ทริปนี้ที่เกาะเหลาเหลียง


ความจริงที่ต้องบอกต่อ

ทริปนี้ที่เกาะเหลาเหลียง ความจริงที่ต้องบอกต่อ

        ประมาณ 1 ปีที่แล้ว ได้รับอีเมล์จากเพื่อน  ชื่อเรื่อง“เกาะเหลาเหลียง อยากไปมั้ย” แล้วก็มีรูปแบบนี้แนบไฟล์มาให้ดู

                  

         ตอบเพื่อนกลับไปเลย ไม่ต้องคิด “ไปเมื่อไหร่ไปด้วยนะ” ตั้งใจไว้ว่าจะต้องหาโอกาสไปให้ได้ จนเมื่อประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อน ๆ + พี่ ๆ รวมกลุ่มกันได้โดยนัดหมายบ้าง ไม่ได้นัดหมายบ้าง 14 คน มุ่งหน้าสู่จังหวัดตรัง ถึงท่าเรือจึงได้รู้ความจริงว่า รูปที่เราได้รับมาด้านบนไม่ใช่รูปของเกาะเหลาเหลียง ไม่มีน้ำตก และไม่มีอะไรที่เหมือนกับในรูปด้านบนเลย (ฝันสลายดอกฝ้ายบาน) ทำไงได้ซื้อทัวร์มาแล้วนี่ ไปลองดูก็ได้ว่าที่เกาะเหลาเหลียงมีความสวยงามอะไรให้เราได้ชื่นชมบ้าง

            นั่งเรือจากท่าเรือไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ไกด์ตาดีมากเห็นปลาโลมาเล่นน้ำ อยู่ คนขับเรือลดความเร็วเรือทันทีเหมือนกัน แล้วขับตีวงไปทางปลาโลมา สักพักเราก็เห็นมันขึ้นมาหายใจ 2 ตัว แล้วก็หายไปอีก สักพักเห็นอีก 3 ตัว คนขับเรือเลี้ยวเรือเป็นวงกลมเพื่อให้เราได้ดูกันอีก แล้วก็เห็นว่ายเรียงกันเลย 3 ตัว ในท่าเดียวกัน น่ารักมาก เหมือนตั้งใจจะมาโชว์เราซะงั้น เรารอดูความสวยงามนี้อยู่ประมาณ 15 นาที อันนี้ประทับใจไร้ขีดจำกัดจากนั้นนั่งเรือมาอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะเหลาเหลียงน้อง

         

บริเวณหน้าเกาะเหลาเหลียงน้อง

 

   

 

          เกาะเหลาเหลียงถือว่าเป็นเกาะที่เงียบ สงบ มีคนเข้าพักต่อวันไม่มากนัก เป็นชาวต่างชาติประมาณครึ่ง ๆ กับคนไทย การจัดการที่พักและอาหารบนเกาะเข้าใจว่าเป็นของบริษัททัวร์ร่วมกับอุทยาน

      

      

     ไกด์นัดตอนบ่ายสองเพื่อไปดำน้ำดูปะการังอ่อนที่หัวเกาะเหลาเหลียงน้อง ช่วงแรกเราเจอดอกไม้ทะเลกับนีโม่ น่ารักมาก

อาจจะมีไม่มากเหมือนที่หมู่เกาะสุรินทร์ แต่ก็มีให้ดูเราก็ดำดูปลาอื่น ๆ โน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย ๆ จนถึงหัวเกาะอันนี้สวยจริง ๆ ที่เราเห็นมีสีชมพูอ่อน สีม่วง สีขาว ไม่น่าเชื่อเหมือนเป็นดอกไม้เรืองแสง ชอบมากมาก

  

เชื่อมั้ย ไม่ได้ดูอย่างอื่นอีกเลย ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดเฝ้าดูปะการังอ่อนอย่างเดียวเลยจนได้เวลากลับ

วันที่สองช่วงเช้า ไกด์พาเราและชาวคณะไปดำน้ำดูปะการังที่เกาะตะเกียง ใช้เวลานั่งเรือจากเกาะเหลาเหลียงน้องไปเกาะตะเกียงประมาณครึ่งชั่วโมง สำหรับเราก็ชิว ชิว  ส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็ง แต่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

ช่วงบ่ายเราไปดำน้ำที่เกาะเหลาเหลียงพี่

 

ที่นี่นะ ขอบอกปะการังอ่อนเยอะมาก หลากสีสัน กัลปังหาก็หาดูง่าย ๆ เยอะมากละลานตา สำหรับเราถือว่าอลังการ

 

 

ไกด์ยังบอกอีกว่าปกติปะการังอ่อนจะหาดูได้ต้องดำน้ำลึก แต่สำหรับแหล่งที่จะดำน้ำตื้นแล้วได้เห็นปะการังอ่อนมีอยู่ 4 ที่ คือ เกาะเหลาเหลียงพี่ เกาะเหลาเหลียงน้อง เกาะไห และร่องน้ำจาบัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับระดับน้ำและช่วงเวลาของการขึ้นลงของน้ำด้วย

    ที่นี่เรายังเจอปลาสิงโตทะเลคู่นึงด้วย ตอนแรกคิดว่าตัวเดียว ดู ๆ อยู่สักพัก มันค่อยว่ายน้ำแยกออกจากกัน เป็นภาพที่น่าดูมาก อันนี้ต้องเฝ้าดูอยู่จนถึงเวลากลับเหมือนกัน
          โดยรวมแล้วถือว่าประทับใจ แต่การจัดการและการให้บริการของเจ้าหน้าที่บนเกาะยังไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอาหาร จัดเป็นบุฟเฟ่ แต่อาหารก็น้อยเหลือเกิน จะตักแต่ละครั้งรู้สึกเกรงจั๊ย เกรงจัย อาหารเช้ายังแบ่งคนไทยกับคนต่างชาติอีก ไอ้เราก็ไม่รู้  เข้าใจว่าเหมือนกัน (ก็ไม่มีใครบอกหรือมีป้ายบอกไว้) พอไปสั่งแบบที่ฝรั่งสั่งบ้างเท่านั้น กลับบอกว่าแบบนี้ได้เฉพาะฝรั่ง ของคนไทยต้องเป็นข้าวต้ม กลายเป็นสองมาตรฐานไปซะงั้น ซ้ำพนักงานยังบ่นดัง ๆ เป็นภาษาถิ่นให้ได้ยินอีกว่า “ประเทศไทยไม่เจริญก็เพราะคนไทย “แดก” กันมากอย่างนี้นี่เอง” แหมไอ้เราก็ดันเป็นคนถิ่นนี้ ไปฟังของเค้ารู้เรื่องซะอีก อันนี้ก็เล่ากันขำขำนะ ใครไปมาแล้วเจอหรือไม่เจอแบบเราก็บอกเล่าเก้าสิบเอ็ดมาได้นะจ๊ะ

หมายเลขบันทึก: 341700เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2010 14:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • สวยมาก อยากไปบ้าง แต่ต้องเตือนคนอื่นด้วยว่าไปแล้วก็ต้องรักษาสภาพธรรมชาตินะจ๊ะ อย่าไปจับหรือแตะต้อง ดูแต่ตามืออย่าต้อง อย่าเหยียบด้วย จะได้อยู่คู่เมืองไทยไปนานนาน
  • รอดูรูป สิมิลันอยู่นา เมื่อไหร่จะลงให้อ่านเสียที
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท