เหตุการณ์ที่กรุงเทพฯ


สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือการไม่เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแตก ต่างไปจากกลุ่มอื่น

เพื่อนชาวต่างประเทศหลายคนเขียนอีเมล์มาถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งจากญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ อเมริกา และเยอรมัน บางคนก็วางแผนจะมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงนี้พอดี เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างประชาชนเสื้อแดงกับฝ่ายทหาร มีทหารและประชาชนบาดเจ็บล้มตายไปร่วม 20 คน ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความรู้สึกของประชาชนไทย และคนภายนอกที่เฝ้าดูอยู่ นักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกการเดินทาง หลายประเทศเตือนไม่ให้ประชาชนของเขาเดินทางมาประเทศไทย บรรดาร้านค้า ร้านอาหารที่ภูเก็ตก็กระทบมาก นักท่องเที่ยวจากยุโรปเหนือ ยุโรปใต้ รัสเซีย ที่มาแล้วก็เริ่มทะยอยกันกลับตามกำหนด ที่จะเดินทางมาใหม่ก็เปลี่ยนไปที่อื่นกันหมด สงสารคนที่ทำมาหากิน ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย

โดยส่วนตัวผมคิดเหมือนกับคุณอภิสิทธิ์ว่า การชุมนุมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย และไม่เคยเห็นด้วยกับการชุมนุมที่ก่อความเสียหายให้กับประเทศ แต่รัฐบาลไม่น่าจะปิดกั้นข่าวสารของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับตน เพราะเป็นได้แค่การแสดงท่าทีว่าจะปิดกั้น แต่ไม่ได้เคยปิดกั้นได้จริงเลย สื่อโทรทัศน์ที่อยู่ในการควบคุมของรัฐก็ไม่ได้เสนอข่าวอย่างเท่าเทียมกันตรงไปตรงมา ทำให้คนเขาต้องไปหาเอาจากแหล่งอื่น ๆ และอย่าลืมว่าสมัยนี้คือยุคที่เทคโนโลยีทำให้ “ใคร ๆ ก็เป็นสื่อได้” การปิดกั้นจึงเป็นวิธีการโบราณที่รังแต่จะเหมือนเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ

ดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ระหว่างที่ทหารยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาใส่ประชาชน เป็นโอกาสที่เปิดให้กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีใช้อาวุธ อยากให้มีการจับตัวมาลงโทษให้ได้ แต่ไม่คิดว่าจะจับใครได้ เหมือนกับที่รัฐบาลไม่สามารถหาผู้ลอบยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ได้ ทั้ง ๆ ที่ใช้อาวุธของทหารและมีการบัญชาการมาอย่างชัดเจน

รัฐบาลของคุณอภิสิทธิ์พยายามรักษากฎหมายอย่างดีที่สุด ซึ่งผมเห็นด้วยกับหลักการนี้ แต่มีคำถามว่า เหตุใดเมื่อครั้งที่กลุ่มเสื้อเหลืองชุมนุมกันอย่างนี้ ทำไมคุณอภิสิทธิ์ถึงกดดันให้รัฐบาลยุบสภา ตอนที่เสื้อเหลืองปิดสนามบิน ทำไมไม่เรียกร้องให้มีการรักษากฎหมาย (และตอนที่เกิดรัฐประหารปี 49 ทำไมไม่ต่อต้านหรือแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย พูดแต่ว่าเสียใจ ซึ่งไม่รู้แปลว่าอะไร) หรือว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคุณอภิสิทธิ์ตอนที่เป็นนายกฯแล้ว บอกให้พูดว่า “ยังมีคนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา” รัฐบาลต้องการเวลาอีก 9 เดือนเพื่อทำอะไร ใคร ๆ เขาก็รู้ครับ ว่าต้องการรอฤดูโยกย้ายวางฐานกำลังอำนาจรัฐ และผ่านงบประมาณ

สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือการไม่เลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแตกต่างไปจากกลุ่มอื่น ไม่ว่าใครเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อจากนี้ไปก็จะถูกวัดด้วยไม้บรรทัดอันนี้

เมื่อคืนนี้มีข่าวว่า กกต. ลงมติ 4 ต่อ 1 ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ (จนได้ในที่สุด หลังจากยื้อเวลามานาน) หวังว่าคนไทยจะได้เห็นการปฏิบัติด้วยมาตรฐานเดียวกันต่อไป

ผมสังหรณ์ใจว่า อีกสิบปีข้างหน้าประเทศนี้จะต้องเปลี่ยนไปมากทีเดียว

 

คำสำคัญ (Tags): #ประชาธิปไตย
หมายเลขบันทึก: 351501เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2010 22:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ อาวุธทำไมหาง่ายยังกับซื้อขนมกันหนอ ไม่เข้าใจเลยค่ะ ตอนเด็กเคยถือปืนตำรวจของพ่อ จำได้ว่ามันหนักมากเลยค่ะ และถ้าจะพูดแบบชาวบ้านคืออยากให้ท่านนายกยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ หากท่านได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้งตามความเห็นของคนส่วนใหญ่ อยากจะรู้ว่าคนกลุ่มนี้จะรับได้จริงอย่างที่เขาว่าไว้ไหม(อย่างลูกผู้ชายที่ไม่ใช่หน้าตัวเมีย)

ภาพหลักฐาน ยิงเอ็ม 79 ใส่กลุ่มทหาร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท