สังคมไทยเราเป็นแบบไหน


ในห้องเรียน เหนือกระดานดำ

    บ้านเรา ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศเรา  เป็นแบบไหน  แล้วในภูมิภาคที่เราอยู่อีกล่ะ เราเป็นแบบไหน  ยิ่งในสังคมโลกหลาย ๆ ประเทศ ทวีป แล้ว  ประเทศไทยเรา  ปรากฏในความคิดคนไทยเราในแบบไหน   ไม่ต้องถามต่างชาติว่าเขามองประเทศเรายังไง   ถ้าเรายังตอบคำถามข้างต้นไม่ได้    ก็คงไม่ต้องไปหวังว่า  ใคร ๆ จะรู้จักเราในแบบที่เราคาดหวังต่าง ๆ นานา

    บ้านผมที่เติบโตมา  เราผูกพันในหมู่เครือญาติ ใช้ชีวิตใกล้ชิดกันเป็นครอบครัวใหญ่ แม้จะแยกเรือนออกเป็นครอบครัวเดี่ยว  แต่ด้วยกิจกรรมทางการเกษตรก็ทำให้พวกเราเกี่ยวข้องสัมพันธ์  ไม่เฉพาะในหมู่ญาติพี่น้อง  แต่เพื่อนบ้าน ก็ผูกพันคล้ายเป็นญาติ  ดูแลช่วยเหลือกันตามอัตภาพ
    ยายผมซึ่งนอกจากเป็นแม่ของแม่ ของป้า น้า  ก็ยังเป็นพี่ ของยาย ของตา  และเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าเพื่อนบ้าน เป็นผู้นำในบ้านในระแวกบ้าน  ในหมู่บ้าน คนหนึ่ง
    ผมได้ไปวัดประจำหมู่บ้านอยู่บ่อย ๆ รู้จัก เคารพนับถือ หลวงพ่อ อาจารย์เจ้าอาวาส คุ้นเคยกับโบสถ์ ศาลา  ลานวัด เป็นอย่างดี  จำบทสวดมนต์ตอนพระสวดก่อนตักบาตรเช้า  ก่อนฉัน และกรวดน้ำให้พร  ได้คล่อง
    ที่บ้านยายมีรูปพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ ๑ ถึง ๙ ติดเรียงกัน อยู่ด้านบนสุด ต้องเงยหน้าดูจนเมื่อยคอ ผมเคยถามยาย ป้า น้าในบ้าน ว่ารูปใคร ได้รับคำตอบว่ารูปพระเจ้าแผ่นดิน ให้ผมไหว้เคารพ
     ที่โรงเรียนในห้องเรียน  เหนือกระดานดำ คุณครูให้ท่อง วลี "ชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์" จนติดปาก มีคำปฏิญาณอีกมากมายตามมา ล้วน มีประโยคว่า "เราคนไทย ใจกตัญญู รู้คุณชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์"  "เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา  พระมหากษัตริย์"  เรื่องราวของชาติประเทศ  คุณครูผมถ่ายทอดให้รับรู้รับฟังอยู่เสมอ  ผมร้องเพลงอยุทธยาเมืองเก่า และเพลงศึกบางระจัน  ได้ตั้งแต่อยู่ ป.๑ เราร้องเพลงชาติ ตอนเช้าเคารพธงชาติ สวดมนต์เช้า  และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วสวดมนต์พร้อมระลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ตอนเย็น ก่อนกลับบ้าน   ทุกเย็นวันศุกร์พวกเราต้องเข้าห้องสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ จนหลับก่อนจะกลับบ้าน
        ผมไม่รู้สึกว่าเราถูกบังคับขู่เข็ญให้ ระลึกถึงบุญคุณชาติ   ศาสนาและพระมหากษัตริย์  ผมรู้สึกภาคภูมิใจ  และแน่ใจที่จะกล่าวถึงว่าบ้านเราเป็นแบบไหน  เพราะภาพในอดีตเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นในมโนสำนึก  แล้วมีคำอธิบายพลั่งพลูเป็นเรื่องราวของประเทศไทย สังคมไทยที่ผมเข้าใจ รู้จักมานาน....

 

                   

หมายเลขบันทึก: 355431เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2010 22:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ยามนี้บ้านเมืองแตกแยก เพราะเรามักฟังความข้างเดียว

ตอนนี้ไม่รู้ด้วยว่าทะเลาะกันด้วยเหตุใด ทำไมต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามเราถึงตาย ทำให้เรากลายเป็นชาติที่ไม่มีเหตุและผลในสายตาคนต่างชาติ ฝากเพลงนี้ให้ทุกคนค่ะ

 เพลงตื่นเถิดชาวไทย   เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง "ศึกถลาง" เมื่อ พ.ศ. 2480 ประพันธ์คำร้องโดยหลวงวิจิตรวาทการ

ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง

ชาติจะเรืองดำรง ก็เพราะเราทั้งหลาย

ถ้ามัวหลับมัวหลง เราก็คงมลาย

เราต้องเร่งขวนขวาย ตื่นเถิดชาวไทย

บ้านเมือง ยามเฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง ก็อย่าลืมขวนขวาย

เผลอตัวศึกมา เราจะพากันตาย

จำไว้เถอะสหาย ตื่นเถิดชาวไทย

 

ชาติไทย เราไม่น้อมยอมใคร จะสู้จนชีพสลาย

หวังผดุงแหลมทอง เราพี่น้องหญิงชาย

อย่าให้ชาติสูญหาย ตื่นเถิดชาวไทย

คิดประเด็นนี้เช่นกันค่ะน้อง superman

รัฐต้องเร่งสร้าง แสดงความรับผิดชอบ และสร้างความสามัคคี รวมไทยให้เป็นหนึ่งเดียว จะได้ ด้วยสิ่งใด นั้น ก็ต้อง ... ไม้นวม ไม้อ่อน ก็ไม่อยากให้รัฐ ประมาท เกรงสงครามเย็นระหว่างกันจะปะทุและลุกฮือขึ้นอีก

รัฐ ต้องเด็ดขาด ผู้นำชุมชน และผู้มีอิทธิพลต่อมุมความคิด ทั้งหลาย ต้องร่วมแสดงบทบาทค่ะ เราประมาทกันมานานแล้ว ในขณะที่ผู้ประสงค์ร้าย เค้าวางแผน มุ่งมั่น อย่างแยบยล จริงจัง มายาวนานแล้ว น่ากลัวจริงๆ ค่ะ

หากจะต้องมาช่วยกัน สร้างรัฐนิยม หรือ ชาตินิยม ฟื้นฟู จารีตประเพณี ทัศนคติ ใหม่ๆ ที่จะส่งผลดีต่อชาติบ้านเมือง ผ่านสื่อต่างๆ กันอีก ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท