จิตมันก็หวั่นไหว แต่ถ้าเรามีสติ จิตก็ไม่หวั่นไหว จิตตั้งมั่นต่อสู้พิจารณาอย่างชัดเจน
มันเห็นอาการต่างๆที่เกิดขึ้น มันเห็นสภาวะที่กำลังจะปวด ก็กำหนดปวดหนอๆ
มันเป็นสัญญาณเตือนภัยกำหนดทันทีว่ารู้หนอ แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะเผลอสติ
เมื่อมันปวดแล้วจึงค่อยกำหนดว่า ปวดหนอ
แท้ที่จริงสภาวะปวดหรือเวทนามันเกิดขึ้นแล้ว
ตั้งแต่เราเดิน หรือยืน หรือขณะที่กำลังนั่ง ตัวสภาวะตัวนี้เกิดขึ้น
แต่ไม่ได้เอามาพิจารณา มันก็ปวดเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้กำหนดพิจารณาทางจิตให้ละเอียด
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือจิตที่ระลึกรู้คิดเป็นในทางบุญก็ให้รู้ว่าคิดเป็นทางบุญ
จิตที่ระลึกรู้คิดเป็นไปทางบาปก็ให้รู้ว่าคิดไปทางบาป
โดยให้พิจารณารู้ว่าอันนี้มันเป็นบุญนะ อันนี้มันเป็นบาปนะ
การมีสติระลึกรู้อยู่บ่อยๆ เป็นประจำๆ ทำให้ไม่เผลอสติ
ส่วนที่เป็นกุศล ส่วนที่ไม่เป็นอกุศล หรือส่วนที่มันอยู่ตรงกลางแห่งความสุข คือ ความพอดี
เราก็จะได้เห็นได้รู้ทัน แต่หากเราไม่รู้ทันไม่เห็นสภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น
จิตก็จะหวั่นไหวไปตามกิเลสสภาวะอารมณ์เป็นไปตามตัณหาร้อยแปด
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
กามตัณหามี ๓๖ ภวตัณหามี ๓๖ วิภวตัณหามี ๓๖ องค์ธรรมรวมกันเป็น ๑๐๘
คือกิเลส ๑,๕๐๐ และตัณหา ๑๐๘
ซึ่งตรงนี้ทำให้หลงสุขเกลียดทุกข์ ไม่อยากมี ไม่อยากเอา
ตัวสภาวะที่เกิดขึ้นโดยที่เราก็ไม่อยากจะได้สภาวะอาการนั้น
มันทำให้รู้สึกปวดอึดอัด หายใจไม่คล่อง
อาการพองไม่เห็น อาการยุบไม่เห็น
มันไม่มีอะไรเลย ทำให้จิตอึดอัด
เราจึงไม่อยากให้มีสภาวะอารมณ์อย่างนั้นและไม่อยากเป็นเช่นนั้น
พอจิตไม่อยากมีสภาวะอารมณ์นั้น มันก็เกิดความทุกข์ รู้สึกอึดอัดใจ
ตัวอึดอัดใจตัวนี้มัน คือ ตัวฟุ้ง
อย่างไรก็ตามเมื่อมีสติ สมาธิ ปัญญา เข้ามาพร้อมกัน
มีสติและสมาธิมากำกับ กำหนดรู้ทันต่อเหตุการณ์ต่อสภาวะที่เกิดขึ้น
การขับเคลื่อน หรือการควบคุมของสภาวจิตของสติ ก็จะเป็นไปได้อย่างง่ายดายและราบรื่น
จิตของเราก็จะรู้ว่าขณะนี้จิตท่องเที่ยวไปในเรื่องบุญ
รู้ว่าขณะนี้จิตท่องเที่ยวไปในเรื่องบาป
รู้ว่าขณะนี้จิตท่องเที่ยวไปในเรื่องของอดีต
รู้ว่าขณะนี้จิตท่องเที่ยวไปสู่อนาคต
พระพุทธองค์ตรัสว่า
อดีตที่ผ่านมาแล้วให้ละทิ้งไป
อนาคตยังมาไม่ถึง ก็อย่าเพ้อฝัน
ให้กำหนดเอาปัจจุบันส่วนนี้ ให้เห็นชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียง กำหนดเสียงหนอ
เสียงกระทบที่ไหนให้กำหนดตรงที่กระทบ ไม่ใช่กำหนดที่เสียงหรือกำหนดที่หู
กำหนดที่กระทบหรือภาษาพระ เรียกว่า ผัสสะ
ซึ่งตรงไหนที่มันกระทบหรือที่มันได้ยินก็กำหนดตรงนั้น
ตาเห็นรูปกำหนดตรงไหน กำหนดที่ตาหรือกำหนดที่รูป
โดยให้กำหนดในขณะที่ตัวผัสสะคือตัวกระทบนั่นเองว่าเห็นหนอ
พอใจ ก็กำหนด พอใจหนอ
ไม่พอใจ ก็กำหนด ไม่พอใจหนอ
นี่คือ การกำหนดด้วยสติ
ธรรมย่อมรักษาผู้ที่รักษาธรรม