ความเศร้าเธอ.........เขาช่างแตกต่าง


ความเศร้าเจ้าหายไปไหน

     ความเศร้า....เธอ...เขา..ช่างแตกต่าง

 

   เช้าวันอากาศสดใส มีผู้คนมากมายมารอหน้าห้องตรวจ ส่วนใหญ่เป็นคนไข้เดิมที่นัดเอาไว้  เก้าอี้ที่จัดไว้หน้าห้องตรวจดูแน่นไปถนัดตา จนคุณยายที่นั่งรออยู่บนรถเข็นต้องหลบไปอยู่อีกมุม  มีใครหลายคนเริ่มนั่งไม่ติด คำถามสุดหิตติดอันดับ ที่ทำให้ฉันปวดร้าวหัวใจทุกครั้งที่ได้ยิน

                “บัตรมาหรือยัง”

                “ต้องรออีกนานไหมถึงจะได้ตรวจ”

                “ใกล้ถึงคิวฉันหรือยัง”

                เพราะฉันไม่สามารถที่จะหาคำตอบที่ถูกใจแฟนคลับได้ดีไปกว่า

                “รอสักครูนะค่ะ เราส่งค้นประวัติอยู่”

                “รอสักครู่นะค่ะตอนนี้ถึงคิวที่ 3แล้วค่ะ”

                กลุ่มที่ดูจะใจจดจ่ออยู่กับการเรียกชื่อพอๆกับการรอลุ้นรางวัลคงหนีไม่พ้นกลุ่มผู้ปกครองเด็ก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น ซึ่งจะดูแลยากพอๆกับกลุ่มที่ขาดสุรา  เนื่องจากมีอาการ

 “โชงโล่งเซงเลง มันเป็น โซงโลงเซงเลง  มันเป็นคือโซ่บ่เค่ง มันเป็นวิน วิน เซง เซง ”

                “จังซี่มันต้องถอน จังซี่มันต้องถอน”

                 จะมีก็แต่เพียงชายหนุ่มรูปงาม  ซึ่งดูแล้วก็ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นๆ  หน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ ประกอบกับผิวขาวสูงราว 180  เสื้อเข้าข้างใน แต่งตัวดูภูมิฐาน ฉันคิดในใจว่าคงเป็น “Sale man” ใหม่ดูไม่คุ้นตา หลังจากที่คิดอยู่ได้สักพัก ก็อดไม่ได้ที่จะถามเพื่อให้คลายสงสัย 

                “มาหาใครค่ะ”

                “มาหาหมอครับ”

                ในใจก็ยังคิดต่อว่าคนนี้มาแปลก มานั่งรอตั้งแต่เช้า ดูเอาการเอางานดี

                “มาพบคุณหมอชื่ออะไรค่ะ”

                “อ้อผมถูกส่งตัวเพื่อมารับการตรวจรักษาครับ”

                 ตกลงเป็นคนไข้หรือนี่ โอไม่น่าเชื่อ ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดที่ว่า “อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก”

                นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาคำตอบ ภายใต้ใบหน้า แววตาซึ่งไม่ได้บ่งบอกถึงคนที่น่าจะมีปัญหาสุขภาพจิตของผู้ชายชื่อ “นิสิต”  ดูเหมือนความอยากรู้อยากเห็นของฉันทำให้เขารู้ทัน มันคงเป็นน้ำเสียงสูงที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจประกอบกับท่าทางที่ไม่แน่ใจในคำพูดของเขา 

                “ พี่คงไม่คิดว่าผมเป็นคนป่วยซินะ  ใครๆก็มักคิดเหมือนพี่แหละ”

                พูดพร้อมยื่นใบส่งตัว  คงอยากให้ฉันแน่ใจว่าป่วยจริงๆ ขณะที่อ่านในบันทึกใบส่งตัว ความคิดของฉันเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยมองว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หน้าตาคงเศร้าแววตาคงไร้แวว แล้วนี่อะไร หน้าตา ท่าทางอย่างนี้หรือที่ถูกส่งตัวเพื่อมารับการรักษาโรคซึมเศร้า  

                นิสิตเริ่มป่วยตั้งแต่สมัยยังเด็ก ด้วยอาการย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลที่มีชื่อแห่งหนึ่ง  หลังจากนั้นอาการของนิสิตก็ดีขึ้นตามลำดับ มีบางช่วงที่อาการป่วยดูเหมือนจะหายไปเลย นิสิตโชคดีที่มีพ่อแม่คอยเอาใจใส่และให้กำลังใจเขามาโดยตลอด  แต่แล้วฝันร้ายก็มาเยือนนิสิตอีกครั้งเมื่อนิสิตเรียนจบมหาวิทยาลัย  เขาเริ่มเบื่อ ทำอะไรก็ไม่สนุกเหมือนเดิม ไม่สามารถทำงานได้ดังที่ใจปรารถนา นิสิตรู้สึกว่าชีวิตมันไร้ค่า มันทรมานมากยิ่งกว่าการถูกจองจำในคุกเสียอีก มีบางครั้งที่นิสิตเบื่อสุดแสนจะทานทน จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ นี้เป็นเหตุผลที่ทำให้นิสิตพยายามที่จะปลิดชีวิตตัวเอง 2 ครั้ง 2ครา แต่ยมทูตก็ไม่ช่วยให้เขาได้สมปรารถนา 

                ถึงแม้นิสิตจะเล่าถึงความเบื่อเซ็ง แต่เขายังมีรอยยิ้มเจือปนอยู่บนใบหน้า ซึ่งทำให้ฉันอดที่จะถามไม่ได้ว่าตอนนี้นิสิตยังรู้สึกเบื่อเซ็งอยู่หรือเปล่า

                “เบื่อครับขณะคุยกับพี่ผมยังรู้สึกเบื่อเลย”

                ฉันแถบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าเขาจะเบื่อได้ขนาดนี้เพราะดูเขาพูดไปยิ้มไป นิสิตยังเล่าต่อถึงความพยายามที่จะหนีไปจากความเบื่อเซ็งที่เกาะกินหัวใจเขามานาน นิสิตได้หันไปพึ่งเหล้า บุหรี่ เพราะ คิดว่ามันคงจะช่วยเขาให้คลายความเบื่อเซ็งลงได้ ดื่มแล้วคงหลับสาย  จะได้ไม่ต้องคิด  แต่ก็ช่วยเขาได้แค่พริบตาเดียว พอหายเมา  เขาก็ยังคงเบื่อและเซ็งเหมือนเดิม นิสิตเองก็เคยคิดจะเลิกแต่ก็เลิกไม่ได้สักที

                 “ผมก็รู้ว่ายิ่งดื่มยิ่งทำให้อาการแย่แต่ผมก็ไม่สามารถทิ้งเพื่อนคนนี้ของผมไปได้สักที”

                จะว่าไปแล้วความเศร้าของชายหนุ่มรูปงามคนนี้ช่างแตกต่างจากหญิงสาวแววตาเศร้าที่ฉันเคยรู้จัก เพราะความเศร้าของผู้หญิงที่ชื่อว่า “น้ำตาล” จะฉายแววให้ใครต่อใครได้สัมผัสกับมัน ความเศร้าของเธอทำให้บรรยากาศหน้าห้องตรวจดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา ดูเธอเศร้าตั้งแต่รากจรดปลายผม เศร้าไปทุกอนุของร่างกายเลยที่เดียวก็ว่าได้ ไม่ว่าเธอจะพูด จะนั่ง จะเดินก็ดูมันเศร้าไปหมด น้ำตาลมักเล่าให้ฉันฟังเสมอถึงความไม่ยุติธรรมที่โลกมอบให้กับเธอ

 “ดูซิทำกับฉันได้อย่างไร”

 “ทำไมชีวิตฉันต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ”

 “ยังงัยชีวิตฉันก็คงไม่ดีไปกว่านี้”

                น้ำตาลมักแต่งกายด้วยโทนผ้าสีจืดชืด ผมเผาดูเธอจะไม่ได้ใส่ใจมันสักเท่าไร เธอปล่อยให้สภาพร่างกายเธอดูเหี่ยวเฉาพร้อมที่จะล่วงลงสู่พื้นดิน เหมือนต้นไม้ที่เจ้าของไม่ได้เอาใจใส่ดูแลรดน้ำพรวนดิน

                จะว่าไปแล้วถึงแม้เขาทั้งสองจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่กลับมีลีลาความเศร้าที่แตกต่าง และความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ฉันได้เปลี่ยนความคิดจากที่เคยมองว่าผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คงจะมีแววตาที่เศร้า ไม่สนใจร่างกาย  แต่ไม่ใช่เลย คำพยากรณ์ดังกล่าวไม่เป็นจริงเสมอไป ถึงวันนี้จึงไม่อาจคาดเดาอะไรได้จากการดูเพียงภายนอก โดยไม่ได้ล้วงลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ  ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าการที่จะทำความรู้จักและเข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ่งนั้นไม่เป็นการง่ายหนัก เพราะคนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน และไม่อาจตัดสินคนเพียงดูรูปกายภายนอก คำกล่าวที่ว่า   “อย่าตัดสินคนเพียงรูปกายภายนอก”  ยังคงสามารถใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์

                                                                                                                                                                                                               

               

คำสำคัญ (Tags): #ความเศร้า
หมายเลขบันทึก: 354921เขียนเมื่อ 29 เมษายน 2010 20:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

แวะมาทักทายน้องอ๋อยค่ะ

ขอบคุณบันทึกดีๆค่ะ

มุมมองทำให้มุมชีวิตแต่ละคนต่างกันนะค่ะ

ขอบคุณพี่ถาวรมากนะค่ะที่แวะมาทักทาย

สวัสดีค่ะ..คุณนิตยา..

  • เศร้า..รายคุณนิสิต..ป่วยเป็นโรค
  • เศร้า..รายคุณน้ำตาล..ป่วยเป็นไข้ใจ
  • เศร้า..เหมือนกัน..แต่คนละสาเหตุ
  • ความเหมือนที่แตกต่าง..ก็ว่าได้..
  • รักษาสุขภาพนะคะ..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท