เช้าวันอากาศสดใส มีผู้คนมากมายมารอหน้าห้องตรวจ ส่วนใหญ่เป็นคนไข้เดิมที่นัดเอาไว้ เก้าอี้ที่จัดไว้หน้าห้องตรวจดูแน่นไปถนัดตา จนคุณยายที่นั่งรออยู่บนรถเข็นต้องหลบไปอยู่อีกมุม มีใครหลายคนเริ่มนั่งไม่ติด คำถามสุดหิตติดอันดับ ที่ทำให้ฉันปวดร้าวหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน
เพราะฉันไม่สามารถที่จะหาคำตอบที่ถูกใจแฟนคลับได้ดีไปกว่า
กลุ่มที่ดูจะใจจดจ่ออยู่กับการเรียกชื่อพอๆกับการรอลุ้นรางวัลคงหนีไม่พ้นกลุ่มผู้ปกครองเด็ก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น ซึ่งจะดูแลยากพอๆกับกลุ่มที่ขาดสุรา เนื่องจากมีอาการ
“โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง มันเป็นคือโซ่บ่เค่ง มันเป็นวิน วิน เซง เซง ”
“จังซี่มันต้องถอน จังซี่มันต้องถอน”
จะมีก็แต่เพียงชายหนุ่มรูปงาม ซึ่งดูแล้วก็ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นๆ หน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ ประกอบกับผิวขาวสูงราว 180 เสื้อเข้าข้างใน แต่งตัวดูภูมิฐาน ฉันคิดในใจว่าคงเป็น “Sale man” ใหม่ดูไม่คุ้นตา หลังจากที่คิดอยู่ได้สักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะถามเพื่อให้คลายสงสัย
“มาหาใครค่ะ”
“มาหาหมอครับ”
ในใจก็ยังคิดต่อว่าคนนี้มาแปลก มานั่งรอตั้งแต่เช้า ดูเอาการเอางานดี
“มาพบคุณหมอชื่ออะไรค่ะ”
“อ้อผมถูกส่งตัวเพื่อมารับการตรวจรักษาครับ”
ตกลงเป็นคนไข้หรือนี่ โอไม่น่าเชื่อ ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดที่ว่า “อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก”
นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาคำตอบ ภายใต้ใบหน้า แววตาซึ่งไม่ได้บ่งบอกถึงคนที่น่าจะมีปัญหาสุขภาพจิตของผู้ชายชื่อ “นิสิต” ดูเหมือนความอยากรู้อยากเห็นของฉันทำให้เขารู้ทัน มันคงเป็นน้ำเสียงสูงที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจประกอบกับท่าทางที่ไม่แน่ใจในคำพูดของเขา
“ พี่คงไม่คิดว่าผมเป็นคนป่วยซินะ ใครๆก็มักคิดเหมือนพี่แหละ”
พูดพร้อมยื่นใบส่งตัว คงอยากให้ฉันแน่ใจว่าป่วยจริงๆ ขณะที่อ่านในบันทึกใบส่งตัว ความคิดของฉันเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยมองว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หน้าตาคงเศร้าแววตาคงไร้แวว แล้วนี่อะไร หน้าตา ท่าทางอย่างนี้หรือที่ถูกส่งตัวเพื่อมารับการรักษาโรคซึมเศร้า
นิสิตเริ่มป่วยตั้งแต่สมัยยังเด็ก ด้วยอาการย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลที่มีชื่อแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นอาการของนิสิตก็ดีขึ้นตามลำดับ มีบางช่วงที่อาการป่วยดูเหมือนจะหายไปเลย นิสิตโชคดีที่มีพ่อแม่คอยเอาใจใส่และให้กำลังใจเขามาโดยตลอด แต่แล้วฝันร้ายก็มาเยือนนิสิตอีกครั้งเมื่อนิสิตเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเริ่มเบื่อ ทำอะไรก็ไม่สนุกเหมือนเดิม ไม่สามารถทำงานได้ดังที่ใจปรารถนา นิสิตรู้สึกว่าชีวิตมันไร้ค่า มันทรมานมากยิ่งกว่าการถูกจองจำในคุกเสียอีก มีบางครั้งที่นิสิตเบื่อสุดแสนจะทานทน จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้นิสิตพยายามที่จะปลิดชีวิตตัวเอง 2 ครั้ง 2ครา แต่ยมทูตก็ไม่ช่วยให้เขาได้สมปรารถนา
