วันนี้ผมขอเเลกเปลี่ยนทั้งมุมมองเเละความในใจ..ในประเด็นวิถีเเห่งปราชญ์...พระดีที่อยากบอก...ขอเชิญชวนสมาชิกGOTOKNOWทุกท่านได้ร่วมกันค้นหา บอกทางหรือเเนะนำ พระที่เป็นผู้นำทางศาสนา ผู้นำจิตใจ เเละเป็นทายาทคถาคตองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ...ทั้งในอดีตเเละปัจจุบัน เพื่อเป็นเข็มทิศให้กับชาวพุทธได้รู้จักเเละน้อมนำใจให้ไฝ่หา.......โดยระบุชื่อ สถานที่ เเละประวัติย่อ ของท่านด้วยนะขอรับ...สำหรับท่านเเรกผมเสนอท่านพุทธทาสภิกขุขอรับ
ท่านอาจารย์พุทธทาส มีนามเดิมว่า เงื่อม นามสกุล พานิช เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๙ ในสกุลของ พ่อค้าที่ตลาด พุมเรียง ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี บิดา ชื่อ เซี้ยง มารดาชื่อ เคลื่อน มีน้อง สองคน เป็นชาย ชื่อ ยี่เก้ย และ เป็นหญิง ชื่อ กิมซ้อย
บิดาของท่านมีเชื้อสายจีน ประกอบอาชีพหลัก คือ การค้าขาย ของชำ เฉกเช่น ที่ชาวจีน นิยมทำกันทั่วไป แต่อิทธิพลที่ท่านได้รับจากบิดา กลับเป็นเรื่องของความสามารถทางด้านกวี และ ทางด้านช่างไม้ ซึ่งเป็นงาน อดิเรก ที่รักยิ่ง ของบิดา
ส่วนอิทธิพลที่ได้รับจากมารดา คือ ความสนใจ ในการศึกษาธรรมะ อย่างลึกซึ้ง อุปนิสัย ที่เน้น เรื่อง ความประหยัด เรื่องละเอียดละออ ในการใช้จ่าย และการทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด และต้องทำให้ดีกว่าครูเสมอ ท่านได้เรียนหนังสือเพียงแค่ชั้น ม.๓ แล้วต้องออกมาค้าขาย แทนบิดา ซึ่งเสียชีวิต
ครั้น อายุครบ ๒๐ ปี ก็ได้บวชเป็นพระ ตาม คตินิยม ของชายไทย ที่วัด โพธาราม ไชยา ได้รับ ฉายา ว่า " อินทปัญโญ" แปลว่า ผู้มีปัญญา อันยิ่งใหญ่ เดิมท่านตั้งใจจะบวชเรียน ตามประเพณีเพียง ๓ เดือน แต่ ความสนใจ ความซาบซึ้ง ความรู้สึก เป็นสุข และสนุก ในการศึกษา และเทศน์ แสดงธรรม ทำให้ท่าน ไม่อยากสึก เล่ากันว่า เจ้าคณะอำเภอ เคยถามท่าน ขณะที่เป็น พระเงื่อม ว่า มีความคิดเห็น อย่างไร ในการใช้ชีวิต ท่านตอบว่า "ผมคิดว่า จะใช้ชีวิต ให้เป็น ประโยชน์ แก่ เพื่อนมนุษย์ให้มากที่สุด" "..แต่ถ้า ยี่เก้ย จะบวช ผมก็ต้องสึก ออกไป อยู่บ้าน ค้าขาย" ท่านเจ้าคณะอำเภอ ก็เลยไปคุยกับโยมแม่ของท่านว่า ท่านควรจะ อยู่เป็นพระ ต่อไป ส่วนยี่เก้ย น้อยชาย ของท่าน นั้น ไม่ต้องบวช ก็ได้ เพราะมีชีวิต เหมือน พระอยู่แล้ว คือ เป็นคนมักน้อย สันโดษ การกินอยู่ ก็ เรียบง่าย ตัดผมสั้นเกรียนตลอดเวลา นายยี่เก้ย ก็เลย ไม่ได้บวช ให้พี่ชาย บวช แทน มาตลอด
พระเงื่อม ได้เดินทาง มาศึกษาธรรมะต่อ ที่กรุงเทพฯ สอบได้นักธรรมเอก แล้วเรียนภาษาบาลี จนสอบได้ เปรียญ ๓ ประโยค ระหว่างที่เรียน เปรียญธรรม ๔ อยู่นั้น ด้วยความที่ท่านเป็นคนรักการศึกษา ค้นคว้า จากพระไตรปิฎก และศึกษาค้นคว้า ออกไปจากตำรา ถึงเรื่อง การปฏิรูป พระพุทธศาสนา ในประเทศศรีลังกา อินเดียและ การเผยแพร่ พระพุทธศาสนา ในโลก ตะวันตก ทำให้ท่าน รู้สึกขัดแย้ง กับ วิธีการสอนธรรมะ ที่ยึดถือ รูปแบบ ตามระเบียบ แบบแผน มากเกินไป ความย่อหย่อน ในพระวินัยของสงฆ์ ตลอดจน ความเชื่อที่ผิดๆ ของ พุทธศาสนิกชน ในเวลานั้น ทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นว่า พระพุทธศาสนาที่สอน ที่ปฏิบัติกัน ในเวลานั้น คลาดเคลื่อน ไปมากจากที่ พระพุทธองค์ ทรงชี้แนะ
ท่านจึงตัดสินใจ หันหลังให้กับการศึกษาของสงฆ์ เวลานั้น กลับไชยา เพื่อศึกษา และทดลองปฏิบัติ ตามแนวทาง ที่ท่านเชื่อมั่น โดยร่วมกับนายธรรมทาส และ คณะธรรมทาน จัดตั้งสถานปฏิบัติธรรม "สวนโมกขพลาราม" ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ จากนั้น ท่านได้ศึกษา และปฏิบัติธรรมะ อย่างเข้มข้น จนเชื่อมั่นว่าท่านมาไม่ผิดทางแน่ และได้ประกาศ ใช้ชื่อนาม "พุทธทาส "เพื่อแสดงว่า ให้เห็นถึง อุดมคติสูงสุด ในชีวิตของท่าน
ขอขอบคุณ http://www.uthaisak.net/buddhadashistory.htm
เเละภาพทั้งหมดจากอินเทอร์เน็ต
ภาพวาดสีน้ำมัน ผลงานเทอดศักดิ์ ไชยกาล
อนุโมทนา
นมัสการพระคุณเจ้า..กระผม อยากทำความดีที่สามารถทำได้โดยช่วยกันส่งเสริมพระดีที่สังคมไทยควรบูชาขอรับ
สวัสดีค่ะ
สุขสันต์วันแห่งความรักน่ะค่ะ..
ขอบคุณในศรัทธาเพื่อนอ้อยมากๆๆ อนุโมทนาเช่นกัน
คุณครูอิงจันทร์ไม่พบกันนานเลย..ขอบคุณนะขอรับ....
สุขสันต์วันพระขอรับ
ครูบันเทิง เริงรมณ์เก่งเสมอเลยขอรับ
หลวงปู่ชา สุภัทโท
หลวงปู่ชา สุภัทโท พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) หรือ หลวงพ่อชา หรือ อาจารย์ชา เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน หลวงปู่ชา สุภทฺโท ขณะมีชีวิตอยู่ท่านได้อุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมและเผยแพร่พุทธศาสนา ทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ซึ่งบังเกิดผลทำให้ผลงานที่เป็นประโยชน์อเนกอนันต์แก่พระศาสนา ทั้งที่เป็นพระธรรมเทศนา และสำนักปฏิบัติธรรมในนามวัดสาขาวัดหนองป่าพงมากมาย ซึ่งแม้ท่านจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่ศิษยานุศิษย์ของท่านก็ยังคงรักษาแนวทางปฏิบัติธรรมที่ท่านได้สั่งสอนไว้จนถึงปัจจุบัน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวัสดีคะ ท่านอาจารย์พี่
พอลล่าใช้คำเทศนา ของท่านเป็นแนวทางในการทำงานค่ะ
หวัดดีจารย์กู้...พักนี้ไปวัดบ่อยอย่าลืมเอาบุญมาฝากนะ......
อาจารย์ k-kukiat
ไปเยี่ยมลูกศิษย์... น่ะ ทานกลางวันหรือยังคะ... แล้วทานยาหรือยังอ่ะ ห้ามแอบเอายาทิ้งด้วยล่ะ เห็นนะ... ฮา
เอากาแฟมาฝากค่ะ ทำงานจะได้ชดชื่น และพระพุทธรูปที่หน้าโรงเรียน ปางลีลา งดงาม มองแล้ว จิตใจผ่องแผ้วเบิกบาน สงบ เย็นใจค่ะ...
ดูแลตัวเองด้วยค่ะ
อ้อ.... ขอคุณที่เอาแสตมป์โบราณ ไปฝากค่ะ โบราณได้ใจจริงๆ....ฮา
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี
พระ อาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เป็นพระภิกษุชาวญี่ปุ่น ท่านอุปสมบทในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี หลวงพ่อเจ้าประคุณพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) เป็นองค์อุปัชฌาย์ ท่านเป็นสัทธิวิหาริกรุ่นแรกของหลวงพ่อชา สุภัทโท ได้จำพรรษาที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ได้อุปัฏฐากดูแลหลวงพ่ออย่างใกล้ชิดเป็นเวลานานด้วยความเคารพบูชาอย่างสูง ท่านอยู่ในคณะผู้บุกเบิกวัดป่านานาชาติซึ่งมี พระอาจารย์สุเมโธ (ปัจจุบันคือพระราชสุเมธาจารย์) เป็นหัวหน้าคณะ
ตลอดระยะเวลาที่ท่าน ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ในประเทศไทยนั้น ท่านบำเพ็ญเพียรมาหลายรูปแบบ และธุดงค์มาแล้วหลายแห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งที่อุดมสมบูรณ์และที่ทุรกันดาร ในประเทศไทยท่านได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการธุดงค์เพื่อหาความสงบวิเวกไปตามภาค ต่างๆ ท่านได้รู้จักและเห็นความเป็นอยู่ของคนไทยทั่วทุกภาค ทั้งรู้สึกสำนึกในความศรัทธา ความเสียสละ และความเคารพของคนไทยที่มีต่อพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีส่วนทำให้ท่านยิ่งเร่งทำความเพียรมากขึ้น
การที่ท่านพระ อาจารย์ได้มาประเทศไทย และได้บวชเป็นศิษย์ต่างชาติท่านหนึ่ง ของหลวงพ่อพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) นั้น เป็นเรื่องที่ "เป็นไปเอง" ตั้งแต่เด็กๆ ท่านคิดเสมอว่า "อะไรคือชีวิตที่น่าพอใจ... ชีวิตน่าจะมีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้..." ท่านพระอาจารย์จึงออกสัญจรรอนแรมจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ท่านเดินทางสู่อินเดีย เนปาล อิหร่าน และยุโรป แล้วเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปแอฟริกา วกกลับสู่อินเดีย
เมื่อเดินทาง ถึงพุทธคยา เห็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ก็ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์และ ประจักษ์ต่อใจว่า "นี่คือสิ่งที่แสวงหา สัจจะความจริงอยู่ภายในกายกับใจของเรานี้เอง ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ ทุกคนทุกชีวิตสามารถพ้นทุกข์ได้" ท่านจึงหยุดการแสวงหาจากภายนอก เข้าสู่การค้นหาภายใน
จากนั้นท่านก็ได้ไปฝึกโยคะอยู่ที่สำนักโยคี แห่งหนึ่ง ในประเทศอินเดียนั่นเอง และก็เริ่มมีประสบการณ์โยคะบ้าง ท่านเกิดความพอใจ คิดว่าจะเป็นโยคีอยู่ที่อินเดียตลอดชีวิต แต่บังเอิญวีซ่าหมด มีคนแนะนำ ให้เดินทางมากรุงเทพฯ ต่อมาก็มีผู้แนะนำท่านให้ไปกราบหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งท่านก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ตั้งแต่บัดนั้น
http://buddhist-brightmoon.blogspot.com/2009/10/mitsuo-gavesako.html
สวัสดีค่ะ
มาหาความรู้ดีๆจากบันทึกนี้ค่ะ
ดิฉันได้แนวทางการฝึกกรรมฐานจากข้อเขียนของท่านพุทธทาส และหลวงพ่อชา
ส่วนแนวทางการดำเนินชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากพระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) พระไพศาล วิสาโล
โชคดีจังค่ะ ที่เกิดมาเป็นคนไทย เป็นลูกของพ่อและแม่ จึงได้รู้จักศาสนาพุทธตั้งแต่เด็กๆค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์
- แวะมาทักทาย สบายดีนะค่ะ
- สาธุ สาธุ ขอบคุณสำหรับบันทึกดีดี นะค่ะ
- ขอให้อ.สุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
ท่าน พี่ก็นอนดึก นะคะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