สมอง : วัยรุ่น


วัยรุ่นต้องการพ่อแม่เข้าใจเขาทุกเรื่อง รวมถึงการแต่งกายและการแสดงออก ดังนั้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นพลังสร้างสรรค์ พลังแห่งปัญญาพลังครอบครัวนำพาสังคมในภายหน้าต่อไป เราควรหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพของการดูแลคุณภาพของการบ่มเพาะ รวมถึงคุณภาพของสังคม ชุมชน

               

 

               สมองเป็นอวัยวะที่มีพัฒนาการของการเจริญเติบโต ในแต่ละการเจริญเติบโตแสดงออกถึงความสามารถของพฤติกรรม นั่นหมายถึงมีกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ พัฒนาการของการเจริญเติบโตใช้เวลา ถึงแม้ว่าจะเร่งเวลาไม่ได้ แต่เติมเต็มศักยภาพในแต่ละจังหวะของช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับพัฒนาการสมองมนุษย์นั้น ขอกล่าวโดยสรุปว่า มนุษย์ เรานั้นมีพัฒนาการของสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา และสามารถรับความรู้สึกได้ เช่น ในกรณีแม่ตั้งครรภ์อยู่ในภาวะเครียดจะมีการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น ตลอดจนการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ผิดปกติไปจากเดิม เด็กในครรภ์ก็จะมีปฏิกิริยารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในเหล่านี้ และตอบสนองด้วยการดิ้น เป็นต้น

              จากการศึกษาในระดับชีวโมเลกุลพบว่าในสภาวะเครียด สมองจะหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล(Cortisol) ซึ่งคุณสมบัติของฮอร์โมนชนิดนี้สามารถผ่านรกไปที่ตัวอ่อนในครรภ์ มีผลต่อระบบการแบ่งตัวของสายยีน (DNA proliferation) ในลักษณะยับยั้ง และจากการศึกษาติดตามมารดาและทารกหลังคลอด พบว่าเด็กที่เกิดจากมารดาที่มีภาวะเครียดในระหว่างตั้งครรภ์จะมีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าเด็กที่มารดาไม่มีภาวะเครียดในระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนั้นระบบภูมิคุ้มกันของเด็กที่เกิดจากมารดาที่มีภาวะเครียดในระหว่างตั้งครรภ์จะมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กที่มารดาไม่มีภาวะเครียดในระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งจะสังเกตได้ว่าจะมีภาวะการเจ็บป่วยบ่อยกว่าเด็กที่มารดาไม่มีภาวะเครียดในระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้นสูติแพทย์และผู้ทำงานที่เกี่ยวกับการดูแลหญิงตั้งครรภ์จึงเน้นในการแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์มีสภาวะอารมณ์ดีอยู่เสมอตลอดระยะของการตั้งครรภ์ เพื่อคุ้มครองสิทธิการมีสุขภาวะแรกคลอดของเด็กนั่นเอง

               ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นเพียงตัวอย่างของปัจจัยด้านธรรมชาติ หรือเรียกว่า Nature ที่ควบคุมปัจจัยทางพันธุกรรมแต่พัฒนาการของสมองมนุษย์ยังมีปัจจัยด้านการเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อมซึ่งรวมเรียกว่าNurture อันเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อพัฒนาการสมองและพฤติกรรมของมนุษย์ตลอดตั้งแต่เกิดจนสิ้นอายุขัยทีเดียว

 

สมอง วัยรุ่น

  

                ปัจจัยด้านการเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นได้ทั้งปัจจัยเชิงบวก และปัจจัยเชิงลบ หมายถึงเป็นได้ทั้งปัจจัยส่งเสริม และปัจจัยควบคุม จากองค์ความรู้ด้านพัฒนาการสมองที่กล่าวว่าสมองมีพัฒนาการตั้งแต่ในครรภ์นั้นคือสมองมนุษย์จะถูกพัฒนาโครงสร้าง (structure) ซึ่งประกอบด้วยเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์และพัฒนาหน้าที่การทำงาน (function)เกือบสมบูรณ์ตั้งแต่ในครรภ์ เหลือเพียงแต่การพัฒนาจุดเชื่อมโยง(synapse) ของข่ายใยประสาทต่างๆ (network) ให้ทำงาน ให้เกิดวงจรที่ทำหน้าที่อย่างเต็มศักยภาพ (ดังภาพ) แต่ถ้าผ่านหน้าต่างแห่งโอกาสหรือไม่มีโอกาส (windows of opportunity) ให้โครงข่ายใยประสาทได้ทำหน้าที่ ได้สร้างวงจรเชื่อมโยง (Firing) ในช่วงเวลาเหมาะสม (critical period) แล้วนั้น ข่ายใยประสาทที่มีอยู่จะลดประสิทธิภาพลง จนถูกกระบวนการทำลายทิ้ง (pruning) ของสมองทำลายไป ผลก็คือไม่สามารถแสดงพฤติกรรมด้านนั้นได้ต่อไปแม้ถูกกระตุ้นในภายหน้าก็ตาม (เนื่องจากไม่มีวงจรเชื่อมโยง) จากข้อเท็จจริงตรงนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยาพยายามแสดงให้สังคมประจักษ์ว่าช่วงสำคัญของชีวิตคือพัฒนาการในช่วง ๒ ปีแรก ที่จะเตรียมสร้างจุดเชื่อมต่อของข่ายใยประสาทให้มาก เกิดวงจรเชื่อมโยงของสมองในหลายบริเวณ และจะต้องไม่กระตุ้นข่ายใยประสาท หรือสร้างวงจรเชื่อมโยงในด้านที่ไม่ดีนั้นให้แสดงออกมา ทั้งนี้เพื่อให้ต้นทุนของสมองของทุกชีวิตที่ได้มาแต่บรรพบุรุษได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ

               สมองมนุษย์นั้นมีส่วนที่ต่างกับสัตว์คือสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่คิดเป็นเหตุเป็นผล มีความสามารถในการวิเคราะห์ เกิดปัญญา มีจินตนาการ เรียกสมองบริเวณนี้ว่า cerebral cortex ส่วนนี้เองที่จะทำให้มนุษย์เราเจริญถึงจิตปัญญาได้ จากรายงานการวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์พบว่าสมองส่วนนี้สามารถพัฒนาได้จนถึงอายุ ๒๐ - ๒๕ ปีทีเดียวประเด็นนี้ทำให้เข้าใจและอธิบายพัฒนาการวัยรุ่นได้ว่าทำไมวัยรุ่นจึงถูกชักจูงได้ง่าย เพราะสมองส่วน cerebral cortex ยังพัฒนาไม่เต็มที่นั่นเอง แต่สมองบริเวณ limbic ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์นั้นประกอบด้วยสมองในหลายส่วนเชื่อมโยงเป็นวงแหวน (limbic system) ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับสัณชาตญาณพื้นฐาน (basic instinct) ต่างๆ เช่นการกิน การต่อสู้ และการหนีเพื่อความอยู่รอด การสืบพันธุ์ และยังควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมความจำ และการเรียนรู้ ระบบลิมบิกนี้จะมีพัฒนาการเติบโตเต็มที่ในช่วงอายุวัยรุ่น โดยประมาณ ๑๓ ปี

             ดังนั้นจึงมีหลายเหตุการณ์จะเห็นการตัดสินใจของวัยรุ่นบนพื้นฐานของอารมณ์ทั้งสิ้นแต่อย่างไรก็ตามสมองส่วนหน้าหรือ cerebral cortex นี้ แม้จะมีพัฒนาการช้ากว่าก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพัฒนาการเลยจะมีพัฒนาการและทำหน้าที่ได้ดีเพียงใดขึ้นอยู่กับการฝึกฝนการใช้งาน สิ่งสำคัญที่สุดของพัฒนาการสมองมนุษย์ คือยิ่งใช้งานบ่อยยิ่งมีประสิทธิภาพ เช่นยิ่งมีประสบการณ์ในเรื่องใดก็จะเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นยิ่งขึ้น ฉะนั้นจะเห็นวัยรุ่นหลายคนสามารถแสดงพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับวัฒนธรรมที่พึงประสงค์ของสังคมส่วนรวม และเป็นเยาวชนตัวอย่างมากมาย ก็เพราะเขาเหล่านั้นมีวิธีคิด มีวิธีให้เหตุผลกับการเลือก หรือไม่เลือกกระทำสิ่งต่างๆ การยับยั้งชั่งใจ การวิเคราะห์ไตร่ตรอง ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นการใช้งานของสมองส่วนหน้าหรือ cerebral cortex ที่กำลังพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ มาถึงตรงนี้เกิดคำถามว่าทำอย่างไรที่จะให้ทุกคนมีการทำงานของสมองส่วนหน้านี้ในเชิงสร้างสรรค์ มีคุณธรรม มีจริยธรรม ต่อเนื่องเชื่อมโยงตั้งแต่วัยเด็กไปตลอดอายุขัย ตัวช่วยที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการเลี้ยงดูของครอบครัว และสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานของพัฒนาการสมอง

              ปัจจุบันสังคมไทยประสบปัญหาเด็กวัยรุ่นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ติดเพื่อน (มั่วสุม) ติดเกมใช้อินเทอร์เน็ตไม่เหมาะสม เสพสื่อไม่สร้างสรรค์ ไม่สนใจเรียนหนังสือ ไม่มีจิตสาธารณะ หลายงานวิจัยวิเคราะห์ว่าเป็นปัญหาจากครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว ระบบการศึกษาไม่เอื้อในการส่งเสริมการเรียนรู้ สังคมไม่เข้มแข็ง มีแหล่งอบายมุข และที่อโคจรให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย จะด้วยสาเหตุจากอะไรก็ตาม แต่จากเหตุผลทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์ชี้ชัดแล้วว่าเป็นเพราะการไม่เข้าใจและไม่รู้เท่าทันพัฒนาการสมองของวัยรุ่น

              เมื่อประจักษ์แล้วว่าช่วงวัยรุ่นจะมีพัฒนาการของระบบลิมบิกเจริญที่สุด ผู้ใหญ่ และผู้ใกล้ชิดทั้งญาติ ครู ผู้ซึ่งเคยผ่านวัยรุ่นกันมาแล้วทุกคนต้องเข้าใจ ทำใจให้เย็น และเป็นธรรม ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองให้เป็นแบบอย่าง เพราะมีการยืนยันจากทฤษฎีเซลกระจกเงาของสมองส่วนหน้าว่าทุกคนจะมีพฤติกรรมเลียนแบบทั้งดีไม่ดีผ่านเซลล์กระจกเงานี้ เมื่อสังเกตพบพฤติกรรมไม่เหมาะสมต้องค่อยพูดค่อยสอนอย่างมีศิลปะ เพราะจะพูดจะสอนแบบเด็กก็ไม่ได้ ครั้นจะสอนแยบยลเข้าใจยากแบบผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ เพราะวัยรุ่นนี้จะเด็กก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง จะเห็นได้ว่าแม้แต่งตัวก็ยาก อาจดูเด็กไปหรือดูเกินวัยไป ฮอร์โมนเพศทุกตัวทำงานแล้ว จึงต้องมีความระมัดระวังในสื่อกระตุ้นต่างๆ ต้องอธิบายให้วัยรุ่นเข้าใจในชีววิทยาของการขับฮอร์โมนเพศ และการแสดงออกที่เหมาะสม และไม่ละเมิดสิทธิต่อบุคคลอื่น ใช้สื่อต่างๆ อย่างสร้างสรรค์เพราะเป็นช่วงของวัยเรียน ทุกคนยังเรียนหนังสือ และต้องเรียนหนังสือเพื่อเป็นทุนในการประกอบสัมมาอาชีพ วัยรุ่นหลายคนไม่ชอบเรียนหนังสือเพราะไม่มีแรงจูงใจในห้องเรียน ครูสอนไม่ “โดน” ดังนั้นครูที่สอนนักเรียนวัยรุ่นต้องปรับตัวทั้งวิธีการสอนและพฤติกรรมของครูเพื่อเป็นแบบอย่าง สร้างแรงจูงใจในการใฝ่เรียน มีกิจกรรมให้วัยรุ่นได้มีพื้นที่แสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม สื่อการเรียนการสอนต้องสร้างสรรค์ เพราะสื่อที่สร้างสรรค์จะเป็นปัจจัยด้านบวกกับการพัฒนาจุดเชื่อมโยงของข่ายใยประสาท และเก็บเป็นความจำ และการเรียนรู้ จากความจำสั้นเป็นความจำถาวร จากความรู้ด้านบวกของสื่อต่อพัฒนาการมนุษย์ทำให้เห็นได้ว่าสื่อที่ดีมีคุณภาพ จะทำให้เด็กและเยาวชนสามารถเกิดการเรียนรู้ที่ดี แต่ในทางกลับกันถ้าเราผลิตสื่อที่มีแต่ความรุนแรง สนองกิเลส ไม่สร้างจิตปัญญา จะทำให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้ในวิถีอารมณ์ ถูกชักจูงและตัดสินใจง่ายๆ อาทิการแสดงออกของอารมณ์บนสื่อโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ มักแสดงออกเกินกว่าขนาดอารมณ์ที่ควรจะเป็นด้วยตามเหตุผลของการแสดงที่ต้องการการแสดงออกมาสมจริง แต่เด็กและเยาวชนมีความจำกัดในพัฒนาการสมองส่วนหน้าจึงมีความจำกัดในจินตนาการและการนึกคิด ที่จะรู้เท่าทันสื่อจึงไม่สามารถเกิดการวิเคราะห์ วิจารณญาณ และปัญญาได้ การทำงานของเซลล์กระจกเงาอาจเป็นการเสริมให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบการแสดงออกบนพื้นฐานสมองส่วนอารมณ์ง่ายๆ ก่อน ถ้าเกิดซ้ำและบ่อย จะพัฒนาไปเป็นอุปนิสัยติดตัวเมื่อเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้ามีผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความเข้าใจพัฒนาการวัยรุ่นมาช่วยชี้แนะกลั่นกรองในทางสร้างสรรค์ให้เรื่องสื่อ กับวัยรุ่นจะไม่น่าเป็นกังวลของสังคม แต่ในสภาพความเป็นจริงเด็กและเยาวชนถูกปล่อยให้เสพสื่อ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ วีซีดี สื่อประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อินเทอร์เน็ต เกมคอมพิวเตอร์ตามลำพัง จึงเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อสมองและพฤติกรรม

               เมื่อลูกเป็นวัยรุ่น พ่อ แม่ ผู้ดูแล ครู ญาติ จะต้องทำอย่างไร อย่าลืมว่าเราทุกคนก็ผ่านช่วงวัยนี้มาแล้วทั้งนั้น ผ่านกันมาคนละแบบ คนละยุค ข้อเสนอแนะในเบื้องต้นคือ กอด จากงานวิจัยทางด้านประสาทวิทยาศาสตร์พบว่าการสัมผัสจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงของสมองในส่วนความรักความผูกพันและฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง เช่น ออกซี่โทซิน จากความรู้สู่การปฏิบัติพบว่าเป็นความจริง จากการพูดคุยกับเด็กผู้หญิงวัยรุ่นติดยา ระหว่างพูดคุยจะพูดคุยด้วยความอ่อนโยน จับมือ สัมผัส ลูบหลัง ให้กำลังใจ อย่างมีจังหวะเพื่อให้เขาไว้ใจ ผ่อนคลาย พอพูดคุยเสร็จก็กอด กอดแบบใจโดนใจเหมือนกอดลูก ตอนแรกวัยรุ่นหญิงคนนี้เกร็ง แต่เพียงอึดใจเดียวเขากอดพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้น คราวนี้กอดไม่ยอมปล่อยพร้อมบอกว่า “ตั้งแต่เด็กๆ มาหนูไม่เคยมีใครกอดและพูดคุยชมเชย ให้กำลังใจหนูแบบนี้มาก่อนเลย ถ้ามีสักคนหนูคงไม่เป็นแบบนี้!!!” จึงเห็นด้วยกับหลายการศึกษาวิจัยที่พบว่า วัยรุ่นต้องการความรักและกำลังใจทุกคน ไม่ว่ามีพฤติกรรมไม่ดีสุด ๆ หรือแม้ทำดีสุด ๆ และมีคนชมเชยมากแล้วก็ยังอยากได้ยินคำชมและกำลังใจอยู่ดี และจากการถอดบทเรียนคนใกล้ชิดที่ประสบความสำเร็จดูก็จะพบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จผ่านแต่ละช่วงวัยอย่างมีความหมายได้นั้น เขามีคนคอยเป็นกำลังใจและไว้วางใจได้อย่างน้อยๆหนึ่งคนทุกคน

               จึงสรุปได้ว่าผู้ที่อยู่ใกล้ชิดวัยรุ่นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นแบบอย่าง มีความใจเย็น ค่อยๆฟังคำอธิบายของวัยรุ่น แม้ดูเหมือนว่าเป็นคำแก้ตัว ต้องคอยสอนถึงวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหาด้วยกันลองนั่งเล่นเกมด้วยกัน นั่งเล่น Hi 5 ด้วยกัน วัยรุ่นต้องการพ่อแม่เข้าใจเขาทุกเรื่อง รวมถึงการแต่งกายและการแสดงออก ดังนั้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นพลังสร้างสรรค์ พลังแห่งปัญญา พลังครอบครัวนำพาสังคมในภายหน้าต่อไป เราควรหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพของการดูแล คุณภาพของการบ่มเพาะ รวมถึงคุณภาพของสังคม ชุมชน

 

วันนี้กอดลูกกันหรือยัง!!!

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

 

ประภาพรรณ จูเจริญ. (๒๕๕๐). กระบวนทัศน์ใหม่เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กไทยใน

       ทศวรรษหน้า. กรุงเทพฯ : สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว

       มหาวิทยาลัยมหิดล.

หมายเลขบันทึก: 334833เขียนเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2010 18:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 18:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท