ป้านพ
น.ส. นพขนก สุวรรณ สุวรรณพิมลกุล

ธรรมานามัย


ประกาศรับสมัครบุคคลเข้าฝึกอบรม "ธรรมานามัย" รุ่นที่ 7
หมายเลขบันทึก: 335085เขียนเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2010 18:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2014 05:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณค่ะ

หากมีโอกาสก็ขอเชิญไปดูงานอบรมก่อน ได้นะคะ

ยินดีที่รู้จักและขอต้อนรับนะคะ

มายินดีต้อนรับ

เผลอหน่อยเดียว

4 ปีแล้วครับ

ขอบคุณ คุณ Lek Pichitra จิตอาสาที่ส่งลายน์มาที่กลุ่ม"กัลยาณการุณย์"
ขอนำมาแบ่งปัน ที่นี่ด้วยนะคะ ชอบคุณค่ะ

...เพื่อนหมอรักษามะเร็งส่ง
มาให้อ่านและรู้จักโรค
ในเชิงป้องกันครับ

"หลังจากหลายปีที่พูดกัน
ว่าการทำคีโมเป็นทางเลือก
เดียวที่จะลอง และใช้ใน
การกำจัดโรคมะเร็ง

ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น
ฮอพกินส์ ก็เริ่มแนะนำถึง
ทางเลือกอื่นๆ อีก
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรค
มะเร็งจาก รพ.จอห์น
ฮอพกินส์"

1.ทุกๆคนมีเซลมะเร็ง
อยู่ในร่างกาย เซลมะเร็ง
เหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธี
การตรวจสอบตามมาตรฐาน
จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่ม
ขึ้นในระดับพันล้านเซล
เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซล
มะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรค
มะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว
มันหมายถึงว่าระบบไม่
สามารถตรวจสอบเซล
มะเร็งได้เพราะว่าจำนวน
ของมันยังไม่มากพอจนถึง
ระดับที่สามารถตรวจจับได้
เท่านั้น

2.เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง
6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งใน
ช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

3.เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของ
ร่างกายแข็งแรงเพียงพอ
เซลมะเร็งจะถูกทำลาย
และป้องกันไม่ให้เกิดการ
ขยายตัวกลายเป็นเนื้องอก

4.เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง
มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมี
ความบกพร่องหลายประการ
เกี่ยวกับโภชนาการซึ่งอาจ
เกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม
อาหาร และปัจจัยอื่นๆใน
การดำรงชีวิต

5.เพื่อเอาชนะภาวะบก
พร่องหลายประการเกี่ยว
กับโภชนาการ
การเปลี่ยนแปลงประเภท
ของอาหารรวมทั้งสาร
อาหารบางอย่างจะช่วยให้
ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

6.การทำคีโมคือการให้สาร
เคมีที่มีความเป็นพิษกับเซล
มะเร็งที่กำลังเติบโตอย่าง
รวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน
มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่
กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในไขกระดูก ทำลายระบบ
ทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะ
บางส่วนถูกทำลาย เช่น
ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

7.การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็น
การทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็
ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็น
แผลเป็น และทำลายเซล
ที่ดี เนื้อเยื่อและอวัยวะ

8.การบำบัดโดยคีโม และ
การฉายรังสีมักจะช่วยลด
ขนาดของเนื้องอกได้ใน
ช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตาม
ถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่
ส่งผลต่อการทำลายเซล
เนื้องอก

9. เมื่อร่างกายได้รับสาร
พิษจากการทำคีโม หรือ
การฉายรังสีมากเกินไป
ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัว
เข้ากันได้ หรือไม่ก็อาจถูก
ทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้น
จึงอาจตกอยู่ในอันตราย
จากการติดเชื้อหลายชนิด
และทำให้โรคมีความซับ
ซ้อนยิ่งขึ้น

10.การทำคีโมและการ
ฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำ
ให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์
ดื้อยา ยากต่อการทำลาย

การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุ
ทำให้เซลมะเร็งกระจายไป
ทั่วร่างกาย

11.วิธีที่ดีที่สุดในการทำ
สงครามกับมะเร็ง คือการ
ไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหาร
เพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
(tulip)(tulip)(tulip) อะไรคืออาหารที่ป้อนให้
กับเซลล์มะเร็ง?

a. น้ำตาลคืออาหารของ
มะเร็ง การตัดน้ำตาล คือ
การตัดแหล่งอาหารสำคัญ
ที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง
สารทดแทนน้ำตาลอย่าง
เช่น นิวตร้าสวีต อีควอล สปูนฟูล ฯลฯ ล้วนทำมา
จากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลาง
ที่ดีกว่า คือ น้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือ
น้ำอ้อยแต่ในปริมาณน้อยๆ
เท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมี
ในการฟอกขาว ควรหันไป
เลือกใช้ "แบรก อมิโน" หรือ เกลือทะเลแทน

b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่าง
กายผลิตเมือกโดยเฉพาะ
ในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหาร
ได้ดีในสภาวะที่มีเมือก
การใช้นมถั่วเหลืองชนิด
ไม่หวานแทนนม จะทำให้
เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร

c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี
ในภาวะแวดล้อมที่เป็นกรด
อาหารจำพวกเนื้อจะสร้าง
สภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึง
ควรหันไป
-รับประทานปลาจะดีที่สุด
-รองลงไปคือรับประทาน
ไก่ (แทนเนื้อและหมู)

ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ
ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญ
เติบโตในสัตว์และเชื้อปรสิต
บางประเภทตกค้างอยู่
ซึ่งล้วนเป็นอันตราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ
คนที่เป็นมะเร็ง

d. อาหารที่ประกอบด้วย
ผักสด 80% และน้ำผลไม้
พืชจำพวกหัว เมล็ดถั่ว
เปลือกแข็ง และผลไม้
จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำ
ให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง
อาหารอีก 20% อาจได้
มาจากการทำอาหารร่วม
กับพืชจำพวกถั่ว

น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่ง
สามารถดูดซึมได้ง่ายและ
ซึมซาบสู่ระดับเซลภาย
ใน 15 นาที เพื่อบำรุง
ร่างกายและส่งเสริมการ
เจริญเติบโตของเซลที่ดี
เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการ
สร้างเซลที่ดี

ให้พยายามดื่มน้ำผักสด
(ผักส่วนใหญ่ รวมทั้งถั่ว
ที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ
2-3 ครั้งต่อวัน

เอ็นไซม์ถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F
(ประมาณ 40 องศา C)

e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา
และช๊อกโกแลต ซึ่งมี
คาเฟอีนสูง
-ชาเขียว..ถือเป็นทาง
เลือกที่ดีและมีคุณสมบัติ
ในการต้านมะเร็ง
-น้ำดื่ม..ให้เลือกดื่มน้ำ
บริสุทธิ์หรือที่ผ่านการกรอง
เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซิน และโลหะหนักในน้ำประปา
-น้ำกลั่น..มักมีสภาพเป็น
กรด ให้หลีกเลี่ยง

12.โปรตีนจากเนื้อจะย่อย
ยาก และต้องการเอ็นไซม์
หลายชนิดมาช่วยในการ
ย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถ
ย่อยได้ในระบบทางเดิน
อาหารจะเกิดการบูดเน่า
และมีความเป็นพิษมากขึ้น

13.ผนังของเซลมะเร็งจะ
มีโปรตีนห่อหุ้มไว้
การงดหรือการรับประทาน
เนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มี
เอ็นไซม์เหลือมากพอมา
ใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่
ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วย
ให้เซลของร่างกายสามารถ
กำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น

14.สารอาหารบางอย่าง
อาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
(สาร IP6 [inositol
hexaphosphate หรือ
phytic acid],
สาร Flor-essence,
สาร Essiac,
สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์,
วิตามิน, เกลือแร่, EFAs)
เพื่อช่วยให้เซลของร่างกาย
สามารถกำจัดเซลมะเร็ง
ได้ดีขึ้น

สารอาหารอื่นๆ เช่น
-วิตามินอี เป็นที่ทราบกัน
ดีว่าทำให้เกิดการตายลง
ของเซล หรือกำหนดระยะ
เวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติ
ของร่างกายในการกำจัด
เซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็น
ที่ต้องการ หรือไม่มี
ประโยชน์ออกไป

15.มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์
กับจิตใจ ร่างกาย และ
จิตวิญญาณ

การป้องกันเชิงรุก และ
การคิดในเชิงบวกจะช่วย
ให้เราสามารถอยู่รอดจาก
การทำสงครามกับมะเร็ง
-ความโกรธ
-การไม่รู้จักให้อภัย และ
-ความขมขื่นใจ
จะทำให้ร่างกายเกิดความ
ตึงเครียดและมีสภาวะเป็น
กรดเพิ่มขึ้น

-ให้เรียนรู้ที่จะมีความรัก
และจิตวิญญาณแห่งการ
ให้อภัย
-เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและ
มีความสุขกับชีวิต

16.เซลมะเร็งไม่สามารถ
เจริญเติบโตได้ในสภาวะที่
มีอ๊อกซิเจนเิป็นจำนวนมาก
-การออกกำลังกายทุกวัน
-การหายใจลึกๆจะช่วยให้
ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจน
เพิ่มขึ้นไปจนระดับเซล
-การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจน
ถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้
ในการทำลายเซลมะเร็ง
นี่คือเรื่องที่คุณควรส่งออก
ไปให้คนที่มีความสำคัญ
กับชีวิตคุณได้รับรู้รับทราบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท