ความจริงวันนี้ ความเท็จเมื่อวานนี้


เห็นยังครับว่าความจริงวันนี้ ศาลทุกศาลซึ่งเรียนและมีภูมิรู้กฎหมายมาต่างยกเอาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 มาประกอบคำวินิจฉัยอยู่เป็นประจำ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะยกเอามาเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งหรือศาลใดศาลหนึ่ง

สวัสดีครับท่านผู้อ่านและชาว G2K ทุกท่าน

ปกติทุกวันอังคารผมจะมีบันทึกใหม่

เกี่ยวกับกฎหมาย จะเล่าตามประสบการณ์จริง

ที่ได้ทำคดีมา

แต่วันนี้จำต้องงดไว้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ

เหตุเพราะ นายเหวง ได้พูดตอนเจรจาสองฝ่ายกับท่านนายก ตามที่ท่านทั้งหลายได้ดูทาง TV นะ ตอนที่ไอ้นายคนนี้บอกว่า

"ท่านนายกต้องฟังผม เพราะผมอาวุโสกว่าและอยู่กับการเมืองมานานกว่า"

และมีความตอนหนึ่งบอกว่า

"เท่าที่เรียนรู้มายังไม่เคยมีศาลใดในโลกยกเอา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  มาตัดสินคดี เอามาวินิจฉัยยึดทรัพย์ และก็มีศาลเดียวเท่านั้น ทั้งยังอ้างสรรพคุณว่าเรียนกฎหมายมาเช่นกัน"

ผมฟังแล้วทำให้มีอาการ “ทุเรศ” บวกกับ “สงสาร” ครับ หมายถึง “สังเวช” นะ พูดมาได้ว่าไม่มีศาลใดในโลกมีศาลนี้ศาลเดียว ผมไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ของนายคนนี้ ถ้ามีจะส่งข้อความไปบอกว่าไม่รู้อย่าพูด เว้นแต่ต้องการจะโกหกอีก

พักสายตาก่อนหัวเราะครับ

ที่นี้ต่อครับ

ที่ผมว่าโกหกนะเป็นอย่างไร ถ้าจำกันได้ไอ้นายคนนี้แหละ ไปขึ้นเวทีชาวเหลืองตอน  

“เอาคืนประเทศไทย” บอกว่า ถ้าเราไม่ไล่ทักษิณออกไป ประเทศไทยจะเสียทรัพยากรสำคัญแห่งเดียวในโลกไป นั่นคือ “แร่โปแตซ” ที่ภาคอีสานออกไป ซึ่งในโลกมี 3 แห่ง คือ ที่สหรัฐอเมริกาซึ่งใช้หมดไปแล้ว ที่ประเทศรัสเซียก็กำลังจะใกล้หมด และสุดท้ายเหลือที่อยู่อุดมสมบูรณ์ที่สุดอยู่ที่ประเทศไทย แล้วอย่างนี้พี่น้องประชาชนชาวไทยจะยอมให้ทักษิณขายออกไปอีกหรือ
เดิมรัฐบาลเก่าขายแร่โปแตซให้ต่างชาติแค่ 111 ล้านตัน แต่ทักษิณขายให้เพิ่มเป็นกว่า 1,000 ล้านตัน ซึ่งขี้เกลือของแร่โปแตซ 111 ล้านตัน หากนำมากองจากตรงนี้จะยาวไปถึงวัดพระแก้ว ความสูงขึ้นไปถึง 500 เมตร ลองนึกดูขี้เกลือจะปลิวไปทำให้ดินภาคอีสานเค็มขนาดไหน แต่ทักษิณขายให้ถึง 1,000 ล้านตัน เป็นเวลา 75 ปี แล้วจะเป็นอย่างไรนี่จึงเป็นอีกผลที่เราต้องมาไล่ทักษิณ

นี่คือสิ่งที่ประชาชนจะต้องรับรู้ หลังจากทักษิณได้ขายอธิปไตย 5 อย่างของไทยออกไป กับการขายหุ้นชินฯ นั่นคือ ดาวเทียมซึ่งแต่ละประเทศมีตำแหน่งเพียงแห่งเดียว แต่ทักษิณก็ขายออกไป โทรศัพท์มือถือของ เอไอเอส. ที่ปัจจุบันมีกว่า 22 ล้านเลขหมาย ต่อไปสิงคโปร์มันจะดักฟังเสียงคนไทยหมด เช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งสำคัญมากที่สุดในโลก เพราะปัจจุบันมันแทรกเข้าไปทุกชีวิตของประชาชน
สายการบินที่เป็นอำนาจอธิปไตยเหนือน่านฟ้า และยังมีสถานีโทรทัศน์ ที่ทุนข้ามชาติเขาแย่งกันจะเป็นตาย แต่ทักษิณขายออกไปหมด เรื่องเหล่านี้จึงบอกได้ว่านายกฯ ขายชาติ ขายอธิปไตย 5 ด้านแล้วจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร

ผมเอาคำพูดมาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม

ถ้าต้องการทราบว่าไอ้นายคนนี้ก่นด่าคนอีกคนว่าอย่างไรอีก คลิกดูได้ที่นี้ครับ 

พักสายตาก่อนขำอีกทีนะ

มาต่อกันอีกครับ

ปัจจุบัน ไอ้นายคนนี้มายืนข้างคนอีกคนที่ตนก่นด่าไว้ แล้วอย่างนี้จะมาบอกว่า ท่านนายกต้องฟังผมได้อย่างไร.....ฮา....

เอาหละในส่วนอื่นผมอาจไม่รู้จริง

แต่ในส่วนของกฎหมายที่ไอ้นายคนนี้อ้างว่าไม่มีศาลใดในโลกเขาจะอ้างเอาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน มาประกอบคำพิพากษายกเว้นศาลนี้ศาลเดียวที่ยึดทรัพย์สี่หมื่นกว่าล้าน และยังกล้าที่จะพูดอีกว่า ศาลอื่นเขาต้องใช้กฎหมายอื่นมาเทียบเคียง ถ้าไม่มีใช้กฎหมายต่างประเทศ ถ้าไม่มีอีกก็ใช้ธรรมเนียนปฎิบัติ เพราะพูดอย่างนี้ผมถึงสังเวศไงหละ วันนี้จึงต้องทำ  ความจริงวันนี้  ความเท็จเมื่อวานนี้ ให้ปรากฏ

คำพิพากษาของศาลฏีกาในคดีทั่วไปมีมากเลยครับที่ศาลแปลความหมายของคำบางคำด้วยการนำเอาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525  มาประกอบการวินิจฉัย นักเรียนกฎหมายทุกท่านได้เรียนและจำได้ดี ยกเว้นไอ้นายคนนี้ครับไม่รู้ว่ามันเรียนยังไง....อิ.อิ. 

ผมจะขอยกเอาคำพิพากษาฎีกามาเป็นตัวอย่างสักสองสามเรื่อง ถ้าต้องการรายละเอียดมากกว่าที่ยกมากรุณาไปค้นดูจากห้องสมุดศาลฎีกาได้เลย ค้นเลขฏีกาที่ผมให้ไว้นะครับ หรือจะให้นักเรียนกฎหมายหรือทนายความท่านใดค้นให้ดูก็ได้ครับ

พักกันอีกทีก่อนไปอ่านฏีกา

 

 

 

ฎีกาที่ 3015/2543

     ข้อความที่จำเลยที่  1  พูด  เป็นการพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเอง   ซึ่งแปลความหมายได้ว่าโจทก์เป็นคนเจ้าชู้จำเลยที่ 1 จึงลาออกจากงานเพราะกลัวตัวเองจะเสียหายโดยไม่ปรากฏข้อความใดที่กล่าวหาว่าโจทก์ได้กระทำการอันเป็นการลวนลามจำเลยที่ 1 โดยที่จำเลยที่ 1 ไม่ยินยอม ข้อความที่แปลความหมายได้ เพียงว่า โจทก์เป็นคนเจ้าชู้นี้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525ให้ความหมายของคำว่า "เจ้าชู้" หมายความถึง ผู้ใฝ่ในการชู้สาว เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ชาย ตามความรู้สึกของสังคมหรือคนทั่วไปที่ได้ยินข้อความที่จำเลยที่ 1 พูด ก็ไม่อาจมีความรู้สึกได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ที่จะทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของผู้ชายซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะใฝ่ในทางชู้สาวได้ คำพูดของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

 

ฎีกาที่ 1370/2500

วินิจฉัยว่า การใช้ทางเดินในที่ดินของผู้อื่นโดยถือวิสาสะย่อมได้สิทธิ ภารจำยอม ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 วิเคราะห์ ศัพท์คำว่า "วิสาสะ" หมายความว่า ความคุ้นเคย ความสนิทสนม  การถือว่าเป็นกันเอง ลักษณะการใช้ทางเดินโดยวิสาสะ จึงมีลักษณะ เป็นการอาศัยความคุ้นเคย ความสนิทสนมกันมากกว่าที่จะมีลักษณะ เป็นการโต้แย้งหรือมีลักษณะการใช้สิทธิโดยมิชอบแต่อย่างใด ไม่น่า จะเข้าลักษณะของการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อันจะก่อให้เกิดภารจำยอมได้

 

 

ฏีกาที่  859/2536 

การที่จะถือว่าผู้ใดเป็นผู้ผลิตตามประมวลรัษฎากร มาตรา 77นอกจากจะหมายถึง ผู้นั้นทำการเกษตรหรือขุดค้นทรัพยากรธรรมชาติประกอบแปรรูป แปรสภาพสินค้า แล้วยังให้รวมถึงการที่ผู้ใดทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้นซึ่งสินค้าไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ ด้วย ซึ่งการกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีขึ้นซึ่งสินค้าดังกล่าวนั้น มีความหมายว่าทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดสินค้าใหม่ขึ้นมา    ซึ่งอาจใช้วัตถุดิบของสินค้าเดิมมาทำเป็นสินค้าใหม่โดยไม่แปรเปลี่ยนสภาพของสินค้าเดิมก็ได้  และไม่จำต้องคำนึงว่าสินค้าใหม่นั้นอาจแปรเปลี่ยนกลับคืนมาเป็นสินค้าเดิมได้หรือไม่ การที่โจทก์ใช้ลวดซึ่งเป็นสินค้าเดิมที่โจทก์ซื้อมาเข้าเครื่องปั๊มออกมาเป็นลวดเสียบกระดาษซึ่งเป็นสินค้าใหม่  โดยลวดซึ่งเป็นวัตถุดิบนั้นยังมีสภาพเป็นลวดเช่นเดิมอยู่  เพียงแต่ใช้เครื่องปั๊มตัดและดัดงอให้อยู่ในสภาพเป็นของใช้เสียบกระดาษตามที่โจทก์ต้องการแล้วนำสินค้าลวดเสียบกระดาษนั้นไปจำหน่ายทั่วไป ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ผลิตสินค้าลวดเสียบกระดาษตามความหมายของมาตรา 77 แล้ว     ตามบัญชีที่ 1 หมวดที่ 9 ท้ายพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นภาษีการค้า (ฉบับที่ 54) พ.ศ.2517 ได้กำหนดลักษณะของสินค้าอื่น ๆ ไว้ว่า  เครื่องมือ เครื่องใช้ของใช้ใดๆ ทั้งนี้เฉพาะที่ผลิตจากโลหะหรือโลหะเคลือบ อย่างใดอย่างหนึ่ง คำว่า "ของใช้" นั้นตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2525 ให้ความหมายไว้ว่า "ของสำหรับใช้"  ซึ่งเป็นที่เข้าใจของคนทั่ว ๆ  ไปว่า   ของใช้ที่ว่านี้ประชาชนทั่วไปที่มีของนั้นอยู่สามารถนำของนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยลำพัง ไม่ต้องนำไปประกอบกับของสิ่งอื่นเสียก่อนจึงจะนำไปใช้ได้ สำหรับลวดเสียบกระดาษ  ผู้ใดมีอยู่ในครอบครองสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีโดยลำพัง จึงเป็นของใช้ตามบัญชีที่ 1 ดังกล่าว เมื่อลวดเสียบกระดาษดังกล่าวผลิตจากโลหะเคลือบ จึงเป็นของใช้ผลิตจากโลหะเคลือบอันเข้าลักษณะสินค้าอื่นๆในหมวดที่ 9 แต่โจทก์ผลิตขายในราชอาณาจักร จึงต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 9 ของรายรับ

 

เห็นยังครับว่าความจริงวันนี้ ศาลทุกศาลซึ่งเรียนและมีภูมิรู้กฎหมายมาต่างยกเอาพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 มาประกอบคำวินิจฉัยอยู่เป็นประจำ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะยกเอามาเฉพาะคดีใดคดีหนึ่งหรือศาลใดศาลหนึ่ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมทำ

“ความจริงวันนี้ ความเท็จวานนี้” ได้อย่างไร

ยังคิดอยู่ว่าถ้าได้ไอ้นายคนนี้มานำประเทศคงขำจนตาย...ฮา....

ขอเป็นวันพฤหัสนะครับผมจะกลับเข้าเรื่องเดิมที่ค้างท่านอยู่

 

หมายเหตุ

กราบเรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน เนื่องจากมีท่านผู้อ่านบทความบางท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นแต่ไม่แสดงตน ผมขอแจ้งให้ทราบว่าผมไม่ขัดข้องที่ท่านจะมีความคิดเห็นที่แย้งกับความคิดเห็นและบทความของผม ผมยินดีรับฟังและตอบความคิดเห็นของทุกท่านเกี่ยวกับเรื่องที่ผมเขียนบันทึกข้างต้นนี้ เว้นแต่ท่านไม่แสดงตนโดยการสมัครเป็นสมาชิกของสังคมนี้ ผมขอสงวนสิทธิที่จะลบความคิดเห็นของผู้ไม่แสดงตนตามแต่จะเห็นสมควร ส่วนความคิดเห็นที่ต่างจากผม ซึ่งเป็นของท่านสมาชิกชาว G2K.ทุกท่านทั้งที่ตำหนิผม หรือชื่นชม ผมจะไม่ลบออกและยินดีตอบความคิดเห็นของท่านด้วยความเคารพยิ่ง และขอกราบน้อมรับด้วยความยินดีครับ 

หมายเลขบันทึก: 348375เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2010 21:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

พูดไปทั่วเนาะ ตาเหวง ทนายคงขำกลิ้งทั่วประเทศ นี่แหละ เอาความโง่ของตัวเองออกมาประจานตัวเอง

อธิบายแบบหาเรื่อง ไม่ยกคำพูดทั้งหมด เลือกตัดต่อพันธุกรรมอย่างนี้รี่เล่า บ้านเมืองมันถึงเป็นอย่างนี้

ผมเองก้อฟังอยู่เหมือนกัน.....

หมอเหวงหมายถึงหากมีคำเทียบเคียงได้ ศาลไม่ควรนำคำในพจนานุกรมต่างหาก

ทั้งที่กฏหมายแรงงานได้ให้นิยามศัพท์ไว้เทียบเคียงแล้ว

แต่ศาลกลับไม่ใช้ ดันไปใช้นิยามศัพท์จากพจนานุกรม

ง่าย ๆ คำว่าลูกจ้างมีอยู่แล้วในกฏหมายแรงงานไม่เห็นต้องใช้พจนานุกรมเลย

ลองทบทวนดูหน่อยปะไร การให้ความเห็นทางวิชาการไม่เห็นต้องหยาบคายเลยนี่หน่า....

อย่างนี้ถือเป็นความคิดแบบอยากมีเรื่อง เรื่องมีไหม.....ขนาดนายกยังไม่ตอบโต้ในประเด็นนี้เลย

ต้องดูเจตนาคนพูดด้วยและเจตนาของศาล คมช. ด้วย

หากคุณยังไปเชื่อไปรับรองศาลที่ไม่เชื่อมโยงกับประชาชนซึ่งเป็นผู้ถืออำนาจสูงสุดตามระบอบประชาธิปไตยแล้วล่ะก้อ

ก้อป่วยการแล้วล่ะ เหมือนคนป่วยติดสารเสพติดก้อยังงี้แหละ ที่มาของศาลไม่ชอบด้วยตามระบอบประชาธิปไตย จริงแล้วไม่ควรเรียกว่าศาลด้วยซ้ำไป

คำพิพากษาที่ยกมาแต่ล่ะฏีกาล้วนเป็นคำพิพากษาของศาลที่มีที่มาตามระบอบประชาธิปไตยครับ ศาล คมช. น่าจะเรียกว่าคณะตุลาการเท่านั้น อย่าบังอาจยกให้เป็นศาลเลย หากจะเป็นก้อคงได้อยูว่าเป็นศาลพระภูมิขี้ข้า คมช. เท่านั้น

สวัสดีค่ะ

  • น้องซิลเวียก็ฟังอยู่เหมือนกันค่ะ สำหรับท่านผู้นี้ก็เคยขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาก่อน..และเป็นคนที่ตะโกนไล่ทักษิณออกไป...มาแล้วด้วย
  • ทีนี้เมื่อเกิดการปฏิวัติตอนกันยายน 2549 ท่านผู้นี้ก็ไม่ชอบการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยวิธีแบบนี้..เมื่อเกิดมวลชน นปก.->นปช. ท่านผู้นี้ก็ถือโอกาสใช้เวทีนี้มาเรียกร้องความชอบธรรม  (ซึ่งไม่ได้ดูปริบทอย่างอื่นว่าตอนนั้นประเทศไทยมาถึงทางตันแล้ว คนที่เป็นนายกฯในสมัยนั้นก็ไม่ยอมลาออก...ทำให้ทหารต้องใช้วิธีนี้ ซึ่งนุ่มนวลและไม่มีการหลั่งเลือดอย่างที่ไม่เคยปรากฏในประเทศใดในโลกนี้)
  • และกลายเป็นว่าตอนนี้ท่านผู้นี้มาเชียร์ทักษิณแทน..เป็นอย่างนั้น..
  • แต่วันที่ท่านผู้นี้เป็นตัวแทนคนเสื้อแดงมาเจรจากับท่านนายกฯนั้น..คนฟังก็ฟังออกว่าท่านเจรจาไปไกลแบบหลุดโลกไปเลย (ในวันที่1)
  • สำหรับวันที่ 2 น้องซิลเวียขอหยิบยกจากที่เคยบันทึกไว้ในอนุทินบางส่วนดังนี้ค่ะ

การปรามท่านนายกฯว่าในฐานะที่อาวุโสกว่าคือ.. อย่าให้ท่านนายกฯไปต่อล้อต่อเถียงคำพูดของคุณ (...) เพราะคุณ(...)อาจพูดจริงบ้างไม่จริงบ้าง..และอาจทำให้ท่านายกฯเสียเกียรติเอาได้ เรื่องนี้ สาธารณชนสามารถตัดสินได้ว่าถูกผิดเป็นอย่างไร..โหขนาดเสื้อแดงด้วยกันยังไม่กล้ายืนยันและรับรองเลยว่าข้อมูลที่ฝ่ายตัวเองเอาพูดวันนี้เป็นข้อมูลจริง...หุหุ..

  • อันนี้ถ้ามองไปทั้ง 3 ท่านที่มาจากคนเสื้อแดง เหมือนแบ่งบทกันเล่นไปคนละแบบ เช่นคนที่1 ก็พูดจาเชิงรุก ออกจะคุกคามความรู้สึกและพยายามดิสเครดิตภาพลักษณ์ของท่านนายกฯและรัฐบาล อีกคนก็สวมบทนิ่มนวล อะลุ่มอล่วย และสุดท้ายก็เป็นท่านผู้นี้ที่พูดอย่างไรก็คนฟังพากันอมยิ้มค่ะ
  • เรื่องที่ท่านผู้นี้ปรามท่านนายกฯว่า..ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงกับคำกล่าวหาดังกล่าว อันนี้ดูเหมือนว่า ก็เป็นสิ่งที่ตักเตือนจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านนายกฯ ผู้มีวัยวุฒิน้อยกว่าควรจะรับฟัง...น้องซิลเวียมองว่าเป็นสิ่งที่ท่านพูดถูกอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะคนฟังเขาแยกแยะออกว่าใครพยายามสร้างหลักฐานเท็จ และกล่าวหา และยิ่งท่านนายกฯไปต่อล้อต่อเถียงมากก็เปลืองตัวเหมือนกัน และในขณะเดียวกันมันฟ้องอยู่กรายๆว่า คนเจรจาที่มาจากสีเสื้อเดียวกันยังไม่กล้าประกันคำพูดเลยว่าสิ่งที่เอามาพูดกับท่านนายกฯนั้นเป็นข้อมูลที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง..ฮา..
  • ขอบคุณค่ะท่านพี่ทนาย..

 

สวัสดีครับคุณ P  มนัสนันท์

อิ.อิ.พอเสร็จงานก็ได้รับรู้เกี่ยวกับ ฅ.ฅนเลยนะครับ เออ...ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายดีครับ...ฮา....

ขอบคุณครับที่คุณแมวกลับมา พักผ่อนบ้างนะครับ

"ท่านนายกต้องฟังผม เพราะผมอาวุโสกว่าและอยู่กับการเมืองมานานกว่า"

อ่านแค่ประโยคแรกก็ ปวดหมองๆ ค่ะ ... ไม่ต้องยกตัวชี้วัด หลักอะไรมามากมายพินิจ

แค่หน้าตา คำพูด ยิ่งสมรมกับการกระทำจนทุกวันนี้ ป่านนี้ประชาชีที่มีปัญญาทั้งหลาย

น่าจะมองออกแล้วนะคะว่า ไผเป็นไผ แม่นสิมาเพื่ออะไร เปิ้นยิ่งอู้ ก็ยิ่งยู้ฮู  ชัดเจนๆๆๆ

... อยุธยายังไม่สิ้นคนดีฉันใด รัตนโกสินทร์ยามนี้คงไม่สิ้นวีรบุรุษ สตรีฉันนั้น มั่นใจค่ะ

สวัสดีครับคุณP น้องซิลเวีย

ดีใจครับที่คุณน้องซิลเวียรู้จักอ่านนิสัยคนว่าใครเป็นเช่นใด

ความจริงแล้วทั้งหกคนต่างมีแนวคิดวิธีการพูดแตกต่างกันไป ฝ่ายรัฐถืออำนาจอยู่ในมือก็สามารถพูดจาและวางตัวไปอีกแบบ ถ้าถามผมว่าชอบฝ่ายรัฐหรือไม่  บอกได้ว่าไม่ได้ชอบและไม่ได้เกลียด เพราะตั้งแต่จำความได้เท่าที่มีรัฐบาลมายังไม่เคยมีรัฐบาลที่คิดฝันไว้เลย  ส่วนนายกผมคงกราบได้เพียง ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่านเดียวเท่านั้น

ทางฝากชาวแดงมีท่านหนึ่งที่ผมนึกรักในจุดยืนของท่าน แต่ไม่ได้ชอบจุดยืนของท่านนะ ผมมองว่าท่านเป็นคนที่มั่นคงในจุดยืนและแนวคิดของท่านตลอดมา ใครจะว่าอย่างไรก็ตามแต่ท่านคิดของท่านเยี่ยงนี้ตลอดมาไม่เคยก้าวออกจากจุดยืนเลย ไม่ว่าจุดที่ท่านยืนอยู่จะดีหรือจะชั่ว แต่ท่านยึดแนวคิดของท่านได้มั่นคง ถ้าอยู่ใกล้จะขอจับมือสักที คือคุณตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ เสียดายว่าท่านคิดต่างกับผมและกระทำในสิ่งที่ผมเห็นว่าไม่ยังประโยชน์ต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่สำหรับสองคนที่เหลือผมไม่ขอเอ่ยนามครับ เพราะยังสรรหาภาษาไทยที่เหมาะสมไม่ได้...ฮา....

ขอบคุณครับคุณน้องซิลเวีย

สวัสดีครับคุณP pooดำอันดามัน

ฮา....นึกอยู่แล้ว....รายการนี้คุณปูไม่แวะไม่ได้.....อิ.อิ.

คุณปูทราบป่าวว่าตอนนี้หากจะทำตัวเป็นเด็กแนว ต้องพูดว่าอะไร

เวลาใครมาพูดกับเรากลับไปกลับมา หรือพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่องว่ากำลังพูดอะไร หรือพูดยกตัวเองว่าแก่กว่าอะไรทำนองนี้ เด็กแนวเขามีคำใหม่แล้วครับ ว่าอย่ามาพูดเหวง..เหวง...นะ...ฮา....

ผมว่าเด็กแนวช่างคิดนะ สั้นและชัดแจ้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจต้องพูดว่า " เดินสะพานมากกว่าคุณเดินถนน " หรือ " กินเกลือมากกว่าคุณกินข้าว " หรือ " อ่านน้ำร้อนมาก่อนเจ้า " อะไรทำนองนี้หละครับ เจอเด็กแนวเข้าสั้นได้ใจความ...ฮา...

ขอบคุณครับที่แวะมาเป้นประจำ

วิเคราะห์ได้ดีค่ะ จะติดตามอ่านอีกค่ะ...อ่านความเห็นของแต่ละคนแล้ววิเคราะห์ได้เก่งๆ นะค่ะ

สวัสดีครับคุณครู P ปริมปราง

ใช่อย่างที่คุณครูว่านะครับ ทุกคนต่างคิดต่างวิเคราะห์กันได้เอง ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบด้วยกันเลยครับ อยู่ที่ภูมิรู้ของแต่ละท่านว่ามีมุมมองอย่างไร แต่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปต่อว่าคนที่เขาวิเคราะห์และมีมุมมองอีกด้านซึ่งต่างจากเรา ถ้าเราไม่เห็นด้วยไม่ชอบก็อ่านผ่านเท่านั้นไม่เห็นจะต้องโต้กันไปมา เนื่องจากเราในฐานะผู้ดู เราไม่ได้ทำตัวเป็นบุคคลสาธารณะ ในเมื่อชาวแดงทั้งสามทำตัวเป็นบุคคลสาธารณะ เราจึงมีสิทธิโดยชอบที่จะวิเคราะห์ท่านเหล่านี้ และเราในฐานะผู้ถูกบุคคลสาธารณะอ้างอิงว่าเป็นพวกหรือมอบหมายให้ไปเจรจาแทนเรา จึงมีสิทธิที่จะวิเคราะห์ตามที่คิด ตามที่เห็น ตามที่ทราบ ก่อนท่านเหล่านั้นจะพกพาเอาความเข้าใจว่าท่านเหล่านั้นเป็นตัวแทนของเราไปเจจา ท่านเหล่านั้นไม่ทราบเคยมาถามเราป่าว ว่าที่เราเห็นแดง หรือเหลือง หรือตาบอดสี

ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกเราเติมน้ำมันก็ต้องจ่ายตังค์อยู่ดี แถมเวลาจะขึ้นราคาน้ำมันก็ไม่เคยมาถามเราสักคำ เช่นการเจรจาครั้งนี้หละครับที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของชาวไทยกว่า20ล้านนะเคยมาถามเราบ้างป่าว...ฮา....

หรือจะฟังเราเฉพาะวันที่เรายังมีสิทธิกาเครื่องหมายผิดเพื่อเลือกคนผิดใช่ป่าว...ฮา...

อิ.อิ.ไม่รู้เมื่อไหร่ กกต.จะให้เรามีสิทธิกาเครื่องหมายถูกเพื่อเลือกคนถูกสักทีนะ

ขอบคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ

ก๊อกๆๆคุณทนาย..ครูบันเทิงก็  “ทุเรศ” บวกกับ “สงสาร” ค่ะ หมายถึง “สังเวช”

เช่นเดียวกันกับคุณทนายค่ะ..แหม! ใจตรงกันเชียว..ราตรีสวัสดิ์ค่ะ..

สวัสดีครับคุณครู P New.ครูบันเทิง

อิ.อิ.ก็เป็นอย่างนี้หละครับมีน้องสาวสวย ผมเลยใจตรงกับคุณพี่เสมอฮะ

ที่ผมบันทึกเรื่องนี้เพราะเดิมไม่ต้องการจะให้มีความเข้าใจผิดต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ไม่ว่าใครจะว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้องก็ตาม แต่เมื่อมีกฎหมายรับรองไว้ก็ต้องถือว่าถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย หากจะอ้างว่าไม่ถูกต้องแล้วยินยอมลงเลือกตั้งกันทำไม แล้วยอมเป็นนายกกันทำไม แล้วเข้าไปต่อสู้คดีทำไม ผมต้องการทำให้เห็นความจริงเท่านั้นหละครับว่ามีหลายคดีที่ศาลยกเอาความหมายของคำนิยามในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน มาประกอบการพิจารณาวินิจฉัยคดี

อย่างน้อยก็มีบุคคลหลายๆท่านที่ได้อ่านบทความของผมเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะให้ต้องเลือกว่าควรเห็นด้วยกับฝ่ายใด

ผมเองบอกแล้วว่ายังคิดจะขอจับมือคุณตู่ สักครั้งที่ท่านมีจุดยืนที่มั่นคง ไมว่าสังคมจะมองว่าดีหรือชั่ว ท่านก็ยังยืนในจุดเดิม และก็บอกแล้วถึงคิดจะขอจับมือก็ใช่จะเห็นด้วยกับแนวคิดของท่าน ยังนึกเสียดายที่ท่านคิดในมุมที่ต่างกับผม

ขอบคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ   

โอ้การเมือง เห็นแล้วปวดหัวจริงๆ ช่วงนี้ดูแต่การ์ตูน แก้เครียดค่ะ -__-"

ขอบคุณที่เอาข้อเท็จจริงมาบอกเล่าค่ะ สมัยนี้ ได้ยินอะไร ได้ฟังอะไร เห็นกับตา ก็อย่าเพิ่งเชื่อนะคะ

อรุณศุกร์สุขสันต์ค่ะคุณทนายแปดฯ

เมื่อก่อนตอนเด็กๆติดตามข่าวการเมืองแล้วจะต้องอินไปทุกที เดี๋ยวนี้ อิ อิ

สบายๆ มองเป็นเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เราก็รู้ว่าไผเป็นไผแล้วขำๆค่ะ

ปีใหม่ลงมาพิงงารึคะ ว้า สวนทางกันหลาวปูจะผ่านไปเป็นสาวลาดพร้าวสักวัน;)

 

สวัสดีครับคุณ P Ornคนน่ารัก

ใช่แล้วครับทุกวันนี้รับฟังอะไรมาต้องคิดนานๆ ตั้งคำถามกับตังเองมากๆ แล้วถ้ายังสนใจก็หาข้อมูลให้รอบด้าน และสิ่งหนึ่งก่อนถึงคำตอบคือ ทำไม เพื่ออะไร ใครได้ประโยชน์ เราก็จะได้สิ่งที่ต้องการครับ

คุณอรคิดดูนะครับ ประเทศไทยเราเป็นประเทศผลิตอาหารแท้ๆ แต่ทำไมต้องให้ประเทศที่ผลิตน้ำมันซึ่งกินไม่ได้ โทรศัพท์มือถือกินไม่ได้อีก ฯลฯ.แต่ยอมให้เขามากำหนดราคาข้าว ราคาพืชผัก ผลไม้ อาหารทะเล ทำไมรัฐไม่คิดจะทำให้เราเป็นคนกำหนดราคาบ้าง เอาแต่คิดจะให้ส่งข้าวออกเกรงเขาจะไม่ซื้อ น่าจะปล่อยให้เขาไปรุมซื้อประเทศอื่นเถอะยังไงก็ผลิตไม่พอแก่การบริโภคของประชากรโลกอยู่แล้ว เมื่อขาดจำนวนก็ต้องหันกลัมมาซื้อเรา น่าจะทนดูสักหน่อยแล้วเราจะได้เป็นฝ่ายกำหนดราคา ในเมื่อเราทนชาวเหลืองมาได้ 190 กว่าวัน ทดชาวแดงมา 20 กว่าวันเข้ามาแล้วเรายังทดเลย หากเขาผลิตน้ำมันมาต้มกินแทนข้าวได้ก็ให้รู้ไป และเมื่อโอกาสเป็นของเราค่อยมากำหนดว่าห้ามส่งข้าวที่ยังไม่เพิ่มมูลค่าออกนอกประเทศ รับรองคนไทยจะมีงานทำกันมากขึ้นเพราะผู้ค้าข้าวต้องหันมาผลิตเป็นข้าวพร้อมรับประทานเพื่อส่งออก เออ...คิดไปก็ไม่มีโอกาสเห็นนายกที่กล้าทำแนวนี้สักคน ผมถึงบอกว่า ใครจะเป็นนายกผมยังต้องจ่ายตังค์ค่าน้ำมันอยู่ดี ไงหละครับ คุณอรว่าจริงป่าว

ขอบคุณครับที่เปิดช่องให้ผมบ่น อิ.อิ.

สวัสดีครับคุณ P pooดำอันดามัน

จริงครับถ้ารู้ลึกการเมืองแล้วไม่ผิดจากที่เรียนมาทั้งในตำราและชีวิตจริง การเมืองทุกเม็ดเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แถมยังมากระทบเราอีก

ชักจะไม่เชื่อเรื่องกรรมแล้วหละครับ เพราะเราอยู่ของเราดีๆ มาขัดความสะดวกเราในการจะไปมาในทุกส่วนของกรุงเทพเลยต้องงด เพราะมีการขออภัยในความไม่สะดวกนี้ก็ปาเข้ามา 20 กว่าวันแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่กรรมจะมีให้เห็นจริงสักที หรือคงเป็นจริงตามจอภาพที่เห็นทุกวันเวลากินข้าว ใครทำดีจะถูกด่าถูกจิก ถูกฆ่า งั้นรอให้ถึงพรุ่งนี้เราคิดทำกรรมบ้างจะเป็นไรเนอะ

คุณปูขึ้นอิสานไม่ต้องแวะลาดพร้าวก็ได้นะ เพราะหนุมหล่อไม่อยู่...อิ.อิ.

ขอบคุณครับที่แวะทักทายบ่อยๆ

๕ ๕ อยากจะหัวเราะเป็นภาษาปะกากะญอ ฮ่อๆ วอเล่อเก คุณทนายแปดขา คิดนานไหมคะเนี่ย ..

ไม่แวะลาดพร้าว แล้วจะให้ป๋าอี๋ปูไปพักค้างที่ไหนล่ะคะ ก็บ้านเล็กปูอยู่ลาดพร้าวเนาะ ... ว่าแต่หนุมหลอ นี่หล่อประมาณไหนเอ่ย โปรดระบุนะคะ ..

เจอประโยคนี้ ยิ่งหัวเราะยิ้มไม่หายเลยค่ะ จะก็เสียดายข้าวกลางวันหลาวแล ๕ ๕

สวัสดีครับคุณ P pooดำอันดามัน

ตกลงครับคุณปูจะแวะก็แวะครับ แตแวะพักเฉยๆนะครับไม่ต้องไปมองหาหนุ่มที่ไหนอีก เพราะหนุ่มๆแห่งทุ่งลาดพร้าวนี้ถ้าผมไม่อยู่สักคน ก็เห็นจะต้องไปมองหาหนุ่มหล่อที่ทุ่งอื่นหละครับ แต่ผมว่าน่าจะหายากนะครับ...ฮา....

ขึ้นกรุงเทพแล้วหรือครับ

เดินทางไปอิสานขอให้เดินทางปลอดภัยและมีโชคมีลาภนะครับ

ขอบคุณครับคุณปูคนสวย...อิ.อิ.

สวัสดีค่ะคุณทนาย ^^

ไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน เลยมาอ่านย้อนหลัง ค่ะ

คงไม่ช้าไปใช่ป่าวคะ

มารับทราบความจริงค่ะ วันนั้นก็ได้ดูเช่นกันค่ะ และรู้สึกไม่ต่างกันกับคุณทนายค่ะ

(“สังเวช” อิอิ คำนี้ความหมายตามพจนานุกรมด้วยป่ะคะเนี่ย แต่ได้อารมณืเจงๆค่า 555)

การเมืองช่วงนี้ยิ่งติดตามข่าว ยิ่งเครียด

อากาศที่ว่าร้อนจัดแล้ว บวกกับการเมืองเครียดๆแบบนี้

โรงพยาบาลคงต้องทำงานหนักแน่ๆ อิอิ

สวัสดีครับคุณ P  Hana 

ไม่สายครับที่จะเข้ามาอ่านบทความนี้ จะอ่านช้าหรืออ่านเร็วก็ถือว่าแบ่งปันกันเรียนรู้ คุณหนึ่งคงจำได้นะครับ คำพูดเรื่องพจนานุกรมนี้เป็นการนัดเจรจาครั้งแรกครับ ผมมีบันทึกไว้ตามนี้ครับ

ยังมีเรื่องตุลาการภิวัฒน์อีกนะครับ ด้วยความเคารพนะครับท่านนายกฯ คงจะมีความรู้ทางกฎหมาย คงจะไม่มากไม่น้อยกว่าผมนะครับ บางด้านผมอาจจะมากกว่าท่าน บางด้านท่านมีมากกว่าผม ท่านตอบผมสักคำสิครับว่ามีที่ไหนในโลกนี้ไหมครับว่าการพิจารณาของตุลาการไปพลิกพจนานุกรมมาประกอบการตัดสิน ด้วยความเคารพนะครับ ผมเคารพต่อคำตัดสินวินิจฉัยของศาลเรียบร้อยแล้วนะครับ แต่ผมถามในเชิงกฎหมายนะครับ เพราะผมเรียนนิติศาสตร์มานะครับ นิติศาสตร์บอกเลยนะครับว่าในการพิจารณาคดีต้องเอาตัวกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรง ถ้ากฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงไม่มี เอากฎหมายที่ใกล้เคียง ถ้ากฎหมายที่ใกล้เคียงไม่มีก็เอากฎหมายสากลที่ใกล้เคียง ถ้าไม่มีก็เอาขนบธรรมเนียมประเพณีมาพิจารณา ไม่มีที่ไหนในหลักนิติศาสตร์ ด้วยความเคารพนะ ผมมีเพื่อนเยอะที่เป็นหมอ ในวันนี้เนี่ยเวลาเข้าไปประชุมทางการแพทย์ทั่วโลกไม่มีใครสนทนาเรื่องวิชาการแพทย์ เขาถามว่านายกฯ ของคุณนี่ถูกปลดด้วยเรื่องการทำกับข้าวได้อย่างไร ผมขายหน้ามาก นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นชัดว่า ตุลาการภิวัฒน์มีอำนาจสูงเหลือเกิน ในประเทศนี้

อ่านแล้วอย่าไปเคลียดเลยครับ มองให้เป็นเรื่องสนุกดีกว่าครับ ไม่งันเข้าโรงพยาบาลกันหมดแล้วไม่มีใครจ่ายยานะครับ..อิ.อิ.

ขอบคุณครับที่แวะให้กำลังใจ

มีหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่า รัฐบาลตั้งแต่ชุดของท่านสุรยุทธ ถึงนายกอภิสิทธิ์ ไม่พยายามนำเสนอข้อเท็จจริงต่าง ๆ ผ่านสื่อทุกประเภทของรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ข้อมูลที่บางกลุ่มใส่ร้าย ปล่อยให้เขากระทำมานาน  นานจนมีคนกลุ่มใหญ่เชื่อถือว่า สีดำ คือสีขาว  และจะอย่างไรก็จะเชื่ออย่างนั้น  จึงนำมาซึ่งความรู้ที่จำกัดและทำให้การบริหารจัดการสถานการณ์ของภาครัฐขณะนี้เป็นไปได้ลำบากมากขึ้น  ได้แต่ภาวนาครับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงที่ปกป้องประเทศชาติ  จะทำให้ผู้คิดไม่ดีต่อประเทศชาติ ได้รับผลกรรมของตนเร็วกว่าเดิม และสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติได้ทันที

สวัสดีครับท่าน P คณิน อุดมความสุข

อย่าว่าแต่ท่านเลยครับที่เห็นอย่างที่กล่าวมา

ผมเองก็เศร้าใจกับการแต่งตั้งรัฐมนตรีที่มาดูแลงานด้านนี้ บอกตรงๆไม่ทราบไปคัดเอา.......(เติมเอาตามใจชอบครับ) มาทำงานได้อย่างไรกัน อีกฝ่ายให้ข้อมูลที่ไม่จริง เท็จให้ชาวบ้านฟังทุกวันจนตัวรัฐมนตรีที่รับผิดชอบมาฟังเองจนหลงเชื่อว่าจริงไปด้วย เป็นเพราะอย่างนี้หละครับ ชาวบ้านถึงต้องโทษซวย จะโฆษณาไม่ให้โทษซวยก็ไม่ได้เพราะชาวบ้านไม่มีอำนาจไปเช็นปลดรัฐมนตรี

ตอนนี้ไม่แน่ใจแล้วหละครับว่ากรรมมีจริงหรือเปล่า เพราะกรรมทำงานช้ากว่า กกต.เสียอีกครับ

ขอบคุณครับที่แวะให้กำลังใจ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท