เมื่อเร็วๆ นี้ L.E Berk แห่ง Illinois State Univ.
ในสหรัฐอเมริกา ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสาร Child Development สนับสนุนความคิดของ Vygotsky และ Kohlberg
เธอกับคณะได้พบว่า ขณะอยู่ท่ามกลางสังคมที่สับสน เด็กเล็กๆ มักจะ ใช้วิธีการพูดกับตนเองในการแก้ปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่
การพูดกับตนเองจะเกิดบ่อยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของ กิจกรรมที่เด็กคนนั้นกำลังทำอยู่ และขึ้นอยู่กับการที่เขาเข้าใจความมุ่งหมายของงานที่เขากำลังทำอีกด้วย
นอกจากนี้อุปนิสัย ส่วนตัวของเด็กก็เป็นปัจจัยสำคัญในการชักนำให้เด็กพูดกับตนเอง
ดังนั้นเมื่อครู หรือผู้ปกครองเห็นเด็กกำลังพูดกับตนเอง นั่นก็คือสัญญาณการชี้บอกให้ผู้ใหญ่แสวงหาหนทางสร้างสหภาพแวดล้อมของเด็ก
ให้เขาใช้กระบวนการพูดกับตนเองได้ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเวลาเด็กเล็กพยายามทำงาน ที่เขาไม่เคยมีประสบการณ์ทำมาก่อน เด็กคนนั้นจะพูดกับตนเองบ่อย แสดงว่าเขากำลังต้องการคำพูดสนับสนุนจากผู้ใหญ่ และต้องการการประคับประคอง
เวลาที่เขาไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายในการทำกิจกรรมใดๆ เขาก็มักจะพูดกับตนเองบ่อยเช่นกัน ผู้ใหญ่ก็อาจจะบอกวิธีทำจุดมุ่งหมายที่เกิดขึ้น ให้เขาเห็นอย่างชัดเจนก่อน
เมื่อสังเกตเห็นว่า เขาเข้าใจแล้ว ผู้ใหญ่จึงค่อย ถอนตัวออกมาทีละน้อยเพื่อให้เด็กรู้จักทำกิจกรรมตามแนวความคิดของตัวเด็กที่ถูกสั่งห้าม หรือถูกตำหนิ
เวลาที่เขาพูดกับตนเอง มักจะเกิดอาการไม่ชอบเรียนหนังสือ และเด็กเหล่านี้มักจะไม่รู้จักควบคุมอารมณ์เวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า
เมื่อเป็นเช่นนี้ Berk และคณะจึงสรุปว่า การพูดกับตนเองเป็นพฤติกรรมที่ปกติของเด็กเล็กที่ผู้ใหญ่ควรสนใจ เพื่อจะได้เข้าใจ ความคิดฝัน และความยุ่งยากในจิตใจของเขา อันจะนำไปสู่การหาหนทางช่วยเหลือ หรือชี้แนะให้เขาสามารถแก้ปัญหา ที่เขากำลังประสบอยู่ให้ลุ่ล่วงด้วยตัวเขาเองได้ ณะนี้
ทฤษฎีของ Vygotsky กำลังมีบทบาทมากในการช่วยนักการศึกษาสอนเด็กเล็กที่มีปัญหาในการเรียนหนังสืออีกด้วย
เสียดายที่ทฤษฎีนี้พลาดโอกาสช่วยผู้ใหญ่รุ่นเราให้เรียนได้ และเรียนดีกว่านี้ค่ะ
From: http://variety.teenee.com/science/5344.html
ต้องเรียนรู้เรื่อง เด็กเล็ก เพราะ จะได้กอดหลานชายแล้วค่ะ...เอิ๊กเอิ๊ก