤติกรรมที่น่าเกรงขามมาก จากปากคำที่รุ่นพี่เล่าให้ฟังว่าเธอด่า ๆ  ๆ และด่า เธอด่าได้ถึงอารมณ์ของเธอมาก ถึงแม้จะไม่ถึงโครตที่โชคดีของเรา แต่ก็ทำเอาเวลาเราโดน ด่า ก็กลับไปร้องไห้ให้อีกคนฟัง อีกคนนั้นก็ไม่ใช่ย่อย เรานึกว่าเป็นรุ่นพี่ที่แสนดีกลับเอาความต่าง ๆ ที่เราไปปรึกษาไปพูดอีก กลับทำให้คนที่มีความสำคัญรองลงมานั้นมีความรู้สึกอคติต่อเราแบบไม่มีทางลบล้างไปได้  ความที่เราทำให้เธอโกรธแล้วเราโดนด่าตอนแรกนั้นเรายอมรับผิด แต่เมื่อครั้งถัดมาเมื่อเธออคติกับเราแล้วก็ไม่มีวันจะดีได้ ก็ถูกแกล้งมาตลอดทั้ง ๆ ที่เราไม่ผิดแต่ก็ต้องโดนด่าแถมด่าต่อหน้าคนมากมาย อย่างรุนแรง และพูดจาถากถาง ต่อหน้าคนอื่นตลอดเวลาถ้ามีโอกาส เรานี่ก็ต้องยอมรับการกระทำนั้นไม่ได้ยอมรับว่าเราเป็นอย่างนั้นแต่ต้องยอมรับไม่โต้ตอบเพราะเราอยู่ในฐานะต่ำต้อยกว่า ถ้าทำอะไรเกินเลยไปอาจจะต้องโดนครหา แปลกที่เพื่อนที่คิดว่าสนิทก็เปลี่ยนไป ไม่ได้มีความเป็นเพื่อนแท้เพราะเขาไม่ได้ช่วยเหลือตอบแทนกันบ้างในยามที่เพื่อนต้องการความช่วยเหลือ เราไม่ได้ทำดีเพราะอยากได้รับสิ่งตอบแทนแต่ว่าคนเราก็ต้องพึ่งพาคนอื่น และในฐานะที่อายุไร่เรี่ยกันควรที่จะช่วยเหลือพึ่งพากันถ้าเป็นไปได้ แต่นี่มีแต่ความอิจฉาตาร้อน เห็นใครดีกว่าตัวเองไม่ได้ต้องข่มและหาทางกำจัดเสี้ยนหนาม  ในเรื่องของความรักไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเกิดกับใครแล้วถ้ามัน sweet ก็ดีไปแต่ถ้าเกิดความอิจฉาตาร้อนก็น่ากลัวเหลือเกิน เราไม่ได้รักใคร ในที่นี้หมายถึงรักแบบแฟน หรือคนรักกับใครเลยในกลุ่มเพื่อน พอเขาเป็นแฟนกัน เขาก็จับคู่กัน เราในฐานะคนนอกก็เฉย ๆ และไม่พยายามเข้าไปยุ่งด้วย และพยายามตีตัวออกห่างไปให้ไกล ๆ เจอกันให้น้อยที่สุด กลับถูกมองว่าชอบเขาของเธอหรือเปล่าเลยทำตัวแปลกไป ก็ฉันทำตัวแปลกไปเพราะนิสัยไม่ใช่เพื่อนของเธอต่อเราต่างหากไม่ใช่เพราะโกรธเธอในเรื่องชอบเขาของเธอหรอกนะ ทำไมคนที่ทำอะไรผิดมักไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด ดังสุภาษิตที่ว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว จะได้ไหมนะ

      ทุกวันนี้เดินไปไหนในที่ปฎิบัติภาระกิจจะต้องเจอคนที่ไม่อยากไหว้เลย พอไม่ไหว้เขาก็จะมาทำตามองไม่ดีใส่ให้เราไหว้เขาให้ได้เราก็ต้องทำตามนั้น ไม่เฉพาะแต่สถานที่ปฎิบัติภาระกิจของข้าพเจ้าเท่านั้น ในชนบทซึ่งรุ่นพี่บางคนซึ่งเป็นคนที่เคยว่าเราว่านกสองหัว หาว่าเราชอบเอาความข้างนี้ไปบอกอีกพวกหนึ่งเสมอ และชอบพูดให้เราได้ยินอยู่เสมอว่าพูดอะไรให้ระวังนะมีคนคอยเอาเรื่องไปพูด อยู่ตลอดเวลา รุ่นพี่คนนี้เขาไม่อยากให้ใช้คำว่าชนบทเพราะเขาเป็นคนเกิดที่ชนบทเป็นการตอกย้ำถิ่นกำเนิดเขาหรือ คำว่าชนบทไม่ได้สิ่งที่ไม่ดีสักหน่อย ไม่ได้แสดงถึงว่าคนที่มาจากสิ่งที่เรียกว่าชนบทแล้วจะผิดปกติแต่เขาคิดไปอีกแบบ เขาให้เราใช้คำว่า ต่างจังหวัด เขาคงคิดว่าคำนี้ก็มีความเจริญเหมือนกรุงเทพฯ แต่ว่าอยู่ต่างพื้นที่ออกไปจากกรุงเทพ ฯ เท่านั้นหรือ อาจจะเป็นเพราะความเจริญแน่ที่เขากลัวว่าเขาจะเป็นคนแห่งความไม่เจริญทางวัตถุ โดยไม่กลัวว่าจะเป็นคนที่ไม่เจริญทางจิตใจ   ในต่างจังหวัดเรียกตามรุ่นพี่เขาก็ได้ เราชอบมาก แต่ไม่เรียกดีกว่า ชนบท ฟังดูได้กลิ่นดินเย็น ๆ ตอนดินชุ่มไปด้วยน้ำ ดินเรียบ ๆ เราจะถอดรองเท้าเดินสบายเท้ามากเลย วิ่งไปมาไม่เจ็บเท้าด้วยแต่ต้องเป็นดินละเอียดเรียบ ๆ เช่นดินใต้ถุนบ้าน บ้านไม้มีร่องเวลาเดินตอนกลางคืนเสียวคิดภาพว่าอาจจะมีใครอยู่ใต้ถุนที่เราเดินและเขาอาจจทำมิดีมิร้ายได้ แต่ก็ตื่นเต้นดี ตอนเช้าขี่จักรยานเล่นตามถนนที่รถน้อยคันจะวิ่งผ่าน ถ้าเป็นหน้าหนาวก็จะมีหมอก เวลาขี่ผ่านหมอกเหมือนได้อบไอน้ำเย็น ๆ ที่หน้า ประกอบกับคนก็อัธยาศรัยดี รอพระสงฆ์บิณฑบาต นั่นเป็นเพียงกว่าทศวรรษได้ที่ได้เก็บสิ่งเหล่านั้นในความทรงจำ รอวันแตกดับไปเมื่อหมดลมหายใจ ปัจจุบันเราคงไม่ได้เจอบรรยากาศอย่างนั้นได้อีก เพราะเหตุทางวัตถุ วัตถุ คำนี้จริง ๆ นะ เขาวัดคนกันที่สิ่งนั้น เรายอมรับว่าตอนเด็กนั้นครอบครัวเราพอจะมีเงินแต่ไม่ถึงกับรวยอะไร แต่เราไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้เขาดีกับเราอย่างนั้น พอโตขึ้นมาถึงเข้าใจ เพราะน้อง หรือ ในฐานะหลานตามเครือญาติ ด่าเราว่าขอให้เขาได้มีโอกาสรวยบ้าง และได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำในตอนเด็ก ๆ เขาอิจฉาเรามาก ขอให้เขาได้ใช้ความมีเงินของเขาในปัจจุบันมีอำนาจเหนือคนอื่นบ้าง ทำไมการกลับตาลปัตรก็ไม่รู้ ทำไมเขาไม่มีความหักห้ามใจเรื่องอาวุโสกับต่ำต้อยกว่าที่เราคิดอยู่ในความคิดเขาบ้าง เราไม่เคยข่มขี่เขาเลยจริง ๆ นะในตอนเด็กนั้นสาบานได้ ไม่เฉพาะแต่หลานคนนี้หรอกญาติทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อยก็ปฎิบัติต่อเราเปลี่ยนไป เหมือนเขากระทำการแก้แค้นเรายังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก ไม่ได้อยากให้เขาทำดีต่อเราเพื่อหวังอะไรจากเราแต่อยากให้เขาทำดีต่อเราเพราะเป็นเรา และทำเหมือนเดิม เขาคงเป็นเพราะเขามีวัตถุมากมายที่เขามองว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นวัตถุเป็นเครื่องวัดว่าเขาเหนือกว่าคนอื่น อยากบอกว่าทุกคนเท่าเทียมกัน เราคิดเสมอว่าเอาไปเถอะสิ่งที่เขาอยากได้อยากมีแต่เขาจะได้ในปัจจุบันที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น พอหมดลมหายใจทุกอย่างเขาก็นำติดตัวไปไม่ได้ ช่างเถอะเหลือไว้แค่อโหสิกรรมนะ เท่านั้น

