เรือนเครื่องผูก
นั้นเป็นการใช้ไม้ไผ่หรือไม้ขนาดเล็กนำมาประกอบยึดด้วยเชือกเข้าด้วยกันเป็น
โครงสร้าง ตัวเรือน
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ตะปูยึดเป็นที่พักอาศัยแบบง่ายๆ
เรือนเครื่องก่อ
เป็นการสร้างอาคารให้มีความคงทนถาวร
มีอายุการใช้งานได้นานโดยการก่ออิฐถือปูนโดยจะเป็นการสร้างและออกแบบอาคาร
เพื่อทางศาสนาและพระราชวังเป็นหลัก
ส่วนเรือนเครื่องสับ เป็น รูปแบบของเรือนไทยที่ยกฐานะของตัวเอง เป็นการพัฒนาการก่อสร้างจากเรือนเครื่องผูก ด้วยการใช้ไม้จริง และการนำเอาเทคโนโลยีการแปรรูปของไม้ เช่น การใช้มี ขวาน เลื่อย สิ่ว กบ ค้อน มาปรับแต่งไม้ ถากไม้ให้เป็นรอยสับ รูเจาะ เป็นร่อง เข้าเดือย และเข้าลิ้น แล้วนำไม้ที่แปรแล้วมาประกอบเป็นตัวเรือน
และเมื่อกล่าวถึงการประหยัดพลังงานกับเรือนไทยนั้น ก่อนอื่นต้องขอยกตัวอย่างบรรพบุรุษไทยที่สามารถปรับเปลี่ยนสภาพเรือนที่อยู่ อาศัย และการแก้ปัญหาเพื่อให้ดำรงอยู่ได้ในสภาพต่างๆ ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น การยกใต้ถุนสูงเพื่อหลีกหนีจากภัยน้ำท่วม มีหลังคาทรงสูง เพื่อระบายน้ำฝนให้เร็ว เป็นต้น คราวนี้เรามาดูกันว่าเราสามารถปรับการใช้สอยของอาคารเรือนไทยให้เข้ากับที่ อยู่อาศัยในปัจจุบันได้อย่างไร โดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน
การยกใต้ถุนสูงนั้น เป็นการหนีเรื่องปัญหาน้ำท่วมของคนโบราณ และยังได้ใช้ประโยชน์ของใต้ถุนด้วยการนั่งพักผ่อน ทำงานจักรสาน ทานข้าว เก็บของ และเลี้ยงสัตว์ การยกใต้ถุนนั้นก็เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก สามารถนั่งทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องเปิดแอร์ และยังสามารถหนีน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากได้อีกด้วย ในปัจจุบันหลายๆ พื้นที่ในเมืองไทยยังไม่สามารถหนีปัญหาน้ำท่วมได้ ถ้าการออกแบบบ้านสามารถยกพื้นสูงได้จะเป็นการดี
ชานเรือนนั้นเป็นตัวเชื่อมของเรือนนอนแต่ละหลังเข้าด้วยกัน เป็นตัวสร้างกิจกรรมภายในครัวเรือนให้เกิดขึ้นเป็นการให้แขกบ้านแขกเรือน เข้ามานั่งพูดคุย เรือนไทยบางหลังก็ยังปลูกต้นไม้ใหญ่กลางชานบ้าน เพื่อให้เกิดร่มเงาในบ้านเป็นการลดความร้อนในระดับหนึ่ง พื้นที่ของชานเรือนก็ปูด้วยไม้เว้นระยะให้ลมจากใต้ถุนบ้านลอดเข้ามา และยังเป็นการระบายน้ำฝนให้ออกจากตัวเรือนชานได้รวดเร็วอีกด้วย
การปลูกไม้กระถาง และอ่างบัวบนชานเรือน เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษโดยแท้ เพราะนอกจากความสวยงามของการปลูกไม้กระถามแล้ว ต้นไม้ยังผลให้เกิดความร่มรื่นและคายออกซิเจนเข้าสู่ตัวบ้าน ส่วนอ่างบัวนั้นมีไว้เพื่อระบายความร้อน น้ำในอ่างเมื่อโดนแดดหรือความร้อนก็จะระเหยกลายเป็นไอ และเมื่อลมพัดก็จะเกิดอากาศที่เย็นสบายเข้าสู่ตัวบ้าน
