ชีวิตแรงงานเด็กต่างชาติ


เขารับรู้ว่างานที่ทำเป็นอันตรายและหนักมากสำหรับวัยที่กำลังเจริญเติบโตแต่ต้องทำเพราะต้องการเงินและยังหางานอื่นไม่ได้

 

 

                 ชื่อ ด.ช.     จ๊ะ (นามสมมุติ) ชาวกัมพูชา  อายุ  14  ปี รูปร่างลักษณะ   ผอมเตี้ย  ผิวดำแดง  สูงประมาณ  150  น้ำหนักประมาณ 38 กิโลกรัม   มีปานที่แก้มขวา  ใส่เสื้อผ้ามอมแมม  มีคราบไหลจับอยู่ตามซอกคอมือ เท้า เล็บมือดำ ร่างกายไม่เจริญเติบโตสมกับวัย มีลักษณะนิสัยขี้อาย ไม่ค่อยพูดกับคนแปลกหน้า  พูดและฟังภาษาไทยไม่ค่อยได้   เรียนจบชั้นประถามปีที่ 5 จากบ้านเกิด

ครอบครัว       

                   ด.ช. จ๊ะ    พักอาศัยอยู่กับพี่สาว อายุ17 ปีและพี่เขย อายุ 18 ปี   ที่ชุมชน มหาวงศ์ ซอย 9 ริมคลองตาเผือก  ซึ่งเป็นแหล่งที่ชาวกัมพูชา  พ่อแม่อยู่ที่กัมพูชา  พี่สาวเข้ามาทำงานในประเทศไทยก่อนแล้วจึงชักชวนตนเข้ามาทำงานเมื่อปี2551 เพราะต้องการเงินส่งกลับไปแบ่งเบาภาระช่วยเหลือพ่อแม่ที่บ้านเกิด เนื่องจากที่บ้านมีฐานะยากจน ไร่นาแห้งแล้งและ  อยากนำเงินกลับไปปลูกบ้าน    พักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่ามีลักษณะเป็นบ้านไม้สองชั้นแบ่งห้องให้เช่า ขนาดของประมาณ กว้าง3 เมตร ยาว3 เมตร   ค่าเช่าบ้านรวมค่าน้ำค่าไฟ 2,000 บาทต่อเดือน 

การมีงานทำและรายได้ครอบครัว 

                จ๊ะ ทำงานในโรงค้าข้าวได้ประมาณ 1 ปี 6 เดือน  มีหน้าที่  ดึงกระสอบข้าวที่มีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม  ออกจากรถบรรทุกข้าว  หรือ  กองข้าว  หรือเรือบรรทุกข้าว โดยใช้ตะขอเหล็กเป็นที่เกี่ยวดึงข้าวลงมาแล้วแบกบนไหล่  หรือ บนศีรษะ แล้วแต่ความถนัดของตนโดยไม่ใส่ถุงมือ  หรือสวมรองเท้า  ใส่เสื้อยืดที่เป็นฟอร์มของโรงงานและสวมกางขาสั้นหรือยาวตามความถนัด   เวลาทำงานตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 17.00 น. พักเที่ยง 1 ชั่วโมง ถ้ามีงานล่วงเวลา ถึง 20.00 น.  ค่าแรงปกติวันละ  160  บาท  ถ้าทำงานล่วงเวลาได้วันละ 200 – 300 บาท   ลักษณะงานที่ ต้องยืนทำงานและแบกข้าวสารตลอดเวลามีเวลาพักน้อยมาก เขารับรู้ว่างานที่ทำเป็นอันตรายและหนักมากสำหรับวัยที่กำลังเจริญเติบโตแต่ต้องทำเพราะต้องการเงินและยังหางานอื่นไม่ได้  เขาออมเงิน วันละ 100 บาทเก็บไว้ส่งให้พ่อแม่โดยนำไปฝากไว้กับพี่สาวเงินที่เหลือเป็นค่าอาหารในแต่ละวัน  เขารับประทานอาหารเพียง 2 มื้อ โดยมี ข้าวเหนียว  กับ น้ำพริก มีผักจิ้มเป็นหลัก 

สุขภาพอนามัย

              ภายใน   6    เดือนที่ผ่านมา    เจ็บป่วย   2   ครั้ง   มีอาการตัวร้อน   ไอ  จาม  ท้องเสีย  เจ็บคอ  ปวดหัว  กินข้าวได้น้อยพี่สาวจะเป็นคนไปซื้อยาจากร้านขายยานำมาให้ทาน ไม่ไปพบแพทย์เพราะไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลถ้าไปรักษาจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้จึงประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการซื้อยาแทน 

บริการสังคมที่ต้องการ

              อยากฝึกอาชีพเพื่อจะทำงานอิสระ  ไม่ต้องการเรียนหนังสือต่อเพราะไม่ได้เงิน  อยากให้มีการดูแลบริการรักษาสุขภาพอนามัย  อยากออกไปเที่ยวพักผ่อนบ้างแต่ไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอกที่พักอาศัยเนื่องจากกลัวการถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่

 

หมายเลขบันทึก: 350198เขียนเมื่อ 7 เมษายน 2010 16:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

ด้วยความยินดีนะคะ

ขอบคุณที่อ.แวะไปเยี่ยม

ทำให้ครูต้อยโชคดีได้เรียนรู้ชีวิตเพื่อนมนุษญือีกมุมหนึ่ง

ขอบคุณค่ะ

เอากล้วยมาฝากนะคะ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

งานต่างประเทศ 3 D ที่ทุกคนที่ต้องการไปทำงานต่างประเทศต้องเจอค่ะ

ต่างด้าวมาทำงานบ้านเรา หรือคนไทยไปทำงานที่ยุโรปหรืออเมริกาต้องเจอ

1. Dangerous

2. Difficult

3. Dirty

แต่เมื่อไปต่างประเทศค่าแรงก็แพงกว่าบ้านเรา ค่าใช้จ่ายก็สูงตามมา เจ็บป่วยก็ไม่กล้าไปรักษาเพราะค่ารักษาแพง(ท่านผู้ว่าราชการชลบุรีบอกว่า กงกรรม กงเกวียนค่ะ ไทยทำกับต่างด้าวเช่นไร ต่างชาติก็ทำกับไทยเช่นนั้น)

ขอบคุณสำหรับบันทึกดี ดี นะคะ

ขอบคุณค่ะ

แล้วแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ด.ช.จ๊ะ ล่ะคะ???

อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไร???

ในเมื่อเด็กเป็นชาวต่างด้าว

ในการปฏิบัติงานจริงทำได้ยากมาก แม้ว่ากฎหมายและอนุสัญญาต่างๆจะระบุไว้(แต่หนูจำรายละเอียดไม่ได้แล้วค่ะ) ก็ตาม แต่ในทางปฏิบ้ติจะทำได้ยาก และมักจะติดกับคำว่า กฏหมายไม่เอื้อ

ในส่วนของการทำงานที่เคยทำมาต้องใช้ลูกล่อลูกชนอย่างสูงเลยทีเดียว แต่จะใช้บ่อยๆก็ไม่ได้ เรียกว่า case by case กันเลยทีเดียว

หากอาจารย์จะกรุณาตอบ หนูจะยินดีมากเลยค่ะ เพราะว่าจะได้นำไปปรับใช้ในการทำงานด้านการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กได้ค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณ Natcha ที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ 3 D

แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ก็ยินยอมทำงานต่างๆเพื่อแลกกับรายได้เพื่อครอบครัว

แต่ถ้าเจอการเอารัดเอาเปรียบที่แสวงประโยชน์อย่างทารุณคงเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่ลืมไม่ลงถึงกระนั้นก็มีอีกหลายรายที่กลับเข้ามาทำงานในเมืองไทยอีกหลังจากถูกส่งกลับบ้านเกิดด้วยภาระที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว ตอนนี้เห็นว่า สปป. พยามร่วมงานกับประเทศต้นทางสร้างความตระหนักและช่องทางการทำงานที่บ้านเกิดมีความยั่งยืนและปลอดภัย

สวัสดีค่ะ คุณสงสัย

แนวการช่วยเหลือตอนนี้ที่องค์กรทำงานด้านเด็กต่างชาติทั้งหลาย ไม่ว่าเป็น มพด. รักษ์ไทย ที่มาเปิดพื้นที่ทำงานที่สมุทรปราการ หรือ LPN สมุทรสาคร ก็ทำงานสร้างความตระหนักในเรื่องสิทธิเด็กไม่ว่าชาติไหนก็ตาม การให้ความรู้ทักษะชีวิต การศึกษา การดูแลสุขภาพ ส่วนทางรัฐก็พยายามไม่ให้เกิดกรณีการค้ามนุษย์ขึ้นถึงแม้จะทำได้ยากยิ่งก็ตามด้วยเหตุปัจจัยมากมายตามที่คุณสงสัยทราบแล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท