งานของฉัน


 “งานของฉัน”

         

          งานของฉันเริ่มขึ้นใน...............โรงเรียน

          “โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆก็ไม่ซุกซน พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน" นี่คงเป็นเพลงที่ไม่ว่าฉันหรือใครต่างก็เคยร้องและได้ยินได้ฟังมานาน แต่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าใครแต่งเนื้อร้องและทำนอง ทราบแต่เพียงว่าเพลงนี้คงสะท้อนสภาพในโรงเรียนนี้เป็นอย่างดี แต่คงใช้ไม่ได้กับโรงเรียนฉันทั้งหมด เพราะหากเปลี่ยนเนื้อร้องมาเป็นโรงเรียนฉันก็จะร้องว่า “โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูดุแทบจะทุกคน (ดุเป็นส่วนมากถึง 97%)  เด็กๆก็เล่นซุกซน (ตั้งแต่อนุบาลยันมัธยมปลาย) พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน (แต่ไม่ค่อยชอบเรียน)” แต่ฉันก็คิดเสมอว่า “คุณครูดุ คือ ครูที่ใส่ใจนักเรียน” “เด็กซน คือ เด็กฉลาด”  และ “เด็กไม่ชอบเรียน คือ เด็กกิจกรรม” เด็กนักเรียนโรงเรียนฉันส่วนใหญ่เป็นเด็กทำกิจกรรมเช่น วงโยธวาทิต แอโรบิกแดนซ์ ดนตรีไทย กรีฑา เป็นต้น ซึ่งเมื่อพูดถึงกิจกรรม ยอมรับว่าโรงเรียนนี้กิจกรรมเด่นจริงๆ  และเด็กๆก็ได้รับรางวัลจากการทุ่มเทอย่างมากมาย

          ฉันเริ่มเข้าทำงานในโรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ ตำแหน่งครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2552  เหตุที่ฉันได้มาทำงานที่นี่ก็เนื่องจากว่า ตอนนั้นมีตำแหน่งครูวิทยาศาสตร์ว่างพอดี และฉันก็เพิ่งสอบวิทยานิพนธ์จบ ผ่านมาได้สัก 2 สัปดาห์ จึงเป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับที่แฟนฉันเข้าไปเป็นครูที่นั่น และเห็นป้ายติดรับสมัครครูวิทยาศาสตร์  วันแรกที่ฉันไปถึงโรงเรียนอันดับแรกก็คือ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียน และขอว่าถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงขอให้ได้ทำงานที่นี่  และคำขอก็เป็นจริง วันนี้นับว่าเป็นวันที่โชคดีมากที่ทางโรงเรียนรับฉันเข้าทำงาน โดยไม่ต้องมีการสาธิตการสอน แค่เข้าไปสัมภาษณ์เขาก็บอกกับฉันว่า แม้ฉันไม่มีวุฒิครูแต่ก็จะรับไว้เพราะฉันเรียนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและจบโทมาด้วย  ทางหัวหน้ากลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ผู้ใจดี ก็เขียนรายงานผู้อำนวยการโรงเรียนไปว่าฉันกำลังเรียนวุฒิครูอยู่  ทั้งๆที่ตอนนั้นฉันไม่ได้เรียนวุฒิครูเลย ฉันรู้สึกขอบคุณพี่เขาคนนี้มาก และฉันจะตั้งใจเรียนให้ได้วุฒิครูเพื่อไม่ให้เขาผิดหวัง

          โรงเรียนแห่งนี้เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่อบอุ่นมาก ฉันแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีที่ทำงานแบบนี้ ที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เพราะหากที่บ้านของครูท่านใดมีงานมงคลและอวมงคล ทางโรงเรียนจะจัดครูไปร่วมงานแล้วแต่เห็นสมควร ทางโรงเรียนใส่ใจทุกอย่าง นับได้ว่าฉันเลือกไม่ผิดจริงๆที่มาทำงานที่นี่เป็นที่แรก และรู้สึกประทับใจเด็กนักเรียนที่ให้การต้อนรับฉันเป็นอย่างดีพวกเขาบอกว่า ฉันไม่ดุเลยก็เลยเรียกฉันว่า “ครูใจดี”  และประกอบกับการที่ฉันด่าใครไม่เป็น เสียงก็เบา ก็เลยมีเด็กอีกกลุ่มเรียกฉันว่า “ครูเสียงน้อย”  เวลาฉันอยู่เวรจะมีเด็กวิ่งมากอดและมาห้อมล้อมจนฉันต้องถูกฝ่ายปกครองดุ

          มีวันหนึ่งที่ฉันสอนพวกเขาจนถึงใกล้จะสอบปลายภาค ช่วงนั้นจะมีครูมานิเทศการสอน เด็กๆคงรู้ดีว่าจะมีครูมานิเทศการสอนของฉัน เพราะพวกเขาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่อนุบาลกันทั้งนั้น ส่วนฉันเองเพิ่งมาเป็นครูใหม่ก็เลยไม่รู้ อาศัยก็แต่เด็กๆ ก่อนวันที่จะมีการนิเทศการสอนเด็กบางคนก็มาบอกฉันว่า “คุณครูต้องดุๆนะคะเด็กจะได้กลัว”  “ครูตี....เลยค่ะเด็กจะได้กลัว” (ฉันคิดในใจว่า สงสัยนักเรียนโรงเรียนนี้จะซาดิส) ผมว่าครูจะต้องโดนประเมินว่าคุมเด็กไม่อยู่แน่เลยครับ” ฉันก็เลยตอบว่า “ครูจะนำไปปรับปรุงค่ะ” หลังจากนั้นฉันก็ยึดหลักไม้เรียวสร้างชาติ แต่ก็ไม่เป็นผลเด็กเหล่านี้ต้องใช้หลักจิตวิทยา ชมบ่อยๆ และหาเรื่องเล่าที่สอนใจเด็กเข้ามาแทรกในเนื้อหา  แต่ก็นั่นแหละค่ะ ทำให้ฉันลำบากขึ้นอีกเพราะต้องหาเรื่องหลายเรื่องมาคุยในชั้นเรียน และต้องหาเรื่องที่ไม่ซ้ำกันมาทุกวัน ไม่ว่าจะข่าว นิทานชาดก โดยเฉพาะเรื่องผี มนุษย์ต่างดาว เรื่องลี้ลับต่างๆ การทำมัมมี่ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เป็นต้น เพราะฉันต้องเจอเด็กกลุ่มนี้ทั้ง 4 วันในหนึ่งสัปดาห์ และเป็นเด็กชั้นป.5 ที่มีสมาธิสั้น ถ้าเป็นเรื่องไหนที่เด็กๆรู้ก็จะคุยแข่งกับครู จนคุมชั้นเรียนไม่อยู่อีกตามเคย ฉันจึงหาทางเลือกใหม่โดยการไปปรึกษาครูอาวุโส ซึ่งท่านก็ให้คำแนะนำเป็นอย่างดี 

          ถึงช่วงเรียน Summer ฉันเองได้สอนมัธยมชั้นปีที่ 4 ไม่ได้สอนประถมอีกแล้ว และเป็นครูประจำชั้น ม.4/3 ซึ่งเป็นเด็กสายศิลป์-คำนวณ  เด็กส่วนใหญ่มีปัญหาเรียนอ่อน บางกลุ่มเป็นเด็กกิจกรรม บางกลุ่มมีปัญหาครอบครัว ระหว่างที่เป็นครูประจำชั้น Summer เด็กเหล่านี้มักจะนำเรื่องวุ่นๆมาเสมอ แต่ฉันจะค่อยๆพูดกับพวกเขา ทำความสนิทสนมคุ้นเคย จนเขากล้าที่จะเปิดใจและร่วมกันแก้ปัญหา พวกเขาขอร้องให้ฉันเป็นครูประจำชั้นจริงๆตอนเปิดเทอม  แต่ฉันไม่สามารถรับปากได้เพราะทางฝ่ายวิชาการของโรงเรียนเป็นผู้จัด  และมาวันนี้ฉันได้รู้ว่าความหวังเล็กๆของพวกเขาต้องผิดหวังไปตามๆกัน เพราะฉันได้เป็นครูประจำชั้น ม.1/2 และได้สอน ม.1 ทั้งหมดถึง 8 ห้อง ป.6 อีก 4 ห้อง  ซึ่งเด็ก ป.6 ของเทอมนี้ ก็เป็นเด็ก ป.5 ที่ฉันเคยสอนและได้เลื่อนชั้นขึ้นมา (โอ้ว....วววว....ลิงฝูงเดิม) แต่ฉันก็หวังว่าเมื่อพวกเขามีปัญหาฉันจะเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่ฉันจะช่วยได้ และจะคอยพูดให้กำลังใจพวกเขาเสมอ...นักเรียนที่ฉันรัก

หมายเลขบันทึก: 354957เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2010 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 22:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นิยามครูลักษณะต่าง ๆ กำลังเป็น "สัจธรรม" ครับ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท