การศึกษาการบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา จังหวัดนครราชสีมา
นายพฤทธิ์ พงษ์สีดา
ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ปี พ.ศ. 2546
วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนา การเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามขนาดของโรงเรียนและวุฒิการศึกษา
วิธีการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาสังกัด สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 302 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า ชนิด 5 ระดับ จำนวน 43 ข้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว
ผลการวิจัย
1. การบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง โดยการบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ด้านการวางแผนมากที่สุด ( =3.47, S.D. = .62) รองลงมา คือ ด้านการปฏิบัติตามแผน (=3.40, S.D. = .68) ด้านการนำผลการประเมินมาปรับปรุง (=3.38, S.D. = .71) และด้านการตรวจสอบประเมินผล (=3.14, S.D. = .78) ตามลำดับ
2. การบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดกลางและโรงเรียนขนาดใหญ่ โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เพียง 1 ด้าน คือ ด้านการวางแผนการบริหารงานวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีและต่ำกว่า สูงกว่าปริญญาตรีและกำลังศึกษาปริญญาโท แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้งโดยภาพรวมและรายด้านทุกด้าน
ไม่มีความเห็น