ถึงแม้นิสิตจะเล่าถึงความเบื่อเซ็ง แต่เขายังมีรอยยิ้มเจือปนอยู่บนใบหน้า ซึ่งทำให้ฉันอดที่จะถามไม่ได้ว่าตอนนี้นิสิตยังรู้สึกเบื่อเซ็งอยู่หรือเปล่า
“เบื่อครับขณะคุยกับพี่ผมยังรู้สึกเบื่อเลย”
ฉันแถบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าเขาจะเบื่อได้ขนาดนี้เพราะดูเขาพูดไปยิ้มไป นิสิตยังเล่าต่อถึงความพยายามที่จะหนีไปจากความเบื่อเซ็งที่เกาะกินหัวใจเขามานาน นิสิตได้หันไปพึ่งเหล้า บุหรี่ เพราะ คิดว่ามันคงจะช่วยเขาให้คลายความเบื่อเซ็งลงได้ ดื่มแล้วคงหลับสาย จะได้ไม่ต้องคิด แต่ก็ช่วยเขาได้แค่พริบตาเดียว พอหายเมา เขาก็ยังคงเบื่อและเซ็งเหมือนเดิม นิสิตเองก็เคยคิดจะเลิกแต่ก็เลิกไม่ได้สักที
“ผมก็รู้ว่ายิ่งดื่มยิ่งทำให้อาการแย่แต่ผมก็ไม่สามารถทิ้งเพื่อนคนนี้ของผมไปได้สักที”
จะว่าไปแล้วความเศร้าของชายหนุ่มรูปงามคนนี้ช่างแตกต่างจากหญิงสาวแววตาเศร้าที่ฉันเคยรู้จัก เพราะความเศร้าของผู้หญิงที่ชื่อว่า “น้ำตาล” จะฉายแววให้ใครต่อใครได้สัมผัสกับมัน ความเศร้าของเธอทำให้บรรยากาศหน้าห้องตรวจดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา ดูเธอเศร้าตั้งแต่รากจรดปลายผม เศร้าไปทุกอนุของร่างกายเลยที่เดียวก็ว่าได้ ไม่ว่าเธอจะพูด จะนั่ง จะเดินก็ดูมันเศร้าไปหมด น้ำตาลมักเล่าให้ฉันฟังเสมอถึงความไม่ยุติธรรมที่โลกมอบให้กับเธอ
“ดูซิทำกับฉันได้อย่างไร”
“ทำไมชีวิตฉันต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ”
“ยังงัยชีวิตฉันก็คงไม่ดีไปกว่านี้”
น้ำตาลมักแต่งกายด้วยโทนผ้าสีจืดชืด ผมเผาดูเธอจะไม่ได้ใส่ใจมันสักเท่าไร เธอปล่อยให้สภาพร่างกายเธอดูเหี่ยวเฉาพร้อมที่จะล่วงลงสู่พื้นดิน เหมือนต้นไม้ที่เจ้าของไม่ได้เอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน
จะว่าไปแล้วถึงแม้เขาทั้งสองจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่กลับมีลีลาความเศร้าที่แตกต่าง และความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ฉันได้เปลี่ยนความคิดจากที่เคยมองว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คงจะมีแววตาที่เศร้า ไม่สนใจร่างกาย แต่ไม่ใช่เลย คำพยากรณ์ดังกล่าวไม่เป็นจริงเสมอไป ถึงวันนี้จึงไม่อาจคาดเดาอะไรได้จากการดูเพียงภายนอก โดยไม่ได้ล้วงลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าการที่จะทำความรู้จักและเข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ่งนั้นไม่เป็นการง่ายหนัก เพราะคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และไม่อาจตัดสินคนเพียงดูรูปกายภายนอก คำกล่าวที่ว่า “อย่าตัดสินคนเพียงรูปกายภายนอก” ยังคงสามารถใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายน้องอ๋อยค่ะ
ขอบคุณบันทึกดีๆค่ะ
มุมมองทำให้มุมชีวิตแต่ละคนต่างกันนะค่ะ
ขอบคุณพี่ถาวรมากนะค่ะที่แวะมาทักทาย
สวัสดีค่ะ..คุณนิตยา..