ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลวันสงกรานต์มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริมให้สร้างบุญสร้างกุศลมากมาย กิจกรรมหนึ่งซึ่งมักนิยมทำกันก็คือการก่อพระเจดีย์ทราย
การก่อพระเจดีย์ทรายมีประวัติความเป็นมาอย่างไร แล้วให้ข้อคิดปริศนาธรรมอย่างไรบ้าง ผู้อ่านเคยสงสัยบ้างไหมคะ ? จากการศึกษาข้อมูล และมีโอกาสสนทนาธรรมกับผู้รู้ ท่านได้ชี้แนะ จึงขออนุญาตนำมาบอกเล่าเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ
ตำนานการก่อเจดีย์ทรายมีมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนทิโกศลพร้อมด้วยข้าราชบริพาร เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างทางเดินเห็นทรายสวยงาม จึงก่อเจดีย์พร้อมกับบริวารได้แปดหมื่นสี่พันองค์ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา
จากนั้นก็เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเล่าเรื่องนี้ให้พระองค์ฟัง
และถามถึงอานิสงส์ ทราบว่า
"...การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง
๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ
จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ
ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์
พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร
ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้..."
(อ่านเพิ่มเติมhttp://www.madchima.org/forum/index.php?topic=373.0 )
หนูน้อยคนนี้อายุ ๑๐ เดือนค่ะ ยังมาสร้างกุศลกับคุณแม่
บรรยากาศการก่อพระเจดีย์ทรายที่วัดลาดปลาเค้า
นครปฐม
ในส่วนมุมมองทางวัฒนธรรม
สมัยก่อนเมื่อเราเข้าวัดเราขณะที่เราเดินทางเข้าออกจากวัด
อาจมีเม็ดทรายที่ติดไปกับรองเท้า
การที่ก่อพระเจดีย์ทรายส่วนหนึ่งเพื่อให้เราได้ทำบุญด้วยการขนทรายเข้าวัด
เพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อพระพุทธศาสนา
นอกจากนั้นแล้วยังเพิ่มความรักความอบอุ่นในครอบครัวที่ร่วมมือร่วมใจกันประกอบกิจอันเป็นกุศล
หันมามองทางปริศนาธรรมกันบ้าง พระเจดีย์ทรายที่ก่อเสร็จแล้วย่อมตั้งอยู่ไม่นาน เมื่อถูกกระแสน้ำกระแสลมพัดพาย่อมเสื่อมสลายพังพินาศในที่สุด เปรียบเสมือนชีวิตเราไม่ต่างจากพระเจดีย์ทรายที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มีพระเจดีย์ทรายองค์ใดที่ตั้งอยู่ได้นาน มีชีวิตใครบ้างที่ไม่เสื่อมสลาย ดังนั้นเราจึงควรระลึกถึงคำกล่าวที่ว่า "การมีชีวิตอยู่แม้เพียงวันเดียว แต่ตั้งมั่นอยู่ในความเพียร ย่อมประเสริฐกว่าผู้มีอายุอยู่ร้อยปีโดยไม่ได้ทำอะไร"
การก่อพระเจดีย์ทรายอาจมีมุมมองและจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน แล้วท่านผู้อ่านละคะ ? ก่อพระเจดีย์ทรายกันทำไม ?
สวัสดีค่ะ
...อ่านบันทึกนี้แล้ว คิดถึงวัยเด็กอันอบอุ่นจัง
ซึ่งชีวิตที่กรุงเทพหาบรรยากาศแบบนี้ยาก...
ขอบคุณ ธรรมทิพย์
มาชม
มีสาระดีจังนะครับ
คิดถึงเพลงงานวัด ค่ะครูพี่ ...
... เราไปงานวัด ก่อพระเจดียร์ทรายร่วมกัน ภาวนาๆ ต่อหน้าหลวงพ่อ
ขอพรจากหลวงพ่อ ขอให้เมืองไทยสุข สงบ ยั่งยืน ... ขอบคุณค่ะ
ผมชอบ(เล่น)เจดีย์ทราย ผมฮักบ้านเฮากั๊บ
ผมอ่านเรื่องการก่อเจดีย์ทรายที่ท่านผู้เขียนได้เขียนไว้ ก็รู้สึกได้ความรู้เพิ่มเติมมาก
ส่วนกระผมนั้นเคยได้รับคำเล่า จากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย นั้น จะอีกแบบหนึ่ง แต่ก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก และอาจเป็นกลอุบายของพรรพบุรุษ ของท้องถิ่นนำมาใช้ให้ลูกหลานเกิดความสามัคคีกันก็ได้
เนื่องจากเมื่อผมเป็นเด็ก เมื่อถึงเดือน ห้าชาวบ้านจะมีการหยุดทำงานกันสองช่วง เขาเรียกกันว่าตอม ความว่าหยุดงาน เขาตอมเล็ก หยุด เจ็ดวัน ตอมใหญ่เขาหยุดสิบห้าวัน ที่หยุดนี้ เนื่องมาจากสาวๆในหมู่บ่านเวลาหมดหน้าทำนา เขาจะเลี้ยงไหมทอผ้ากัน ตลอดทั้งปี ก็จะใช้ ตอมเดือนห้านี้และเป็นวันหยุด ก็จะมีการละเล่นแบบประเพณี ก็คือ ตอนเช้าจะรวบรวมหนุ่มสาว มารำตรุตไปตามบ้านต่างๆเพื่อรับเงินบ้านละเล็กบ้านละน้อยมารวมกัน
พอตอนบ่ายก็จะมีผู้ที่มีอายุมากที่สุดประจำหมู่บ้าน ได้เชิญชวนให้แต่ละบ้านได้ให้ลูกหลานของตนเองไปร่วมขนทรายมาจากริมห้วย โดยท่านผู้อวุโสท่านนั้นจะต้องนุ่งขาวห่มขาว แล้วทำพิธีขุดดทรายใส่ให้ทุกคนขนกลับไปที่บริเวณกำหนดจัดงาน เมื่อขนทรายมาถึงแล้วทุกคนจะต้องกำทรายทีละกำ แล้วก็เอ่ยชื่อทุกคนในบ้านว่ากำนี้เป็นของใครกำนี้เป็นของใคร เพระคนแก่จะบอกว่านี่เป็นต่อรองกับยมพบาลไม่ให้เอาชีวิตของทุกในบ้านไป จะเอาชีวิตใครคนใดคนหนึ่งไปได้นั้น ยมพบาลต้องนับเม็ดทรายให้ได้ครบทุกเม็ดก่อนจึงจะเอาชีวิตผู้นั้นไปได้ ตอนเย็นก็มีการสวดมนต์ ตอนเช้าใส่บาตร แล้วก็เอาเงินที่หนุ่มสาวรำตรุตได้มาถวายพระ
ประเพนี นี้อาจจะเป็นกลอุบายให้ทุกคนมีความสามัคคีก็ได้ และอย่าคิดว่ากระผมมาอวดรู้อวดฉลาดอะไรเลยขอให้ถือเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันก็แล้วนะครับ
สุขว์ธน ขิมทอง 083-4641744