     เรื่องเครียดนี้เกิดกับเราตลอดเวลาตั้งแต่เด็กโดนแกล้งนานาสารพัด อาจจะดูเป็นเด็กอ่อนแอหรือไร ไม่นะตัวก็โตเป็นถึงนักวอลเลห์บอลของโรงเรียน แต่พอไปแข่งที่จังหวัดเราอยู่หลังสุดติดเส้น ลูกบอลมาแรง เราคิดว่าอาจจะออกได้แต่ก็พยายามจะรับแต่มีเสียงเชียร์จากผู้ใหญ่ข้างหลังปรารถนาดีว่าลูกออก เราก็โดยฉับพลันปล่อยลูกบอลลงพื้นตามองตามลูกแต่ทำไมมันลงพื้นในเขตเราทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้คะแนนก็ไม่รู้ แต่จำได้อีกว่าเราไม่ได้หันไปมองคนพูดว่าเขาเป็นใครหรอกคิดว่าตัวเองทำผิดอย่างร้ายแรงเสียมากกว่า จำได้ตอนที่เรียนวิชาเกษตร อาจารย์ให้เราถอนต้นหญ้า เราก็โดนดุอีกว่า เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ก็ยอมรับพร้อมอายเพื่อน ๆ มาก เราคิดว่าตอนนั้นเราทำดีที่สุดแล้ว  แต่ที่เสียใจมาก ๆ ไม่ได้เสียใจตัวเองแต่เสียใจแทนพ่อกับแม่มากกว่า ก็ในขณะที่พ่อกับแม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งที่โรงเรียนกลับโดนเขาตะโกนว่า ว่าเด็กอ่อนแอตลอดทางเลย อายแทนพ่อแม่จริง ๆ ตอนนั้น แต่ไม่เห็นท่านรู้สึกแสดงทางสีหน้าหรือพูดกับเราว่าอย่างไรเลย แถมยังดูแลเราอย่างดีอีก พอเราอยู่มัธยมก็โดนอาจารย์คนหนึ่งเวลาเดินผ่านห้องที่เราเรียนอยู่ บังเอิญที่ที่เรานั่งก็ติดกับประตู อาจารย์ชายคนนี้ก็มักจะเอาไม้มาตีหัวข้าพเจ้าเสมอ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรได้แต่แปลกใจว่าทำไมต้องตีด้วยเพื่อน ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ก็บอกว่าสงสารเรา แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไรโดนตีทุกครั้งที่เขาเดินผ่าน จนย้ายชั้นและย้ายห้องเรียนนั่นแหละถึงไม่ได้เจอการกระทำของครูคนนั้นอีก ปัจจุบันก็คิดว่าเป็นการทารุณกรรมเด็กเหมือนกันนะ อยู่มหาวิทยาลัยก็มีความสุขอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเจอปากการแทะโลมอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งความแตกต่างระหว่างคนที่แบ่งพรรคแบ่งพวก เราไม่อยากอยู่ฝ่ายไหนเลยคบได้กับทุกคนก็ถูกมองว่าเป็นนกสองหัว บางทีคิดได้ว่าเราอาจจะมองคนอื่นมากไปลืมมองตัวเอง ซึ่งคนแบบนี้แหละน่ากำจัดไปของสังคม ที่เป็นไปตามการคัดเลือกการอยู่รอดทางธรรมชาติ คนที่แกร่งเท่านั้นจะอยู่ได้ โดยไม่คิดถึงจิตใจ สงครามโลกจึงเกิดขึ้นตั้งสองครั้ง

 

คำสำคัญ (Tags): #เครียด
หมายเลขบันทึก: 356207เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2010 13:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:59 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท