การไล่ยุงให้ฟุ้งซ่านสู่บ้านคน
เมื่อมีผู้เจ็บป่วยโรคไข้เลือดออกขึ้นบริเวณใด บริเวณนั้นก็จะถูกฉีดพ่นหมอกควันด้วยเครื่องพ่น ถามผู้รู้ว่ายุงจะตายหรือเปล่า ก็ไม่มีใครเคยตอบให้ชัดเจน ขออย่างเดียวระบาดที่ใดก็ไปฉีดพ่นที่นั่น ก็เกิดความสงสัยก็อยากจะพิสูจน์ว่ามันจะเกิดผลอย่างไร
วันหนึ่งมึการฉีดพ่นคูน้ำหน้าบ้านเพราะเกิดมีผู้ป่วยเกิดขึ้น 1 ราย ทางเทศบาลก็มาฉีดพ่นหมอกควัน ประมาณ เวลา 15.00 น พอเวลาระหว่าง 17.00-18.00 น. ผมก็จะรดน้ำต้นไม้ซึ่งเป็นพื้นที่โล่ง ไม่มีหญ้าขึ้น ต้นไม้ก็เพิ่งปลูกได้ปีกว่า เวลารดน้ำต้นไม้ก็จะนุ่งกางเกงขาสั้น เพราะไม่ต้องกลัวยุงกัด มีบ้างก็เพียงเล็กน้อย แต่วันนี้ยุงเยอะมากกัดทั้งขา ทั้งแข้งทั้งลำตัว จึงนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ได้มีการฉีดหมอกควันไล่ยุง ซึ่งเรื่องนี้สมัยเป็นครูก็เคยถกเถียงกับเจ้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าน่าจะเป็นการทำให้ออกจากที่พักพิงไปยังบ้านคนซึ่งบางบ้านก็ฉีดบางบ้านก็ไม่ฉีด เพื่อไปจากกลิ่นฉุนของหมอกควัน
วันรุ่งขึ้นก็สอบถามบ้านใกล้เรือนเคียงเพราะวิถีชีวิตคล้ายคลึงกันก็ให้คำตอบที่ตรงกันว่าหลังจากฉีดหมอกพ่นควันแล้ว ยุงจะมากเป็นพิเศษนั่งคุยนอกบ้านไม่เลย ทั้ง ๆ ที่ ทุกคืนนั่งคุยกันได้ไม่มียุงมารบกวนมากมายดังเช่นหลังจากฉีดหมอกควัน
ท่านใดมีแนวคิดหรือมีความรู้กรณีนี้ ก็ช่วยเสริมความรู้ความคิด ว่าประเทศไทยเราน่าจะหาวิธีการที่ทันสมัยกว่านี้ดำเนินการ เพราะวิธีน้มันเป็นการไล่ยุงให้ฟุ้งซ่านสู่บ้านคน แทนที่จะทำให้มันถูกกำจัดให้ลดลง หรือท่านอ่านจะไม่เชื่อในกรณีนี้ ก็น่าจะพิสูจน์เมื่อมีการฉีดหมอกควันใกล้บ้านท่าน ผลเป็นอย่างไรก็ช่วยบอกล่าวมาด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง
ธนา นนทพุทธ
สวัสดีค่ะ
เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพอดีเลยค่ะ
เรื่องการพ่นหมอกควันนั้น
ต้องพ่นภายในบ้านคน ไม่ใช่พ่นนอกบ้าน
ซึ่งแน่นอนว่ายุงต้องหาที่อยู่ที่ที่ไม่ได้พ่นหมอกควัน ก็คือบ้านนั่นเอง
หมอกควันทำลายตัวแก่ได้ แต่ถ้าบ้านนั้นยังมีแหล่งเพาะพัยธุ์ลูกน้ำอยู่
ยุงก็จะเกิดขึ้นต่อไป
การดูแลบ้านตน ไม่ให้มีลูกน้ำ ตามขาตู้ แจกัน ตุ่มน้ำ จึงสำคัญค่ะ
เหตุที่ต้องพ่นหมอกควัน ในวันที่เกิดโรคนั้น
ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า
ยุงที่นำเชื้อยังอยู่ในบ้านผู้ป่วย
จึงต้องพ่นหมอกควันค่่ะ
ขอแลกเปลี่ยนเท่านี้ก่อนนะคะ