บทคัดย่อ
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ ให้ผู้เรียน
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ให้เป็นคนดี
คนเก่งและมีความสุข และมีคุณลักษณะตามจุดมุ่งหมายตามหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ซึ่งใช้กิจกรรมการเรียนการสอนแบบซิปปา เป็นรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ผู้เรียนค้นพบและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ 1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2โรงเรียนสองครพิทยาคม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 จำนวน 32 คน ผู้รายงานได้กลุ่มตัวอย่างมาโดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มอย่างง่าย โดยวิธีจับฉลาก (Simple Random Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ได้แก่
1. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน
จำนวน 6 แผน รวม 18 ชั่วโมง
2. เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 เล่ม
3. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอิงเกณฑ์เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 70 ข้อ เป็นข้อสอบปรนัย แบบ 4 ตัวเลือก
4. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอน จำนวน 15 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน
ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฎดังนี้
1. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน
การสอน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ประสิทธิภาพเท่ากับ 81.03/85.94 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ผลการทดลองจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสาร
ประกอบการเรียนการสอนทั้ง 7 เรื่อง นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละก่อนเรียน 52.46 คะแนนเฉลี่ย
ร้อยละ การทำกิจกรรม 80.03 คะแนนเฉลี่ยร้อยละหลังเรียน 85.84 มีความก้าวหน้าเฉลี่ยร้อยละ
33.38 ซึ่งแสดงถึง การที่นักเรียนมีความรู้มากยิ่งขึ้นจากการเรียนด้วยจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอนคิดเป็นร้อยละ33.38
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับ
เอกสารประกอบการเรียนการสอน เรื่อง กฎหมายเกี่ยวกับตนเองและครอบครัว อยู่ในระดับ
ความพึงพอใจมาก
โดยสรุป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยการจัดกิจกรรมแบบสมองเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียนการสอนช่วยพัฒนาการเรียน การสอนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น จึงควรสนับสนุนให้ครูนำรูปแบบไปใช้ในการเรียนการสอนในกลุ่มสาระอื่นๆ ทุกระดับชั้น
ไม่มีความเห็น