ช่องแมวลอด เป็นช่องระหว่างชนเรือนกับพื้นเรือน เป็นช่องที่นำลมจากใต้ถุนบ้านเข้ามาสู่ชานบ้าน ทำให้บริเวณชานบ้านเย็นสบาย และเมื่อยกพื้นสูงขึ้นเป็นช่องแมวลอดแล้วระดับความสูงนั้นก็พอดีกับการนั่ง ได้อย่างสบาย
ชายคาบ้านเรือนไทยนั้น จะทอดยาวเพื่อเป็นการบังแดดและลดอุณหภูมิอีกระดับหนึ่งก่อนการเข้าไปในห้องนอน
ฝาบ้าน เรือนไทยเองนั้นมีฝาบ้านหลากชิดแล้วแต่ประโยชน์ใช้สอยในพื้นที่ต่างกัน เช่นฝาสำรวม ที่ทำด้วยไม้ไผ่หรือไม้กระบอกที่สานกันเป็นโครงสร้างแล้วกรุด้วยแฝกทำให้ อาการถ่ายเทได้สะดวก เหมาะที่จะใช้กับเรือนครัวเพื่อระบายควัน
ฝาไหล เป็นการนำฝาไม้ตีเว้นช่องสลับกัน 2 ฝา วางอยู่บนรางไม้ เมื่อเลื่อนมาเหลื่อมกันก็จะเป็นฝาผนังทึบ เมื่อเลื่อนฝาออกมาซ้อนกันก็จะทำให้เกิดเป็นช่องว่างทำให้ลมและแสงเค้ามาใน ตัวเรือนได้
ฝาเกล็ด เป็นฝาไม้กระดานมาตีปิดเป็นแนวนอนกับไม้โครงคร่าว โดยวางให้ไม้กระดานเหลื่อมกันเป็นลำดับคล้ายเกล็ดปลา บ้านในสมัยปัจจุบันสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ด้วย การเว้นช่องระหว่างบานไม้คล้ายกระจกบานเกล็ด ทำเป็นหน้าต่างไม้บานเกล็ด สามารถให้ลมไหลผ่านได้ และเป็นการบังสายตาจากภายนอก
การปลูกต้นไม้ใหญ่ เพื่อลดความร้อนที่เข้ามากระทบกับตัวเรือน ควรปลูกต้นไม้ตามแนวแดดอ้อมใต้ คือปลูกด้านทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก ส่วนทางทิศเหนือควรเปิดเอาไว้เพื่อรับแสงธรรมชาติ เพื่อลดการใช้แสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน
ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการสร้างเรือนนั้นเป็นการแก้ปัญหาด้วยหลักการง่ายๆ สมควรที่สถาปนิก และผู้ที่ต้องการสร้างบ้านเพื่อลดการใช้พลังงาน ควรรับไปพิจารณาและในขณะเดียวกันนั้น ผู้ที่มีบ้านอยู่แล้ว สามารถนำแนวความคิดการปลูกเรือนไทย มาปรับแต่งประยุกต์ใช้ในบ้าน เพื่อลดการใช้พลังงาน เช่นการปลูกต้นไม้บังแดดและเป็นการช่วยกรองอากาศอีกทางหนึ่ง การขุดสระ หรือปลูกบัวกระถางก็เพื่อการระเหยของไอน้ำเพื่อความเย็นในตัวบ้าน และการต่อยื่นชายคาหรือกันสาด เพื่อลดการกระทบของแสงแดดที่จะเข้ามาในตัวบ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นการถ่ายลดระดับอุณหภูมิก่อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะอยู่สบาย เมื่อเข้าถึงตัวบ้าน ดังนั้นทุกท่านสามารถนำหลักการง่ายๆ ที่ได้กล่าวมานี้ นำมาปรับใช้ในที่อยู่อาศัยปัจจุบันเพื่อการลดการใช้พลังงานได้อย่างดี
ไม่มีความเห็น