ใจความอาจไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจน
นักเรียนซึ่งเป็นผู้อ่านต้องอาศัยการสังเกตจึงจะสามารถจับใจความเรื่องที่อ่านได้ถูกต้อง
การสังเกตดังกล่าวต้องอาศัยหลักการคิดขั้นเข้าใจ
เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถค้นหาใจความของเรื่องได้ดังที่
สุนันทา มั่นเศรษฐวิทย์ (๒๕๔๗)
ได้กล่าวถึงวิธีค้นหาใจความไว้ดังนี้
๑) อ่านชื่อเรื่องทุกถ้อยคำ
ทำความเข้าใจความหมายก่อนที่จะอ่านเนื้อเรื่อง
โดยทั่วไปชื่อเรื่องจะให้แนวทางเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
แต่อาจมีบางเรื่องที่ชื่อเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเลย
ชื่อเรื่องที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ ควรใช้พจนานุกรม
เปิดหาความหมายให้เข้าใจก่อนอ่านเนื้อเรื่อง
๒)
อ่านละเอียดทีละย่อหน้า
เมื่ออ่านจบแต่ละย่อหน้าให้หาประโยคสำคัญของย่อหน้า ซึ่งอาจปรากฏอยู่ในตอนต้น
ตอนกลางและตอนท้ายของย่อหน้าตอนใดตอนหนึ่ง
อาจเป็นประโยคสามัญ ประโยครวมและประโยคซ้อน
อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน
ประโยคที่เหลือของย่อหน้าจะเป็นประโยคพลความ
๓)
จดบันทึกประโยคสำคัญของแต่ละย่อหน้าลงสมุด
ส่วนที่เป็นพลความไม่ต้องบันทึก
๔)
อ่านละเอียดประโยคสำคัญที่บันทึกไว้โดยเทียบเคียงกับเนื้อเรื่องที่อ่านทั้งหมดเพื่อความ
แน่ใจว่าประโยคต่างๆ ที่บันทึกไว้
เป็นประโยคสำคัญของแต่ละย่อหน้าอย่างแท้จริง
๕)
นำประโยคสำคัญทั้งหมดที่บันทึกไว้มาเขียนเรียงลำดับให้เป็นใจความโดยปรับภาษาให้สละสลวย
และให้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน
๖)
อ่านละเอียด
ใจความที่ปรับภาษาเพื่อความถูกต้องชัดเจนพร้อมทั้งตรวจทานความถูกต้องของการสะกดคำ
การเว้นวรรคและหลักภาษา
ที่มา : คู่มือการสอนภาษาไทย สร้างเด็กไทยให้อ่านเก่งอ่านเร็ว
ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓)
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สถาบันภาษาไทย